14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน วาสคนเขลา
ความสามารถของคุณหนูรองสกุลหลี่ดังไปทั่วเหนือจรดใต้ ความห้าวหาญที่ฝึกฝนมาจากครอบครัวพ่อค้าทำให้ศัตรูคู่อริของสกุลหลี่ต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ลมพัดแดดส่องมานาน และไม่ชอบการแต่งหน้าแต่งตัว มีความสามารถที่มีชื่อเสียงไปทั่วหล้าซึ่งทำให้คนมองข้ามรูปโฉมแต่เดิมของนางไป…
แต่ในวันนี้ เพราะตกจากม้าจนกระเทือนถึงสมอง สาวน้อยที่อยู่ในวัยแรกแย้มนี้จึงถอดพิษร้ายหนามแหลมในอดีตทิ้งไป เปิดเผยความงามนิ่มนวลที่ซ่อนเอาไว้ใต้เปลือกแข็งอย่างไม่ปิดบัง…
เสิ่นหรูป๋อย่อตัวที่สูงใหญ่ลงอย่างช้าๆ ภายใต้สายตาหวาดหวั่นของหญิงสาว แล้วยื่นนิ้วมือยาวออกไป ลูบเบาๆ บนแก้มนวลเนียนของหญิงสาว นิ้วยาวลูบสัมผัสสักครู่ก็เลื่อนลงมากลางริมฝีปากสองกลีบนั้นอย่างง่ายดาย วนเวียนอยู่สักครู่ก็เลื่อนเข้าไปในปากของนางอย่างช้าๆ ราวกับอสรพิษที่ตั้งท่ารอมานาน ความเย็นวนเวียนอยู่ที่ปลายลิ้นนุ่มลื่นของนาง…
หลี่รั่วอวี๋ถูกนิ้วยาวนั้นหยอกเย้าจนรู้สึกไม่สบายตัวจึงขัดขืนจะหลบหลีก แต่ปลายคางเล็กน่ารักกลับถูกมือใหญ่ทรงพลังอีกข้างหนึ่งของชายหนุ่มยึดไว้ทำให้สลัดไม่หลุด ปากที่ไม่อาจหุบลงได้ตามใจ มีน้ำหวานไหลออกมาจากมุมปากช้าๆ ในดวงตาคู่งามมีน้ำตาแห่งความกล้ำกลืนคลอหน่วย
เสิ่นหรูป๋อดวงตาน่ากลัวขึ้นหลายส่วน ก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะโน้มลงต่ำเข้าหาคนที่ตัวสั่นเทาตรงหน้าอีกนิด
แต่ในตอนนี้เอง ข้างประตูวงเดือนนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังลอยมา “คุณหนูรอง! คุณหนูรอง ท่านอยู่ที่ใดเจ้าคะ”
หล่งเซียงสาวใช้ประจำตัวหลี่รั่วอวี๋วิ่งเข้ามาทางประตูวงเดือนของสวนดอกไม้อย่างร้อนใจ พอช้อนตาขึ้นก็เห็นเงาร่างสูงใหญ่ของเสิ่นหรูป๋อนั่งย่อตัวอยู่ในศาลาพักร้อน แต่เพราะร่างของเขาใหญ่มาก จึงทำให้มองเห็นภาพตรงหน้าตัวเขาไม่ชัด พอเดินเข้าไปอีกไม่กี่ก้าวจึงเห็นคุณชายรองเสิ่นประคองคุณหนูรองที่นั่งอยู่บนพื้นขึ้นมาแล้ว
เมื่อครู่โจวอี๋เหนียง* ในคฤหาสน์พาบุตรสาวคุณหนูสามหลี่เสวียนเอ๋อร์มาดื่มชาที่นี่ แม้ตัวคนจะกลับเรือนไปแล้ว แต่เครื่องชาเต็มโต๊ะยังไม่ทันเก็บ ตนเองก็ประมาท เพิ่งไปดูยาหม้อในห้องครัวเพียงชั่วครู่ ป้าหลิ่วบ่าวหญิงอาวุโสที่เฝ้าประตูไปสุขา คุณหนูรองก็เดินมาถึงที่นี่คนเดียวอย่างเงียบๆ ดูจากสถานการณ์แล้วน่าจะไม่ระวังจนทำถ้วยชาตกแตก ไม่รู้ว่ามือเท้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่
รอจนหล่งเซียงเดินเข้ามาใกล้ จึงเห็นว่ามุมปากของคุณหนูรองยังมีคราบน้ำลายติดอยู่ก็รู้สึกปวดใจ เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่เดือน คุณหนูรองที่เฉลียวฉลาดเหนือผู้ใดของนางกลับปัญญาอ่อนถึงขั้นนี้ น้ำลายไหลก็ยังเช็ดให้ตนเองไม่เป็น ยังจะมีโอกาสกลับมาดีเหมือนเดิมได้หรือ
ยังไม่ทันที่นางจะส่งเสียงพูดอีกครั้ง เสิ่นหรูป๋อก็พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เหตุใดข้างกายคุณหนูรองจึงไม่มีคนคอยปรนนิบัติ เมื่อครู่ตอนข้ามานางก็ล้มลงพื้นแล้ว ถ้าถูกเศษถ้วยบาดเจ็บไปจะทำอย่างไร”
หล่งเซียงมีสีหน้าละอายใจ รีบโค้งคำนับแล้วพูดว่า “บ่าวสมควรตาย ประมาทไปชั่วครู่ ปล่อยให้คุณหนูออกจากเรือนมาคนเดียว” นางกล่าวพลางจะยื่นมือไปประคองตัวหลี่รั่วอวี๋
แต่เสิ่นหรูป๋อกลับกางแขนช้อนอุ้มหลี่รั่วอวี๋ขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปทางเรือนชั้นในของนาง หลี่รั่วอวี๋ก็ไม่รู้ว่าโมโหอะไร บิดตัวไม่ยอมให้เสิ่นหรูป๋อเข้าใกล้ ถูกแขนเหล็กนั้นอุ้มไว้แน่นไม่อาจเป็นอิสระได้ แต่ปากกลับส่งเสียงอ้อแอ้ ยื่นสองมืองามแล้วใช้เล็บยาวข่วนใบหน้าหล่อเหลาของเสิ่นหรูป๋อจนเป็นรอยเลือดหลายรอย
ทว่าข่วนจนเป็นเช่นนี้เสิ่นหรูป๋อกลับไม่ขุ่นไม่เคือง เพียงขยับแขนเล็กน้อย ไม่ได้หลบหลีก ปล่อยให้หลี่รั่วอวี๋ข่วน ปากก็พูดอย่างอ่อนโยน “รั่วอวี๋เด็กดี เมื่อครู่เพิ่งหกล้ม ไม่รู้ว่าบาดเจ็บถึงเอ็นถึงกระดูกหรือไม่ รอข้าอุ้มเจ้าเข้าห้อง ตามท่านหมอมาตรวจอาการสักหน่อย เด็กดี อีกครู่จะปล่อยเจ้าลงนะ…”
ว่ากันว่าเมื่อตกทุกข์จะเห็นความจริงใจ สองเดือนมานี้ ไม่ว่าหลี่รั่วอวี๋จะหมดสติไม่ยอมฟื้นหลังตกจากหลังม้า หรือเมื่อฟื้นแล้วก็กระเทือนถึงสมอง ทั้งจำคนไม่ได้และไม่พูดจา เสิ่นหรูป๋อผู้นี้ล้วนไม่ทอดทิ้ง และไม่แสดงท่าทางรังเกียจแต่อย่างใด
ผู้ใดบ้างจะไม่รู้ว่าเสิ่นหรูป๋อผู้นี้มีความสามารถทั้งบุ๋นบู๊ และมีความสง่างาม รูปโฉมหล่อเหลาเรียกได้ว่าเป็นชายงาม หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้สกุลเสิ่นตกต่ำลงมาก บุตรชายสกุลเสิ่นที่บรรพบุรุษเคยเป็นขุนนางถึงขั้นอัครเสนาบดีคงไม่ยอมแต่งเข้าสกุลหลี่แน่นอน
เดิมทีบ่าวไพร่ในคฤหาสน์ก็เป็นเหมือนฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ ตอนแรกที่ได้ยินว่าคุณชายรองเสิ่นยอมรับเงื่อนไขสุดโหดของคุณหนูก็ล้วนติดใจสงสัยว่าคุณชายรองเสิ่นหรูป๋อที่ชะตากำหนดให้ไม่อาจสืบทอดสกุลเสิ่นอันรุ่งเรือง ซ้ำยังไม่ติดอันดับในการสอบที่เมืองหลวงจะพุ่งเป้ามาที่ทรัพย์สมบัติสกุลหลี่จึงยอมแต่งเข้าสกุลหลี่
แต่หลายปีมานี้ เห็นคุณชายลูกขุนนางผู้นี้ที่เดิมทีไม่รู้เรื่องการค้าขายเลย ทำกิจการสาขาร้านหลายแห่งได้รุ่งเรืองภายใต้การชี้แนะของคุณหนูของตน พลิกสภาพเลวร้ายของสกุลเสิ่นที่มีรายได้ไม่พอรายจ่ายจนต้องขายทรัพย์สินของบรรพบุรุษได้อย่างสิ้นเชิง เพียงพอจะทำให้เห็นว่าคุณชายรองผู้นี้ไม่ใช่ลูกเศรษฐีที่ทำอะไรไม่เป็น
ได้ยินว่าคุณชายใหญ่สกุลเสิ่นที่ถูกลดตำแหน่งจะฟื้นตัวได้แล้ว เพราะได้รับความรักชื่นชมจากสกุลไป๋ จึงขึ้นตำแหน่งกลับเข้าเมืองหลวงตามเดิม
สกุลเสิ่นใกล้จะฟื้นคืนอำนาจดังเดิมแล้ว ในตอนนี้คุณหนูรองกลับป่วยร้ายแรง หากคุณชายรองเสิ่นล้มเลิกการแต่งงาน ถอนการหมั้นหมายที่เดิมไม่ค่อยเหมาะสมกันอยู่แล้ว คนรอบข้างก็ไม่อาจพูดอะไรได้