14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน สาวใช้ประพันธ์รัก
ทว่าเนี่ยเฟิงอวิ๋นโทสะพวยพุ่ง ตวาดก้อง “มิได้ตั้งใจ?! เจ้ามานานเพียงไรแล้ว แม้แต่เรื่องเล็กๆ แค่นี้ยังทำได้ไม่ดี เจ้ายังจะทำอะไรได้อีก นางเด็กสมควรตาย!” โทสะที่โถมซัดขึ้นมาที่อกเกิดจากความอับอาย เขาปัดกาน้ำชาบนโต๊ะตกพื้นอย่างแรง เห็นหลินอันอุทานออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับถอยหลังหลบไปชนเข้ากับคนอีกผู้หนึ่ง
เขาหรี่ตา โทสะลุกโชนยิ่งกว่าเก่า สายตาเลื่อนมาอยู่บนตัวนาง “ฉินเสวียนจี?”
“เสวียนจี…อยู่นี่เจ้าค่ะ…” นางถูกหลินอันกระแทกล้มลงพื้น วิงเวียนตาลาย
“สาวใช้สมควรตายนี่!”
นางสมควรตาย…สติแจ่มชัดขึ้นหลายส่วน นางยันตัวลุกขึ้น มองเห็นหลินอันยืนตัวลีบอยู่ข้างๆ ประหนึ่งว่ากลัวเพลิงโทสะของเขาจะแผ่มาถึงตน
นางสมควรตายตรงไหนกัน นางไม่ได้ล่วงเกินอะไรเขาเสียหน่อย มิใช่หรือไร หลินอันผลักนางเช่นนี้ ความง่วงงุนที่เดิมยังหลงเหลืออยู่ก็หายไปนานแล้ว
“เจ้าเป็นใบ้ไปแล้วหรือ หลบอยู่ตรงนั้นคิดว่าข้าจะมองไม่เห็นเจ้าแล้ว?”
“มิได้…เสวียนจีมิได้มีเจตนาเช่นนั้นเจ้าค่ะ” เขาต้องการนางมาทรมานโดยแท้ นึกภาพได้เลยว่าวันเวลาข้างหน้าจะลำบากมากเพียงไร
เนี่ยเฟิงอวิ๋นถลึงมองนาง นางเองก็มองเห็นภาพเมื่อครู่แล้วเช่นกัน? บุรุษผู้หนึ่งจำเป็นต้องมีคนประคองถึงสามารถนั่งบนรถเข็นได้ นางมองเห็นหมดแล้ว…สมควรตายนัก! ในใจเขาทั้งอายทั้งโกรธ รุนแรงกว่าเมื่อครู่อีกสามส่วน คิดจะระบายโทสะกลับมองเห็นท่าทางตาปรือของนาง ก็เลย…ก็เลยอดกลั้นเอาไว้
“มาเช็ดหน้า” เขากัดฟันพูด
“เช็ดหน้า?” นางแปลกใจ “เสวียนจีเช็ดหน้าแล้ว…” หรือว่าอาการนอนไม่พอของนางมองออกง่ายขนาดนั้นเชียว
หน้าเขาดุร้ายขึ้นมาราวกับผีร้ายในนรก หลินอันที่ด้านข้างสูดหายใจเฮือก ถอยกรูดไปชิดผนัง หวังจะสามารถซ่อนตัวได้
“ข้าเรียกเจ้ามาเช็ดหน้าให้ข้า!”
สาวใช้โง่เง่านี่! เหมือนเป็นคนละคนกับฉินเสวียนจีที่วิจารณ์นิยายเมื่อวานเลยทีเดียว!
“อ้อ…” หลินอันที่น่าสงสาร ที่ผ่านมายังต้องเช็ดหน้าให้เจ้านายด้วยหรือนี่ ทว่าตอนนี้หน้าที่ความรับผิดชอบใหญ่ย้ายมาอยู่ที่นางแทนแล้ว เสวียนจีถอนหายใจพลางก้าวไปข้างหน้า
ยิ่งเข้าใกล้เขายิ่งรู้สึกว่าเขาจ้องมองนางตาไม่กะพริบเหมือนว่ากำลังรอให้นางทำขายหน้า
น้ำเย็นเฉียบทำให้นางต้องห่อไหล่น้อยๆ ขณะบิดผ้าเปียกเย็นให้หมาดแห้ง นางลังเลอยู่ชั่วประเดี๋ยวถึงค่อยจับผ้าคลุมหน้าเขาไว้
“เจ้าคิดจะปล่อยให้ข้าหายใจไม่ออกตายหรือไร” ผ่านไปครู่หนึ่งก็มีเสียงดุร้ายดังอู้อี้มาจากใต้ผ้า
“มิได้เจ้าค่ะ…ข้ามิได้มีเจตนาเช่นนั้น” เสวียนจีรีบดึงผ้าขึ้น พับมันทบกันแล้วเริ่มเช็ดใบหน้าของเขา นางไม่เคยเช็ดหน้าให้ใคร รู้สึกเพียงว่าเขามีเค้าโครงหน้าหล่อเหลาคมสัน อย่างน้อยตัดเวลาที่เขาทำหน้าดุร้ายออกไป เขาก็เป็นคนที่มีใบหน้าน่ามองผู้หนึ่ง
เนี่ยเฟิงอวิ๋นทำหน้าเย็นชาแข็งขึง ปล่อยให้นางเช็ดไปเรื่อยๆ ดวงตามองตรงไปข้างหน้าก็เห็นเอวบางของนาง เมื่ออยู่ในระยะใกล้ก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ส่งมาจากกายนาง…เป็นกลิ่นหอมของกระดาษหนังสือ กลิ่นที่นุ่มนวลอ่อนโยนทั้งยังคุ้นเคยทำให้จิตใจเขาสงบลงเล็กน้อย
สวนซั่งกู่เงียบสงัดไร้สรรพสำเนียง ปล่อยให้เสียงลมพัด เสียงนกร้อง เสียงหญ้าไหวดังอยู่ข้างนอก ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร จู่ๆ หยวนเจาเซิงก็พูดโพล่งออกมา
“ใช้ได้แล้ว”
เสวียนจีขานรับเบาๆ เสร็จถึงค่อยเก็บผ้าที่เริ่มแห้งแล้วกลับมา ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าสายตาของเนี่ยเฟิงอวิ๋นตรึงอยู่ที่นาง
นางยกอ่างน้ำขึ้น ยอบตัวคารวะ “เสวียนจีออกไปก่อนนะเจ้าคะ”
เมื่อเดินมาถึงหลินอัน นางก็เห็นอีกฝ่ายเบิกตามองตนอยู่พร้อมกับเหงื่อกาฬที่ไหลย้อยไปทั้งหน้า…
ครั้นเดินออกมาพ้นสวนซั่งกู่แล้ว หลินอันก็ทรุดนั่งลงกับบันไดอย่างหมดแรง “ข้าไม่มีแรงแล้ว…พี่เสวียนจี ท่านจงใจกระมัง”
“จงใจ?” เสวียนจีหันหน้ากลับมามองนางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าไฉนจึงร้องไห้เสียแล้ว”
ร้องไห้? ข้าต้องร้องไห้แน่ล่ะ! ก็ถูกท่านทำให้ตกใจนี่นา หลินอันหน้าแดง สูดจมูก ฉากเหตุการณ์ ‘เช็ดหน้า’ เมื่อครู่นี้แทบจะคิดแล้วว่าต้องรอจนแก่ถึงจะหยุดลงได้ “พี่เสวียนจี ท่านเห็นใบหน้าของนายน้อยสามเป็นอะไร นั่นเรียกว่าเช็ดหน้าได้หรือ หน้าของนายน้อยสามมิใช่เครื่องทองแดง ไม่ต้องเช็ดจนเงาวับ…ฮือๆ ข้านึกว่านายน้อยสามจะโมโหเสียแล้ว…ฮึก ข้าตกใจแทบตาย…” เห็นอีกฝ่ายออกแรงเช็ดจนแทบจะทำนายน้อยสามหนังหลุดออกมา เขาไม่โมโหก็เป็นปาฏิหาริย์แล้ว ทว่านี่ยังถึงกับทนต่อไปได้โดยหน้าไม่เปลี่ยนสีด้วย…
“เป็นเช่นนั้นหรือ” นางออกแรงหนักหรือนี่ นางเพียงแต่ตั้งใจทำงานมากเท่านั้น เสวียนจียิ้มเป็นความหมายว่าขอโทษ “ข้าเพิ่งทำเรื่องพรรค์นี้ครั้งแรก…”
“ข้าเองก็เพิ่งเคยเห็นนายน้อยสามต้องการให้พวกเราเช็ดหน้าให้เขาครั้งแรกเช่นกัน ที่แล้วมาแค่ข้าเข้าใกล้เขาก้าวเดียว เขาก็โมโหแล้ว” ยังดีที่เสวียนจีมาด้วย ความสนใจของนายน้อยสามเลยย้ายไปที่อีกฝ่าย มิเช่นนั้นที่แล้วมาในเวลาเช่นนี้ล้วนจะเป็นนางที่ถูกด่า
“โชคดีที่วันนี้อารมณ์เขาดูจะไม่เลว” เสวียนจีปลอบใจนาง “คราวหน้าข้าระวังสักหน่อยก็ได้แล้ว”
“ยังจะมีคราวหน้าอีกหรือ” หลินอันอ้าปากจะพูด กลับพบว่าอีกฝ่ายหรี่ตาโค้ง สัมผัสสายลมฤดูร้อนที่พัดมาระใบหน้าด้วยท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจ ช่างเป็นสตรีที่แปลกนัก พี่เสวียนจีไปเอาอารมณ์สบายๆ มาจากไหนกันแน่ นางเป็นกังวลและได้รับความหวาดกลัวทุกวัน กลัวว่านายน้อยเฟิงอวิ๋นอารมณ์เสียขึ้นมาก็จะด่านาง กลัวว่าจะทำงานไม่เสร็จ…กลัวสารพัดกลัว…ไม่เคยได้สังเกตเรื่องราวรอบตัวเลย สายลมเย็นในฤดูร้อน…นางลองหลับตาลง สัมผัสถึงมันตามอย่างเสวียนจี รู้สึกเพียงว่าสายลมอ่อนพัดมาเป็นระลอก นี่มีอะไรพิเศษกัน แค่รู้สึกว่ามันโชยพัดก็เท่านั้นเอง…