บทนำ
ราวกับอยู่ในความฝัน
นางเดินเข้ามาในร้านหนังสือเฟิงอวิ๋นอย่างเงียบๆ สิ่งที่โชยมาแตะจมูกคือกลิ่นน้ำหมึกและกลิ่นหอมของกระดาษ อารมณ์ที่ประหม่าแต่เดิมของนางคลายลงเล็กน้อย ก่อนจะเบียดแทรกเข้าไปในกลุ่มคนพร้อมกับริมฝีปากที่อมยิ้มอยู่รางๆ
กลุ่มคนกำลังตื่นเต้นส่งเสียงเซ็งแซ่กับบางอย่างอยู่ นางไม่ได้ตั้งใจฟังอย่างละเอียด เพียงแต่เบียดตนเองไปถึงหน้าโต๊ะ สิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะคือนิยายและบทกวีที่เพิ่งออกใหม่สดๆ ร้อนๆ
“ค้นดูได้หรือไม่” นางเอ่ยปากถามด้วยเสียงแหบต่ำ
ลูกจ้างของร้านที่หลังโต๊ะฉีกยิ้มกว้าง “ย่อมได้แน่นอน แม่นางน้อยเชิญดูได้เลยขอรับ พวกเรามีหนังสือครบทุกประเภท ไม่มีทางไม่เจอประเภทที่ท่านชอบเด็ดขาด” แม้เขาจะประหลาดใจที่นางรู้หนังสือ แต่ก็มิได้พูดออกมา
“ขอบคุณพี่ชาย” นางค้นนิยายเล่มหนึ่งขึ้นมาโดยไม่ได้ช้อนตาขึ้นมองเขา อักษรตีพิมพ์ในรูปแบบราชวงศ์ซ่ง สีหมึกสม่ำเสมอ ยังไม่เห็นเนื้อหาก็รู้สึกแล้วว่าต้องอ่านได้ง่ายสบายตาแน่นอน ดูประณีตกว่านิยายที่ผงถ่านหลุดร่อนและกระดาษคุณภาพไม่ดีของร้านอื่นมาก
“ใครก็ได้! ส่งกระดาษเซวียเทา* ร้อยแผ่นไปที่หอจุ้ยเยวี่ยให้ข้า!” ยามนั้นเองก็มีคนแทรกตัวมาถึงข้างกายนางก่อนร้องตะโกนขึ้น กลิ่นเหล้าฟุ้งตลบ ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นบัณฑิตที่เพิ่งออกมาจากหอจุ้ยเยวี่ย
ลูกจ้างร้านขานรับ ก่อนจะจดเอาไว้แล้วรีบนับดูกระดาษเซวียเทาที่เหลืออยู่ ในอาณาจักรต้าหมิงมีบัณฑิตเสเพลหยำเปอยู่จำนวนมากที่ยึดการเที่ยวหอนางโลมเป็นอาชีพ แม้ลูกจ้างร้านจะยิ้มกว้าง แต่ก็ยังแค่นเสียงออกจมูกเบาๆ
ร้านหนังสือเฟิงอวิ๋นนับว่าเป็นร้านหนังสือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองหนานจิง มีสาขาอยู่ทั่วทั้งอาณาจักร จุดขายมิใช่ชื่อเสียง มิใช่บริการที่ดี แต่เป็นหนังสือที่คุณภาพประณีตยอดเยี่ยมและสีหมึกสม่ำเสมอ ทางร้านมีโรงกระดาษเป็นของตนเอง รวมถึงมีแบบตัวพิมพ์อักษรทองแดงมากกว่าหกแสนชิ้น การจะเหนือกว่าร้านหนังสืออื่นก็สมเหตุสมผล ทว่าดันต้องมาขายหนังสือให้บัณฑิตตาถั่วเหล่านี้เสียนี่
“อ้าว นี่มิใช่พี่เหวยหรอกหรือ” บุรุษอีกคนแทรกตัวเข้ามาพลางเอ่ยขึ้นยิ้มๆ “ครึ่งเดือนก่อนมิใช่เพิ่งเห็นท่านพนันกับคุณชายสกุลหวัง ดูว่าใครจะก้าวออกมาจากหอจุ้ยเยวี่ยก่อนกันหรือไร ไฉนเพิ่งผ่านมาไม่นานก็เห็นท่านเดินออกมาเสียแล้ว”
“เฮอะ! พนันพรรค์นั้นนับเป็นอะไร ข้ายอมเสียเงินพนันดีกว่าจะเสียหน้า!” เขาเรอออกมาทีหนึ่งก่อนพูดแกมยิ้มกับบุรุษผู้นั้นข้ามหน้านางด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย “ใครๆ ก็รู้ว่าวันนี้เป็นวันที่ร้านหนังสือเฟิงอวิ๋นออกนิยายใหม่ ถ้ามาดูช้ากว่าคนอื่น จะมิถูกคนหัวเราะเยาะตายหรือไร!”
“ท่านก็ยังอุตส่าห์จำได้” เขาหันหน้าไปร้องบอกลูกจ้างร้าน “เอาหนังสือทั้งหมดที่ออกวันนี้ส่งไปให้ข้าที่คฤหาสน์สกุลเจียงตรงตรอกตะวันออกชุดหนึ่ง”
“ขอรับๆ จะส่งไปให้เดี๋ยวนี้เลยขอรับ” ลูกจ้างร้านความจำดีเลิศ แต่ยังคงจดไว้บนกระดาษ หางตากลับเหล่มองสตรีที่ดูหนังสืออยู่ นางถูกขนาบอยู่ระหว่างขี้เมาสองคนนี้ แต่กลับมิมีปฏิกิริยาใดๆ แม้แต่น้อย เพียงแต่เปิดอ่านนิยายอย่างเงียบๆ ประหนึ่งว่าไม่ได้ถูกรบกวนโดยสิ้นเชิง
หูหนวกไปแล้วหรือ
วันนี้เป็นวันที่ร้านหนังสือเฟิงอวิ๋นออกหนังสือใหม่ มีนิยาย บทละครร้อง และยังมีตำราคัมภีร์ต่างๆ ที่นำมาตีพิมพ์ใหม่ ด้วยเหตุนี้ฝูงชนจึงหลั่งไหลกันมามากกว่าปกติหลายเท่าตัว แต่แน่นอนว่าเหตุผลหาใช่เพียงเท่านี้ไม่
สาเหตุหลักที่มีเสียงดังเอะอะอึกทึกไปทั่วทั้งร้านเป็นเพราะเถ้าแก่เนี่ยมาเยือนแล้ว
ยากนักที่จะเห็นเถ้าแก่มาเยือนร้านหนังสือสักครา ส่วนใหญ่เขาจะคอยขับเคลื่อนอยู่หลังม่าน โดยทั่วไปล้วนมอบหมายให้หลิ่วหมินเป็นผู้ดูแล
“ไฉนตรงนั้นจึงครึกครื้นนัก” บุรุษแซ่เหวยมองกลุ่มคนที่ส่งเสียงเซ็งแซ่อยู่อีกด้านด้วยดวงตาที่พร่าเลือนเพราะความเมา ตัวเขาโซเซน้อยๆ จนชนเข้ากับแขนนาง เขาก้มหน้าลง กะพริบตาพร้อมกล่าว “เป็น…สตรี?”
ที่แห่งนี้ก็มีสตรีด้วย? ข้ากลับถึงหอจุ้ยเยวี่ยแล้ว? หรือว่า…