เขาหมุนตัวไปด้วยท่าทางไม่เป็นธรรมชาติ “พี่สาม…”
“เจ้ายังอุตส่าห์จำได้อีกหรือว่าเจ้ามีพี่สามอยู่ด้วย ข้านึกว่าเจ้าสนใจแต่จะเกี้ยวพาสตรีจนแม้แต่ข้าเป็นใครเจ้าก็ลืมไปแล้ว”
เนี่ยหยวนเฉี่ยวหัวเราะแห้งๆ สองทีก่อนรีบชี้แจง “พี่สาม ข้ามิได้เกี้ยวพานาง เพียงแต่เห็นว่าในห้องหนังสือของพี่สามมีคนจึงได้เข้ามาดู” ถ้ารู้ก่อนว่าวันนี้พี่สามมาห้องหนังสือ ตีให้ตายเขาก็ไม่มาเด็ดขาด
“เจ้าไม่เคยชอบเข้าห้องหนังสือ เช่นนั้นเป็นลมอะไรหอบเด็กอย่างเจ้าเข้ามาล่ะ”
เนี่ยหยวนเฉี่ยวกระแอมไอ “ข้า…ข้ามายืมหนังสือ”
“ยืมหนังสือ? สื่อจี้ หลุนอวี่ ต้าเสวีย จงยง เจ้าจะยืมเล่มไหน”
“ข้า…” เขากระแอมไออีกครั้งก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าอยากยืมเล่มที่ชื่อว่า…คันฉ่องบาปอะไรสักอย่าง…”
“คันฉ่องส่องบาป? แม้แต่สื่อจี้เจ้ายังอ่านไม่จบ กลับคิดจะอ่านนิยายพรรค์นี้? เป็นพวกกเฬวรากเหล่านั้นใช้ให้เจ้าอ่านอีกแล้วหรือไร” เขาพูดด้วยโทสะ พอเห็นท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของน้องชายเมื่อเขาพูดเรื่องจริงแล้ว สีหน้าก็พลันเข้มขึ้นกว่าเดิม
“พี่…พี่สาม นั่นมิใช่หนังสือนอกลู่นอกทางอะไร ตอนนี้ตามตรอกตามถนนขอเพียงเป็นคนรู้หนังสือล้วนเคยอ่านคันฉ่องอะไรนั่นทั้งนั้น สกุลเนี่ยของเราก็เป็นพ่อค้าหนังสือ มีเหตุผลอะไรที่คนอื่นอ่านแล้ว แต่คนในบ้านกลับไม่เคยแม้แต่จะได้เห็นสักแวบ ถูกต้องหรือไม่”
“เจ้าก็รู้นี่ว่าสกุลเนี่ยเป็นพ่อค้าหนังสือ หลุนอวี่ สื้อจี้ก็มีตีพิมพ์ อีกเดี๋ยวข้าจะให้เจาเซิงส่งทั้งสองเล่มไปให้”
เนี่ยหยวนเฉี่ยวได้ยินดังนั้น แม้อยากจะชักสีหน้าก็ยังไม่กล้า คิดอยากจะแอบหนีออกจากห้องหนังสือ แต่หน้าประตูก็ดันมีพี่สามขวางอยู่ วันนี้นับว่าพ่ายแพ้อยู่ในเงื้อมมือพี่สามจริงๆ เขาฟ้าไม่กลัวดินไม่กลัวมาแต่ไหนแต่ไร จะกลัวก็แต่พี่สามที่ขาพิการในไม่กี่ปีมานี้ อีกฝ่ายอารมณ์ฉุนเฉียวซ้ำวาจายังใจจืดใจดำ น้อยคนนักที่สามารถทนรับการปฏิบัติอย่างโหดร้ายจากพี่สามได้
เนี่ยเฟิงอวิ๋นแค่นเสียงเบาๆ ในครรลองสายตานอกจากหยวนเฉี่ยวที่หวาดกลัวตัวสั่นแล้วยังมีสาวใช้นางนั้นอีกคน
นางดูเหมือนอ่อนน้อมเชื่อฟัง ถ้ามิได้เห็นการแข็งข้อต่อต้านขณะอยู่ในสวนซั่งกู่ก่อนหน้านี้ เขาคงได้ถูกลักษณะภายนอกที่ไม่สะดุดตาของนางหลอกเข้าแล้วจริงๆ
“เจ้ามีอะไรอยากพูดหรือไม่”
“ข้า…ข้าไม่มี…” เนี่ยหยวนเฉี่ยวรีบโบกมือ
“ใครถามเจ้า สาวใช้น่าตายนี่ ข้าเห็นเจ้าทำท่าจะพูดก็ไม่พูด เจ้ามีอะไรอยากพูดเกี่ยวกับคันฉ่องส่องบาปหรือไร”
ทำท่าจะพูดก็ไม่พูดหรือ นี่เขามาหาเรื่องกันชัดๆ! เขาไม่ใช่เนี่ยเฟิงอวิ๋นในความคิดนางอีกแล้ว บุรุษเช่นนี้ชวนให้คนหน่ายนัก นางมีอะไรดึงดูดความสนใจของเขาได้กันนะ
“นั่นเป็นแค่หนังสือลามกเท่านั้น” นางพูดเสียงเบาแต่ชัดเจน
เนี่ยหยวนเฉี่ยวยังไม่ทันแม้แต่จะสูดหายใจก็ได้ยินเนี่ยเฟิงอวิ๋นกรรโชกถามด้วยน้ำเสียงปานพายุพัด “เจ้าพูดอีกครั้ง!”
“นั่นเป็นแค่…”
“เสวียนจี!” เนี่ยหยวนเฉี่ยวตวาดห้ามนางพูดต่อ สาวใช้ปัญญาอ่อนนางนี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไร “เจ้านี่ชอบพูดอะไรไม่รู้กาลเทศะจริงๆ ไปไป๊! อย่ามาเกะกะพี่สามอ่านหนังสืออยู่ในนี้!”
“เจ้ากลับไปคนเดียว” คิ้วดาบพาดเฉียงของเนี่ยเฟิงอวิ๋นยกโค้ง เป็นลางบอกว่าพายุกำลังจะมา
“หา? นาง…นางเป็นแค่สาวใช้ตัวเล็กๆ เท่านั้น…พี่สาม สาวใช้อย่างนางจะรู้อะไรเท่าไรเชียว นางมิได้เจตนาด่าหนังสือเล่มนั้น…”
“เจ้าคิดจะอยู่อ่านหนังสือต่อที่นี่ใช่หรือไม่”
“ไม่ๆๆๆ” เนี่ยหยวนเฉี่ยวพูดอย่างลำบากใจ “พี่สามต้องการให้นางอยู่ เช่นนั้น…นางก็อยู่แล้วกัน ข้าไปล่ะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้…” เสวียนจีที่น่าสงสาร มิใช่ว่านายน้อยสิบสองไม่ช่วยเจ้า แต่เขาเองก็ยังแทบเอาตัวไม่รอด
เนี่ยหยวนเฉี่ยวก้มหน้าเดินดุ่มๆ ผ่านไป ไม่กล้ามองเนี่ยเฟิงอวิ๋นด้วยกลัวจะถูกจับกลับมาในเสี้ยวเวลาสุดท้าย
“เจ้าเก็บหนังสือเสร็จเรียบร้อยหรือยัง” เนี่ยเฟิงอวิ๋นยิ้ม เป็นยิ้มที่ชวนให้คนโมโห เห็นอยู่ตำตาว่ายังเก็บได้ไม่เต็มหนึ่งตู้ นี่เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบชัดๆ แต่ก็เพราะว่าเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เขาถึงได้ถามออกมา
กล่าวอีกอย่างคือเขามาหาเรื่อง เสวียนจีถอนหายใจ ความสุขที่ได้อ่านหนังสือก่อนหน้านี้ถูกบุรุษผู้นี้ทำให้หายไปในชั่วพริบตา