14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน สาวใช้ประพันธ์รัก
“นี่คือหรูอี้จวินจ้วนเจ้าค่ะ” เสวียนจีเงยหน้าขึ้นพูดออกมาทีละคำ ดวงตาดำขลับจ้องมองเขา “ตอนนี้ข้าขอมันได้แล้วหรือไม่เจ้าคะ”
ดวงตาเขาเบิกกว้างด้วยโทสะ เส้นเลือดดำปูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “เจ้ารู้หนังสือ?!”
“สตรีมิควรรู้หนังสือหรือเจ้าคะ” นางย้อนถาม แสดงอาการต่อต้านโดยไม่รู้ตัว
เขากำลังโมโห แขนกำลังสั่น นี่ถึงขีดจำกัดของเขาแล้วจริงๆ “สาวใช้น่าตายอย่างเจ้ากำลังหลอกข้าเล่นหรือ”
“เสวียนจีมิกล้า” นางถลึงมองเขากลับไป “ในเมื่ออยากได้หนังสือนี้ก็ย่อมต้องรู้จักอยู่บ้างเจ้าค่ะ เป็นนายน้อยเฟิงอวิ๋นละเลยจุดนี้ไป หรือว่าเป็นท่านคิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงกันแน่?”
นาง…นี่นางกำลังเยาะเย้ยข้า?
ดวงตาเนี่ยเฟิงอวิ๋นแทบจะพ่นไฟออกมาแล้ว ถ้าเขาลุกขึ้นได้ ก้าวเดินได้ ไม่แน่คงได้ปราดไปบีบคอสาวใช้รนหาที่ตายนางนี้จนตายคามือนานแล้ว
“เสวียนจี…” นางยังไม่ทันพูดอะไรก็มีเสียงดังขึ้นจากไกลๆ
“นายน้อยสาม บ่าวหาท่านเจอเสียที!” หยวนซีเซิงลากหลินอันวิ่งมาอย่างทั้งร้อนใจทั้งดีใจ “ท่าน…ยังไม่ได้รับข้าวเช้า ไฉนจึงออกมาเสียแล้วเล่าขอรับ เอ๊ะ ฉินเสวียนจี เจ้าคุกเข่าอยู่ตรงนี้ทำไม เหตุใดมีสภาพเช่นนี้…เจ้า เจ้าเองก็ทำให้นายน้อยสามโมโหเช่นกันหรือ” ตายจริง! เขาปวดหัวยิ่งนัก ไม่ง่ายเลยกว่าจะจัดการกับหลินอันได้ สาวใช้แซ่ฉินนางนี้กลับหาเรื่องยุ่งยากมาให้เขาอีกคน สาวใช้สมควรตาย เขาสมควรตาย สวรรค์สมควรตาย ชั่วช้า! ทุกคนล้วนสมควรตาย มีเพียงนายน้อยสามที่ไม่สมควรตาย!
“นางเป็นคนที่เจ้าพามา?”
หยวนซีเซิงเหงื่อผุดเต็มศีรษะ ลอบโอดครวญเงียบๆ “เป็น…เป็นสาวใช้ที่บ่าวพามาขอรับ บ่าว…บ่าวคิดไม่ถึงว่านายน้อยสามจะออกมากะทันหัน…บ่าวเดิมคิดว่า…เดิมคิดว่า…หลายวันนี้ในคฤหาสน์มีงานทำความสะอาดครั้งใหญ่ บ่าวยุ่งจนไม่มีเวลา พอดีว่าสาวใช้นางนี้รู้หนังสือ บ่าวจึงคิดจะให้นางมาจัดห้องหนังสือจี๋กู่ บ่าวเดินผ่านที่นี่…เลยคิดจะเยี่ยมนายน้อยสามเสียหน่อย จึงได้ปล่อยนางไว้ตรงนี้ชั่วคราว…”
“เจ้าขวัญกล้าดีนี่ ถึงกับกล้าเอาหนังสือของข้าให้สาวใช้หน้าเหม็นนี่จัดการ?”
“บ่าว…บ่าว…”
“ถ้าหนังสือถูกลักถูกขโมยหรือถูกทำสกปรกเสียหาย เจ้า พ่อบ้านกระจอกๆ จะชดใช้ไหวหรือ”
“เรื่องนี้…เรื่องนี้…เสวียนจีทำงานดีทั้งยังซื่อสัตย์ บ่าวคิดว่าคงไม่มีปัญหา ใช่หรือไม่ ฉินเสวียนจี” เขาผลักนางที่คุกเข่าอยู่บนพื้นน้อยๆ เพื่อขอคำเห็นด้วย
“หนังสือของนายน้อยสามล้ำค่าราคาแพงเกินไป ถ้าเกิดปัญหาขึ้น เสวียนจีก็ชดใช้ไม่ไหว พ่อบ้านหยวนสู้ให้คนอื่นมาทำจะดีกว่า ข้าทำงานทำความสะอาดอย่างอื่นได้เจ้าค่ะ” หน้านางเบือนไปอีกทาง ท่าทีเย็นชา ในใจ…รู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก
“เจ้า…เจ้า…” อะไรกัน ก่อนนี้นางพูดไม่มาก น่ารักว่าง่ายจนทำให้คนไม่รู้สึกถึงการดำรงอยู่ของนาง ให้นางไปซ้าย นางก็ไม่มีทางไปขวา ยามนี้ประเสริฐนัก จะโมโหใช้อารมณ์ก็ไม่ดูเวล่ำเวลา เจตนาปั่นหัวเขาที่เป็นพ่อบ้านใช่หรือไม่ เขาปั่นหัวได้ง่ายนักใช่หรือไม่ ถูกนายน้อยสามนายน้อยสี่ปั่นหัวทั้งวันยังไม่พอ แม้แต่นางที่เป็นแค่สาวใช้เล็กๆ ก็ยังมาผสมโรง เขาไปล่วงเกินใครเข้ากันแน่! ชั่วช้าจริง!
เนี่ยเฟิงอวิ๋นมองนาง ไม่โมโหแต่กลับยิ้ม “ใครบอกว่าหนังสือเหล่านั้นล้ำค่ากัน จะเผาสักตั้งก็ยังได้ ซีเซิง เจ้าพาสาวใช้นี่ไปจัดหนังสือ อย่าให้ข้าจับได้ล่ะว่านางแอบอู้ เจ้าก็รู้ว่าข้าเกลียดบ่าวไพร่ที่เกียจคร้านมาแต่ไหนแต่ไร เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าครึ่งวันนางยังจัดหนังสือได้ไม่ถึงสองตู้ก็ไม่อนุญาตให้พักกินข้าว เจ้าว่าวิธีลงโทษนี้ของข้ายุติธรรมหรือไม่”
“นายน้อย…” หยวนซีเซิงกัดฟันอยากจะเสนอแนะอะไร แต่กลับถูกถลึงตาใส่ จึงได้แต่เออออตอบรับ “นายน้อยยุติธรรม ยุติธรรมแน่นอนขอรับ!” ที่นี่ยังมีเรื่องใดยุติธรรมไปกว่านายน้อยอีกหรือ ถือเสียว่าสาวใช้นางนี้โชคร้ายก็แล้วกัน อารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอยของนายน้อยสามนั้นเห็นกันจนชินแล้ว วันไหนไม่ระเบิดโทสะ วันนั้นคงได้มีฝนตกฟ้ารั่ว คงต้องจุดประทัดฉลองแล้วจริงๆ
เขาถอนหายใจ รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าเส้นผมดำได้บอกลาเขาไปอีกไม่น้อย เขากับเจาเซิงเป็นพี่น้องฝาแฝด ได้คฤหาสน์สกุลเนี่ยรับมาเลี้ยงพร้อมกันตั้งแต่เด็ก เจาเซิงถูกส่งไปทำงานข้างกายนายน้อยสาม ส่วนเขาก็ก้าวมาทำงานในตำแหน่งพ่อบ้าน เจาเซิงเป็นพี่ เขาเป็นน้อง แต่ไม่เห็นเจาเซิงจะช่วยพูดแทนเขาสักคำ
พี่ชายที่สมควรตาย
เขาหันมามองเสวียนจีปราดหนึ่งด้วยความคับแค้นเต็มอกก่อนกระซิบบอก “เจ้าไปรอข้าข้างนอกไป ข้ายังมีเรื่องต้องเรียนนายน้อยสามอีก เอ๊ะ หนังสือในมือเจ้าเป็นของนายน้อยสามนี่”
“เป็นของเสวียนจีเจ้าค่ะ” นางพูดชัดถ้อยชัดคำ ทำให้หยวนซีเซิงเบิกตาโต ส่วนเนี่ยเฟิงอวิ๋นก็เม้มปากไม่เอ่ยอะไรสักคำ ทว่าใบหน้าที่เครียดขมึงได้แสดงให้รู้ถึงความขุ่นเคืองของเขาแล้ว
นางลุกขึ้นยืนอย่างโงนเงน ยอบตัวคารวะเนี่ยเฟิงอวิ๋นแล้วจะเดินจากไป ขณะเดินผ่านเขาก็เห็นใบหน้าด้านข้างของเขาดูเย็นเยียบมีเจตนาร้าย เหมือนเป็นตัวละครที่น่าชังที่สุดในหนังสือ
น่าชังหรือ นางชังใครก็ได้ทั้งนั้น ยกเว้นแต่เขาที่ชังไม่ลง หลังได้เห็นแวบแรกก็รู้สึกตกตะลึง ไม่อยากเชื่อ จากนั้นก็รู้สึกเห็นใจ เนี่ยเฟิงอวิ๋นที่เคยองอาจกระฉับกระเฉง นายน้อยสามแห่งสกุลเนี่ยที่เคยเก่งกล้าสามารถทั้งบุ๋นทั้งบู๊ทั้งการเจรจาการค้า กลายมามีสภาพเช่นนี้…หลังจากตกตะลึงและเศร้าใจแล้วก็มีเพียงความเห็นใจเท่านั้นจริงๆ
เห็นใจบุรุษที่นางเคยเลื่อมใสชื่นชมผู้นี้…ถ้ามิใช่ความเห็นใจจะยังมีคำใดสามารถอธิบายความรู้สึกเจ็บปวดทรมานปานมีดเฉือนหัวใจของนางได้อีก…