X
    Categories: With Loveทดลองอ่านสะดุดใจลงเอยรัก

ทดลองอ่าน สะดุดใจลงเอยรัก บทที่ 1

หน้าที่แล้ว1 of 6

บทที่ 1

เป๊ง! ยกที่หนึ่งเริ่มได้

ย้อนเวลากลับไปสองสัปดาห์ก่อน

ชนาพร จรัสกุล หรือเป็ด เป็นหนึ่งในกองบรรณาธิการคอลัมน์รักวัยใส และมีหุ้นส่วนในสำนักพิมพ์นิตยสารขวัญใจวัยทีนชื่อดังของประเทศอย่างไอเลิฟ (I Love) กำลังนั่งหน้าเครียดพลางยกนิ้วโป้งวนขมับสองข้างของตัวเองไปมาในห้องประชุม เหตุเพราะธุรกิจนิตยสารที่เธอกับเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยอีกสามคนสู้ปลุกปั้นกำลังเดินทางมาถึงทางตัน โดยผู้ถือหุ้นทั้งหมดได้แก่ชนาพร เกวลิน เฌอริมา และนัชชารี เห็นพ้องตรงกันที่จะประกาศปิดตัวนิตยสารขวัญใจวัยรุ่นสุดฮิตกลางเดือนหน้า

สาววัยยี่สิบหกปีอยู่ในอารมณ์ท้อถอย เดินโซเซออกมาจากตึกออฟฟิศ ฝีเท้าสองข้างที่เจ้าตัวรู้สึกว่ายิ่งก้าวเดินยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ หยุดยืนอยู่หน้าประตูทางออกที่เชื่อมกับลานจอดรถ ก่อนจะทอดถอนใจออกมาเสียงดังจนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำชั้นที่ยืนเฝ้าประตูอยู่ไม่ไกลสะดุ้งเฮือกแล้วหันมามอง ทว่าคนกำลังสิ้นหวังไม่คิดจะสนใจสรรพสิ่งรอบตัว หญิงสาวคิดย้อนไปถึงเหตุผลต่างๆ ที่ทำให้นิตยสารอย่างไอเลิฟเดินทางมาถึงจุดอวสาน ต้องปิดตัวลงเหลือเพียงตำนาน ก็จริงอยู่ที่ยุคสมัยเปลี่ยนไป พฤติกรรมของผู้บริโภคจึงเปลี่ยนแปลงตาม แต่มันไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้ธุรกิจต้องล้มเลิกหรอก

‘ข่าวดี ฉันได้ทุนไปเรียนต่อโทที่ลอนดอนแล้วโว้ย’ เกวลินกระโดดตัวลอยพลางกรี๊ดกร๊าด ก่อนจะยื่นหน้าจอมือถือที่เปิดอีเมลค้างเอาไว้ให้เพื่อนอีกสามคนดูหลักฐาน

‘ราเชดบอกว่าหลังแต่งงานกันแล้ว ฉันจะต้องย้ายตามเขาไปอยู่คูเวต’ นัชชารีสาวไทยผู้โชคดีเพราะถูกมหาเศรษฐีบ่อน้ำมันคุกเข่าขอแต่งงานเมื่อสามเดือนก่อน บอกเล่าแผนชีวิตคู่ของตัวเองด้วยประกายตาวิบวับ

‘แม่ของฉันเป็นมะเร็ง ฉันต้องกลับไปอยู่เชียงรายเพื่อดูแลท่านในวาระสุดท้าย’ เฌอริมาพูดด้วยหน้าตาเศร้าหมอง ก่อนเขื่อนน้ำตาที่เจ้าตัวกลั้นเอาไว้ตลอดหลายวันจะพังทลายลงในที่สุด

สีหน้าและน้ำเสียงของเกวลิน นัชชารี และเฌอริมายังคงลอยวนเวียนรบกวนระบบสมองของชนาพรเหมือนมีคนคอยกดปุ่มรีเพลย์ซ้ำแล้วซ้ำอีก และด้วยปัญหานานัปการที่รับรู้มาทำให้เธอตัดใจยอมปิดฉากธุรกิจกับเพื่อนสาวอีกสามคนลงในที่สุด

คนถูกความทุกข์รบกวนจิตใจอดจะถอนหายใจออกมาอีกรอบไม่ได้ ความจริงเธอเองก็คาดหวังกับไอเลิฟไว้มาก อุตส่าห์ลงทุนลงแรงปลุกปั้นจนนิตยสารเป็นที่รู้จัก ไม่คิดว่ามันจะเดินทางมาถึงจุดอวสานรวดเร็วปานนี้ พอคิดอย่างนั้นชนาพรก็ทำท่าจะถอนหายใจเฮ้อเป็นรอบที่สาม แต่ก็ตัดสินใจฝืนสูดออกซิเจนเข้ารูจมูกฟืดใหญ่แทน พลันนั้นในสมองก็นึกไปถึงตอนที่มารดาคะยั้นคะยอพาเธอไปดูดวงกับหมอโหราศาสตร์ชื่อดังเมื่อปลายปี ส่วนตัวหญิงสาวไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ แต่ที่ยอมไปเพราะตามใจมารดาจึงฟังบ้างเหม่อบ้าง ได้ยินแว่วๆ ว่าอุปนิสัยพื้นดวงเธอเป็นคนห้าวหาญบ้าบิ่น เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ ปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตด้านการงานและความรักแบบไม่คาดฝัน ไม่คิดเลยว่าคำทำนายของหมอคนนั้นจะแม่นเพียงนี้ ปัดโธ่เอ๊ย! การเปลี่ยนแปลงเรื่องงานครั้งใหญ่ ไอ้เราก็นึกว่าจะเจริญก้าวหน้า กลับกลายเป็นถอยหลังเข้าคลองเสียอย่างนั้น ริมฝีปากฉาบสีส้มอิฐบนล่างเม้มเข้าหากัน พานให้คิดว่าขนาดเรื่องงานยังวายป่วงขนาดนี้ แล้วเรื่องความรักเล่าจะขนาดไหนกัน

ชนาพรยืนสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระ เนื่องจากรู้สึกว่าตัวเองกำลังจิตใจอ่อนไหวจนเริ่มงมงายเข้าไปทุกที พอคืนสติ หญิงสาวจึงกวาดสายตาไปทั่วลานจอดรถเพื่อมองหารถฟอร์จูนเนอร์สีบรอนซ์เทาของตน ก่อนจะเห็นมันจอดอยู่ในซองรอเจ้าของเดินไปหา ไม่ชักช้า เธอก้าวขาฉับๆ ตรงดิ่งไปยังยานพาหนะเป้าหมายทันที โดยลืมคำนึงถึงความปลอดภัยยามใช้ท้องถนน ส่งผลให้เจ้าตัวไม่ทันระวัง ไม่เห็นว่ามีรถคันหนึ่งกำลังขับพุ่งตรงมาทางเธอ

ปี๊นนน!

“กรี๊ดดด!”

ชนาพรหันไปมองยานพาหนะที่เสมือนมัจจุราชพรากชีวิตพลางกรีดร้องลั่นด้วยความตกใจถึงขีดสุด ริมฝีปากเปิดอ้าหวอ นัยน์ตาที่กำลังสับสนกับปัญหาชีวิตอยู่เบิกโพลง ก่อนจะคู้ตัวลง และสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบในเสี้ยววินาทีต่อมา

กลิ่นฉุนจากแอมโมเนียไปกระตุ้นอวัยวะในระบบทางเดินหายใจ ปลุกคนหมดสติให้กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ทว่าความทรงจำของผู้ป่วยยังมีภาพเหตุการณ์ขวัญผวาติดค้างอยู่ ทำให้เจ้าตัวสะดุ้งฟื้นคืนสติ ดวงตาสองข้างเบิกโพลง

“คนไข้รู้สึกตัวแล้วค่ะ”

ชนาพรมองนางฟ้าในชุดขาวด้วยสายตามึนงงระคนสงสัยว่าตัวเองวาร์ปมาโรงพยาบาลได้อย่างไร พลันนั้นเองสมองผู้ป่วยได้เกิดอาการที่เรียกว่าแฟลชแบ็ก เห็นภาพรถคันดำยี่ห้ออาวดี้ทีทีพุ่งเข้าหาร่างตนแวบเข้ามาในหัว

“คุณพยาบาล ฉันยังไม่ตายใช่ไหมคะ” คนรักตัวกลัวตายถามละล่ำละลักกับบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังจัดเก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาล พลางใช้มือหยิกแขนตัวเองอีกข้างจนต้องสูดปากเบาๆ

“ยัง เธอแค่ตกใจจนสลบไป” เสียงเข้มตอบห้วนแต่ตรงประเด็น

เพราะน้ำเสียงที่คุ้นเคยเหลือเกินทำให้ชนาพรหันขวับไปมองหาต้นตอที่ยืนดูอาการเธอนานแล้วอยู่อีกฝั่งของเตียงคนไข้ ส่งผลให้รูม่านตาของหญิงสาวถึงกับขยายกว้างแทบทันที เมื่อรับรู้ว่าเจ้าของเสียงปริศนาผู้นั้นเป็นใคร

“แทนคุณ” ชนาพรขมวดหัวคิ้วเข้าหากันเป็นโบขนาดใหญ่ กระถดกายเปลี่ยนท่าจากนอนราบเป็นนั่งกึ่งนอน “นายมาทำอะไรที่นี่ เอ๊ะ! หรือว่าเจ้าของรถคันนั้นคือ…”

“อืม”

หญิงสาวจ้องเขม็งคนทำผิดที่ยอมรับผิดด้วยคำพูดสุดสั้นแสนห้วนอย่าง ‘อืม’ ด้วยความรู้สึกไม่พอใจ ยิ่งเห็นหน้าตาท่าทางเก๊กหล่อของอีกฝ่ายด้วยแล้ว ยิ่งหงุดหงิดจนฟันกรามถึงกับขบกันดังกรอดๆ

หน็อยแน่! ขับรถเกือบสอยเธอไปเฝ้าท่านพญายมอยู่แล้ว ไม่คิดจะพูดขอโทษกันสักคำเลยหรืออย่างไร

“นายขับรถประสาอะไร ทำไมไม่ระวังคนเลยฮะ!” ชนาพรเปิดศึกกับคนไร้สามัญสํานึกทันที

“คุณพยาบาลครับ ผมขอเวลาสักครู่นะครับ” แทนคุณไม่ได้ตอบโต้คนเจ็บเดี๋ยวนั้น เขาหันไปพูดกับนางพยาบาลสาวเสียงนุ่ม พอเห็นหล่อนเดินออกไปแล้ว จึงกลายร่างจากเทพบุตรสุดหล่อเป็นปีศาจร้ายใจโฉดทันที “ส่วนเธอ หยุดโวยวายแล้วฟังฉันให้ดี ฉันขับรถของฉันมาตามปกติ เธอต่างหากที่เป็นฝ่ายเดินใจลอยตัดหน้ารถฉันเอง ทีหลังจะเอะอะอะไร ช่วยฉุกคิดสักนิดว่าเรื่องราวจริงๆ มันเป็นยังไงหน่อยดีไหมครับคุณผู้หญิง”

คนหาจังหวะจะเถียงกลับแต่ไม่ทัน อีกฝ่ายดันพูดจบเสียก่อน หญิงสาวจึงทำได้แค่เม้มปากคิดตามวาจาเหน็บแนมของคู่กรณี “ฉะ…ฉัน…”

“อย่าเถียง!” แทนคุณทำหน้าดุใส่คนทำผิดแล้วยังมากล่าวหาเขาหน้าตาเฉย

ชนาพรอ้าปากค้าง ใจอยากจะแย้งปกป้องตัวเองแทบขาดว่าเธอไม่ผิด แต่พอนึกย้อนความทรงจำไปแล้วก็เห็นจะจริงตามที่อีกฝ่ายพูด สถานการณ์เลยกลับตาลปัตร ความผิดทั้งหมดถูกโยนกลับมาที่ตัวต้นเรื่องคือชนาพรอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเธอประมาทตอนข้ามถนนจริงอย่างที่คู่กรณีกล่าวหา คนเถียงไม่ออกตกอยู่ในสถานะเป็นรอง ความคิดฝ่ายนางมารปะทะฝ่ายนางฟ้า กำลังตีกันอีนุงตุงนัง ให้เลือกระหว่างการแสร้งทำเป็นอารมณ์ฉุนเฉียวเพื่อรักษาหน้าที่แตกดังเพล้งแล้วต่อไป หรือสงบปากสงบคำและยอมรับความผิดของตนแต่โดยดี

ท้ายที่สุดหญิงสาวจึงเลือกสงบปากสงบคำเสีย คนเราทำผิดแล้วต้องกล้ายอมรับมัน มารดาสอนเธอไว้เสมอ ในเมื่อเธอคือต้นเหตุของปัญหาเพราะประมาทเลินเล่อเอง ฉะนั้นแทนคุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรใดๆ ในเหตุการณ์นี้ทั้งสิ้น

เคลียร์!

“พวกเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันจะจัดการให้”

“ไม่…”

“หยุด! ฉันไม่มีเวลาว่างเถียงกับเธอหรอกนะ ถ้าเธอยังขืนเข้าใจอะไรยากเย็นล่ะก็ รถของฉันติดกล้องด้านหน้าไว้” แทนคุณเว้นจังหวะก่อนจะเน้นเสียงหนักในประโยคถัดมา “ภาพชัดแจ๋วมาก ไปหาตำรวจพร้อมกันได้เลย”

“นายขู่ฉันเหรอ” คำว่า ‘ไม่เป็นไร’ ในตอนแรกถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอทันที คนเริ่มมีน้ำโหถลึงตาแทบถลนออกมานอกเบ้า

คนสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรขยับกายเข้าใกล้คนป่วยบนเตียงคล้ายกับยืนข่ม ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาให้ระดับสายตาอยู่พอดีกัน “จุ๊ๆ ฉันไม่ได้ขู่ รอให้น้ำเกลือหมดก่อน ฉันจะขับรถพาเธอไป…”

“ไปไหน” ชนาพรเสียงแข็ง สู้สายตากับอีกฝ่ายไม่ถอยเช่นกัน

คนนึกแกล้งสู้สายตากลับชั่วครู่ ก่อนจะกระตุกคิ้วยียวนคนป่วยไปสองที “ก็ไปเอารถเธอที่ยังจอดอยู่ไง คิดว่าฉันจะพาไปไหนเหรอ”

“นี่นาย!” ชนาพรที่ถูกปั่นหัวจนแทบปรี๊ดแตกพยายามนับเลขในใจสะกดอารมณ์ตัวเองเอาไว้ และย้ำกับตนวนไปว่าที่นี่คือโรงพยาบาล เป็นสถานที่ปลอดมลภาวะทางเสียง

“ฮึๆ”

ทว่าพอหันไปเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่ถอยห่างไปยืนหัวเราะสะใจอยู่ข้างเตียงเธอแล้ว เลยอดจะเอาคืนหน่อยไม่ได้ ริมฝีปากหยักขยับเป็นคำว่า ‘กวน’ แบบไร้เสียง ก่อนจะกระตุกอวัยวะที่เรียกว่าเท้าข้างซ้ายใต้ผ้าห่มเบาๆ พอให้อีกฝ่ายไม่ต้องตีความหมายให้ยุ่งยาก

“ฮึๆ” ชนาพรแสร้งล้อเลียนเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย ก่อนจะยักคิ้วสวยยียวนคืนบ้าง

“ร้ายนักนะ ยายเป็ดโปร”

เพราะปากที่จัด และการเอาคืนแบบเจ็บแสบทำให้ชนาพรถูกคนตัวสูงเรียกเป็นน้ำยาล้างห้องน้ำยี่ห้อหนึ่งอยู่บ่อยๆ ทว่าเจ้าตัวไม่คิดแยแส แสดงออกเพียงยักหัวไหล่นิดหน่อย ปากกระตุกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเอนตัวนอนราบลงบนเตียงผู้ป่วยอีกครั้ง

เป๊ง! ยกนี้เธอชนะ

ชนาพรก้าวลงจากรถของแทนคุณ เธอกล่าวขอบคุณเขาตามวิถีคนมีมารยาท คงเพราะไม่ได้เจอกันนาน ความสนิทสนมที่มีไม่มากอยู่แล้วยิ่งลดลงเข้าไปใหญ่ เขากับเธออยู่ในสถานะแค่คนรู้จัก เธอเป็นเพื่อนของคนรักเก่าเขา ส่วนเขาเป็นคนรักเก่าของเพื่อนรักเธอ ทำให้ตลอดเส้นทางที่แทนคุณขับรถมาส่ง ต่างฝ่ายต่างนั่งเงียบ เหมือนสองคนไม่รู้จะสนทนาเรื่องอะไรกัน หญิงสาวมีความคิดแวบหนึ่งที่อยากถามสารทุกข์สุกดิบอีกฝ่าย แต่พอมองภายนอกก็เห็นเขาสบายดี คนปากหนักเลยเลือกจะเงียบตามคนขับจนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทาง ก่อนจะแยกย้ายทางใครทางมัน

ด้านแทนคุณ หลังจากส่งผู้โดยสารถึงจุดหมายแล้ว จังหวะที่เขาเหยียบคันเร่งเดินหน้ารถ มีแวบหนึ่งสายตาเหลือบไปมองกระจกมองข้าง เห็นหญิงสาวที่ตอนแรกทำท่าจะเปิดประตูรถของเธอเอี้ยวตัวกลับมายืนมองตามท้ายรถของเขากระทั่งหลุดจากครรลองสายตาของกันและกัน ซึ่งจากมุมที่ชายหนุ่มมองกลับไป เจ้าตัวเห็นไม่ชัดว่าสายตาของเธอสื่ออะไรอยู่ กำลังอวยพรหรือสาปส่งเขาไม่แน่ใจ จึงได้แต่คิดว่าทำไมเธอถึงยังไม่เข้าไปนั่งในรถของตัวเองเสียที ทว่าหากตาคนขับไม่ได้ฝาด เขาเห็นฝ่ามือขาวโบกไปมาคล้ายกำลังบอกลาอยู่ไกลๆ ทำให้แทนคุณรู้สึกเหมือนว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะยืนส่งรถของเขาให้เดินทางจากไปโดยสวัสดิภาพ

 

ฟอร์จูนเนอร์สีบรอนซ์เทาเคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าประตูรั้วขนาดใหญ่ประดับด้วยลวดลายเหล็กดัดละเอียดประณีตแสนคุ้นตา ชนาพรมาเยือนคฤหาสน์ปกรณ์เกียรติบ่อยครั้ง นับตั้งแต่เพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตอย่างภาพฟ้าแต่งงานกับเทพบุตร ปกรณ์เกียรติ* ผู้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทแฟตบอมบ์ (Fat Bomb) มหาเศรษฐีติดอันดับเอเชีย

หญิงสาวเดินตามหลังเมดสาวของคฤหาสน์ผ่านโถงกว้าง เลี้ยวขวาเข้ามาในห้องรับแขก โดยมีภาพฟ้านายหญิงของที่นี่นั่งคอยอยู่ ทว่าเธอกลับพบกับบุคคลปริศนาที่ทำให้หน้าสวยเหวอ ปากฉาบลิปสีส้มอิฐอ้าพะงาบๆ ก่อนจะเปล่งเสียงกรี๊ดกร๊าดลั่นด้วยความดีใจระคนแปลกใจถึงที่สุด

“กรี๊ด! ตาต้า แกมายังไงวะเนี่ย!”

ภาพฟ้ากับเรมิตาที่ทายอากัปกิริยาของชนาพรเอาไว้ล่วงหน้าหันมองกันแล้วหัวเราะคิกคัก ทำเอาคนมาใหม่ยืนงงเป็นไก่ตาแตก

“แกไม่เปลี่ยนไปเลยนะยายเป็ด”

เรมิตา โชควาริน หรือ ตาต้า สาวสมาร์ต ฉลาดรอบรู้ และวางตัวดี ครอบครัวของหล่อนทำธุรกิจออร์แกนิกฟาร์มอยู่จังหวัดเชียงใหม่ และเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของชนาพรกับภาพฟ้า แม้ว่าหล่อนจะเรียนคนละคณะกับสองสาว แต่บังเอิญได้ทำความรู้จักกันที่ชมรมโรตาแรคท์ และเพราะไปออกค่ายอาสาด้วยกันบ่อยๆ ทำให้สามคนสนิทสนมกันจนกลายเป็นแก๊งหญิงเหล็ก พอถึงเวลาที่ทุกคนเรียนจบจึงทำให้ห่างหายกันไป โดยเรมิตาต้องกลับมาศึกษาธุรกิจที่บ้านอยู่สองปี ก่อนจะสอบชิงทุนไปเรียนต่อปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา

“หมายถึงหน้าตาใช่ป้ะ”

“ทั้งหน้าตาและนิสัย สองอย่างแหละย่ะ”

ชนาพรฉีกยิ้มรับคำชมจนเหงือกบาน ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวที่ยังว่างอยู่ ในจังหวะที่หญิงสาวโน้มกายไปข้างหน้าเพื่อวางกระเป๋าบอยย์บนโต๊ะกลาง ทำให้เรมิตาที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้ามเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในตัวเพื่อนคนนี้จนต้องเอ่ยทัก

“Oh my god! ผิวหน้าแกละเอียดมากเลยเป็ด มีเคล็ดลับอะไรบอกเพื่อนมาเดี๋ยวนี้” เรมิตาตาโต ถามอย่างตื่นเต้น เพราะนับนิ้วอีกสี่ปี อายุของหล่อนจะขึ้นเลขสามอยู่แล้ว ฉะนั้นการดูแลผิวพรรณให้เต่งตึงไร้ริ้วรอยแต่เนิ่นๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย

คนมีเคล็ดลับความงามยิ้มกริ่ม เอี้ยวตัวเอื้อมมือไปรับแก้วน้ำจากเมดมาถือไว้ รอจนกระทั่งสาวในชุดยูนิฟอร์มเดินจากไปแล้ว หญิงสาวจึงยอมตอบคำถามเพื่อน

“เคล็ดลับก็คือ…ลงสกินแคร์สิบสองขั้นตอนก่อนนอนทุกคืน” พูดจบก็วางมาด ยกแก้วในมือขึ้นจิบน้ำเบาๆ

“หา!” เรมิตาได้ฟังถึงกับอ้าปากค้าง ก่อนจะร้องอ้อในวินาทีถัดมา “สิบสองขั้นตอนแบบสาวเกาหลีใช่ไหม ฉันเคยได้ยินอยู่”

ชนาพรพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะยื่นหลักฐานให้เพื่อนเห็นชัดๆ ว่าผิวของตัวเองตึงเปรี๊ยะยิ่งกว่าเด็กอายุสิบแปดด้วยความภาคภูมิใจ “อือฮึ เนียนกริบเลยใช่ม้า”

เรมิตาใช้สายตาสำรวจผิวหน้าเพื่อนสาวทุกอณูรูขุมขนอีกครั้งแล้วลงความเห็นว่า “เออ ผิวฉ่ำเว่อร์ สงสัยฉันต้องไปหาข้อมูลดูบ้างแล้ว”

“โธ่เอ๊ยตาต้า แกอย่าไปเชื่อมันมากนักเลย” ภาพฟ้าที่นั่งฟังอยู่ด้วยส่ายหัวอ่อนใจใส่ชนาพรที่บอกเคล็ดลับเพื่อนอีกคนไม่หมดเปลือก “มันไปทำทรีตเมนต์หน้าที่คลินิกทุกอาทิตย์ มาถามฉันนี่มา”

“แน่ะ! กั๊กเหรอไอ้เป็ด” เรมิตาแหย่ ทำเอาคนถูกกระชากหน้ากากแมลงโม้ออกวางแก้วน้ำในมือลงบนโต๊ะกลางทันที

“ฟ้า! ไอ้เพื่อนทรยศ” ชนาพรขึงตาใส่เพื่อนรักที่กลายเป็นเพื่อนร้าย เผาเธอเสียไหม้เกรียม ทว่าขณะที่เจ้าของหัวข้อสนทนางอนตุ๊บป่อง เพื่อนอีกสองคนกลับนั่งหัวเราะท้องคัดท้องแข็งไม่หยุด แต่แทนที่เธอจะโกรธ กลับกลายเป็นความรู้สึกคิดถึงอย่างประหลาด เหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนไปสมัยเรียนอีกครั้ง พบเพื่อนเก่า บรรยากาศเก่าๆ ก็พัดหวนกลับมาให้คิดถึง

คนรู้ตัวว่าทำพลาดไปแล้วรีบง้องอนโดยการกุมมือตัวเองไว้ระดับอกพลางกะพริบตาปริบๆ ให้ดูน่าสงสาร “ข้าน้อยขอประทานอภัยที่เผาแม่นางแรงไปพ่ะย่ะค่ะ”

“รอลงอาญา” ตัดสินจบชนาพรก็แสร้งเชิดหน้าใส่แล้วหันมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเรมิตาต่อ “ฉันได้ข่าวว่าแกได้ทุนไปเรียนต่อโทที่อเมริกา เรียนจบแล้วเหรอ”

“เรียนจบได้สักพักแล้วล่ะ กะว่าจะกลับมาช่วยขยายธุรกิจทางบ้าน แล้วนี่แกรู้ข่าวของฉันมาจากไหนฮะ ฉันจำได้ว่าตัวเองลบเฟซบุ๊กทิ้งไปนานแล้วนะ”

“แต่บิดามารดาแกไม่ได้ลบด้วยนิ” ชนาพรยิ้มพราวราวกับผู้ชนะ ก่อนจะยิงคำถามต่อ “เออ แล้วนี่สองคนไปเจอกันได้ยังไง ฉันคิดว่าแกหายสาบสูญไปจากเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้วนะตาต้า เฟซบุ๊กไม่มี โทรหาไม่รับ ทักไลน์ไม่ตอบ ทำตัวลึกลับเหมือนหนีหนี้”

“หนีหนี้กับผีน่ะสิ ฉันทำโทรศัพท์หายหลังจากเหยียบแผ่นดินอเมริกาได้แค่สามวัน เลยต้องซื้อโทรศัพท์ใหม่ เปลี่ยนเบอร์ใหม่ โหลดแอพฯ ลงเครื่องใหม่หมด โทษทีว่ะ ที่ขาดการติดต่อกับพวกแกไปเลย ส่วนเรื่องเจอกันได้ยังไงให้ฟ้าเป็นคนเล่าแล้วกัน นางอยากเม้าท์เอง”

เรมิตาส่งไม้ต่อให้ภาพฟ้าที่นั่งฟังหล่อนสาธยายอยู่เงียบๆ ได้มีบทพูดบ้าง

“อ๋อคืองี้ เมื่อวานฉันไปรับคุณเทพที่สนามบินตามปกติ ส่วนตาต้าก็ลงมาทำธุระที่กรุงเทพฯ พอดี เลยบังเอิญได้เจอกันเข้า กรี๊ดดีใจสุวรรณภูมิแทบแตก แล้วแกคิดหน้าสามีฉันตอนเหวอออกใช่ป่ะเป็ด อย่างฮา ฮ่าๆ”แถลงไขจบ คนเล่าก็หันไปหัวเราะเอิ๊กอ๊ากกับเรมิตา ในขณะที่ชนาพรฟังแล้วคิดภาพตามเลยอดขำกับก้อนเมฆจินตนาการบนหัวตัวเองไม่ได้

“ฉันว่านะ คุณเทพต้องแอบคิดในใจบ้างแหละว่าแกเจอเพื่อนดีใจยิ่งกว่าเจอผัวอีก วงวาร…”

“เหมือนตาเห็น” เรมิตาเอ่ยเสริมขณะหัวเราะหัวไห้ไปด้วย

ชนาพรแสร้งทำหน้าสงสารสามีเพื่อนรักจับใจ ก่อนจะหันมาชวนเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานคุยต่อ “อ้าว งี้แสดงว่าเดี๋ยวแกก็ต้องกลับเชียงใหม่แล้วใช่ป่ะ”

“เรียกว่าไปๆ มาๆ กรุงเทพฯ กับเชียงใหม่ดีกว่า ช่วงนี้ฉันกำลังยุ่งเรื่องเปิดร้านอาหารสำหรับคนรักสุขภาพอยู่ เป็นโปรเจ็กต์ต่อยอดผลผลิตจากฟาร์มที่บ้านน่ะ”

“เฮ้ย! ความคิดดีนะ” ชนาพรกล่าวชื่นชม ประกายตาพราวระยับยามฟังเรมิตาเล่าถึงแพลนที่วางไว้

ในขณะเดียวกันภาพฟ้าที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็พยักหน้าเห็นดีเห็นงามไปกับคำชมของชนาพร “ฉันก็ว่าดีนะ นับวันเทรนด์คนรักสุขภาพยิ่งมาแรง กำลังฮอตฮิตไปทั่วโลก น่าสนใจ”

“ใช่ ฉันอ่านรีเสิร์ชนึงมา ในอดีตคนอาจนิยมทานอาหารจำพวก Junk food แต่เทรนด์อาหารในปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว ผู้คนเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต หันมาใส่ใจกับสุขภาพกันมากขึ้น ดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย เลือกบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นประโยชน์ ฉันเห็นโอกาสต่อยอดในอนาคต เลยเลือกทำร้านอาหารออร์แกนิกส่งตรงจากฟาร์มตัวเอง มั่นใจได้ว่าผักที่เป็นวัตถุดิบหลักของร้านสดใหม่ สะอาด และปลอดสารพิษแน่นอน”

ระหว่างที่เรมิตาร่ายยาวเหยียด ชนาพรกับภาพฟ้าเลือกที่จะนั่งเงียบแล้วตั้งใจฟังพลางคิดตามไปด้วยตลอด ทันทีที่เสียงสาธยายของเพื่อนหยุดลง สองสาวที่คอยจังหวะนี้อยู่นานแล้วจึงพูดโพล่งออกมาประโยคเดียวกันอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมาย

“ตาต้า! แกมีหุ้นส่วนรึยัง”

เรมิตาแสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อย มองชนาพรกับภาพฟ้าสลับกันไปมา “พวกแกสองคนนี่ใจตรงกันตั้งแต่สมัยเรียนไม่เปลี่ยนเลยนะยะ ยังหรอก ฉันยังไม่มีหุ้นส่วน แต่ถ้าแกสองคนสนใจร่วมลงทุนด้วย พรุ่งนี้จะเอาแผนธุรกิจมาขายให้ฟัง”

ชนาพรกับภาพฟ้าพยักหน้ารับ เพราะรู้มานานแล้วว่าเรมิตาเป็นคนเก่ง มีไอคิวและอีคิวสูงมาแต่ไหนแต่ไร สมัยยังเรียนอยู่สองสาวยังเคยคุยกันเลยว่าในอนาคตถ้าเรมิตาคิดจะทำกิจการอะไรสักอย่าง ก็จะขออาศัยมันสมองเพื่อนร่วมลงทุนด้วย แต่ต่อให้พวกเธอจะไม่เก่งกาจทางโลกธุรกิจเท่ากับเรมิตา แต่ก็มีแรงกาย กำลังทรัพย์ และไอเดียจากประสบการณ์จริงที่ตระเวนกินร้านอาหารแนวสุขภาพมาแล้วนับไม่ถ้วน ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลจึงทำให้ชนาพรกับภาพฟ้าตัดสินใจร่วมลงทุนกับเพื่อนคนนี้รวดเร็วแบบไม่ต้องคิด

สามสาวอยู่พูดคุยกันต่ออีกสักพักใหญ่ ก่อนเจ้าบ้านจะเดินมาส่งแขกที่รถของแต่ละคน ชนาพรกับภาพฟ้ายืนโบกมือบ๊ายบายส่งรถเรมิตาก่อน รอจนยานพาหนะของเพื่อนเคลื่อนตัวออกไปจากคฤหาสน์ นายหญิงปกรณ์เกียรติจึงหมุนตัวกลับมาอีกฝั่งเพื่อส่งชนาพรเข้ารถไปอีกคน ก่อนจะฉุกนึกได้ว่าพวกเธอลืมเรื่องสำคัญบางอย่างไปเสียสนิทใจ

“เออเป็ด ไหนแกว่ามีธุระจะคุยกับฉันไง”

“เกือบลืมไปเลยไหมล่ะ” ชนาพรแสดงสีหน้าตกใจอย่างไม่ปกปิด ก่อนจะรีบเปิดกระเป๋าถือ ล้วงมือไปคุ้ยหาของบางอย่างด้านในแล้วยื่นการ์ดงานแต่งให้กับเพื่อนรัก “ฝากเชิญคุณเทพด้วยนะ”

ภาพฟ้ารับไปและเปิดซองสีชมพูหวานออก แล้วหยิบกระดาษคราฟต์ด้านในขึ้นมาอ่านรายละเอียดคร่าวๆ ก่อนจะแย้มยิ้มยินดีพลางพยักหน้าตกลง

 

ติดตามตอนต่อไปวันพรุ่งนี้ เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 6

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: