14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน สาวใช้ประพันธ์รัก
เขาฉีกยิ้ม ก่อนจะคว้าจับแขนของนางไว้ “เจ้ารอไม่ไหวแล้ว? ข้าก็รับปากว่าจะมาซื้อกระดาษเขียนกลอนให้เจ้าแล้ว เจ้ายังจะมาเองอีก ไม่อยากอยู่ห่างข้าสักเสี้ยวเวลาเลยกระมัง…” บุรุษแซ่เหวยเรอออกมาอีกที เห็นนางเงยหน้าขึ้นมาก็อึ้งงันไป “หน้าเจ้าเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ตั้งแต่เมื่อไร”
นางจมจ่อมอยู่ในหนังสือ ยังไม่ได้สติกลับมา เพียงแต่ถลึงตาจ้องบุรุษที่จับแขนนาง “คุณชายโปรดระวังกิริยาวาจาด้วย” กลิ่นเหล้าจากตัวเขาแรงจนแทบจะกลบกลิ่นหอมของกระดาษที่มีแต่เดิมไปแล้ว นางเพิ่งมารู้สึกตัวว่าข้างกายมีคนเมาเพิ่มมาสองคนเอาตอนนี้ จึงขมวดคิ้ว คิดจะดึงมือกลับอย่างเงียบๆ ทว่ากลับถูกจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“เฮอะๆ พี่เหวย นางต้องอัปลักษณ์แน่อยู่แล้ว เหมือนที่กล่าวกันว่าหนึ่งวันมิพบพาน หน้าตาก็น่าชังอย่างไรเล่า” บุรุษแซ่เจียงแตะเอวนาง ทำให้นางร้องอุทานเบาๆ ออกมา “เอวคอดกิ่วเชียว ซ้ำยังหอมยิ่งนัก ข้าเดาว่าเป็นกลิ่นดอกบัว พี่เหวย ท่านลองมาดมดูว่าบนตัวนางเป็นกลิ่นอะไร”
นางสะดุ้ง ดูมึนงง มิได้ตื่นตระหนก เพียงแต่ประหลาดใจเล็กน้อย ครั้นคนเมาที่ด้านข้างโน้มศีรษะลงมาทำท่าจะหอมนาง นางก็เบิกตาโตและรีบหดคอ
“นี่กำลังทำอะไร เกี้ยวพาสตรีมีชาติตระกูลกลางร้านหนังสือของข้าอย่างนั้นหรือ” เสียงบุรุษทุ้มต่ำดังขึ้นด้านหลังนาง นางตกใจ หรี่ตามองเห็นลูกจ้างร้านกำลังถือไม้จะมาช่วยนาง แต่กลับหยุดค้างกลางอากาศ ปากเขาอ้ากว้าง สายตามองเลยนางไป ก่อนจะหลุดปากเรียกออกมา
“เถ้าแก่!”
เถ้าแก่? เป็น…เนี่ยเฟิงอวิ๋น? เถ้าแก่ของร้านหนังสือเฟิงอวิ๋น?
หัวใจนางเต้นสะดุดไปหนึ่งจังหวะ รีบหันหน้ากลับไปด้วยความกระวนกระวาย ก่อนจะมองเห็นมือใหญ่ยื่นมาขวางหน้าบวมๆ ของคนเมานั่นไว้ได้ทันเวลา ครั้นมองเลยไปด้านหลังอีกหน่อยก็เห็นเป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่ง บนตัวสวมชุดตัวยาวสีฟ้า เรียกไม่ได้ว่าหล่อเหลางามล้ำ แต่สุภาพเรียบร้อยองอาจผึ่งผาย สีหน้าแววตามีแต่ความหยิ่งยโสโอหัง
นางอึ้งงันไปเล็กน้อยก่อนมองดูรอบๆ ตัวเขา มิมีบุรุษอื่นให้ความสนใจทางด้านนี้…เช่นนั้น เขาก็คือเนี่ยเฟิงอวิ๋นแล้ว?
ยังหนุ่มเพียงนี้เชียว?
นางคิดว่า…เนี่ยเฟิงอวิ๋นควรเป็นชายชราจึงจะถูก
“เจ้า เจ้า…” บุรุษแซ่เหวยปัดมือเขาออก ก่อนจะร้องขึ้นด้วยโทสะ “เจ้าบังอาจนัก! คุณชายอย่างข้ากำลังคุยกับหญิงสาว เจ้ากลับยื่นเท้ามาสอด…” เขาถลึงมองผู้มาขัดด้วยความโมโห ก่อนจะอุทานออกมาทันที “เจ้า…ดูคุ้นตายิ่ง…”
“ลืมแล้วหรือ คุณชายเหวย ข้าคือเนี่ยเฟิงอวิ๋น เคยดื่มกับท่านในหอจุ้ยเยวี่ย”
“จริง…จริงด้วย” ยามนี้บุรุษแซ่เหวยดวงตาสว่างวาบ ความเมามายสร่างไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว “พี่เนี่ย ไม่ได้พบกันนาน” เขาคลี่ยิ้ม
“ไม่ได้พบกันนานจริงๆ” เนี่ยเฟิงอวิ๋นยิ้มกล่าวพลางรุนนางไปทางโต๊ะให้พ้นเงื้อมมือมารของคนแซ่เจียงและแซ่เหวยอย่างไม่กระโตกกระตาก “ข้าได้ยินว่าท่านพนันกับคุณชายสกุลหวัง ใช่ชนะแล้วหรือไม่”
“แน่นอนว่าแพ้แล้ว เพื่อมาอุดหนุนร้านหนังสือนี้ของท่าน เงินสีขาวจั๊วะของข้าเลยต้องเสียให้เจ้าคนแซ่หวังนั่นทั้งหมด” เขาเค้นเสียงพูด คิดว่าคงรู้สึกไม่ยินยอมอยู่เล็กน้อย
“นั่นก็พูดยาก” เนี่ยเฟิงอวิ๋นกวักมือเรียกลูกจ้าง “ในร้านข้านี้นอกจากสตรีก็มีทุกอย่าง พวกท่านต้องการกระดาษ หมึก หรือว่าหนังสือก็บอกลูกจ้างได้เลย ไม่ต้องจ่ายเงิน” มุมปากเขามีรอยยิ้มบางๆ ทำให้อ่านสีหน้าของเขาไม่ออก
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร” บุรุษแซ่เจียงและแซ่เหวยมีสีหน้ายินดีปรีดา ถึงจะเคยบังเอิญเจอเนี่ยเฟิงอวิ๋นไม่กี่ครั้งในหอนางโลมและเคยเข้าไปตีสนิทด้วย แต่ด้วยภูมิหลังของสกุลเนี่ยและความเย่อหยิ่งของเนี่ยเฟิงอวิ๋น อีกฝ่ายจึงไม่ใคร่แยแสบัณฑิตอย่างพวกเขา ช่างหาได้ยากนัก เขาเหลือบมองสตรีนางนั้นแวบหนึ่งแล้วก็ต้องตกใจ สร่างเมาแล้วถึงได้มองเห็นหน้าตานางชัดเจน นี่เขาเริ่มกินไม่เลือกตั้งแต่เมื่อไรกัน
“คุณชายเหวย เมื่อครู่ข้ายังเห็นคุณชายสกุลหวังมาที่ร้านด้วย ข้ายังไม่ได้ไปทักทาย ท่านว่าเดิมพันนี้ใครแพ้ใครชนะกันแน่เล่า” เนี่ยเฟิงอวิ๋นเอ่ยเตือนอีกฝ่ายเบาๆ
“เอ๊ะ?! เขามาแล้ว?” ก็ถูก วันออกหนังสือของร้านหนังสือเฟิงอวิ๋นเป็นดั่งวันสำคัญของเหล่าบัณฑิต ใครไม่มาเดินดูหนังสือออกใหม่สักรอบก็เตรียมตัวถูกคนหัวเราะเยาะได้เลย เขามาเพราะรักหน้าตา คนแซ่หวังนั่นก็ย่อมต้องมาแน่นอนเช่นกัน “ไม่ได้การ ข้าต้องไปแล้ว ไม่แน่ว่าถ้าข้ารีบกลับหอจุ้ยเยวี่ยอาจจะยังไม่ถูกจับได้” เขาโบกมือและกล่าวลาโดยไม่คิด ก่อนกุลีกุจอเบียดตัวแทรกกลุ่มคนออกไป
เนี่ยเฟิงอวิ๋นไม่แม้แต่จะมองพวกเขา ขณะกำลังคิดจะจากไปกลับเหลือบเห็นนางจ้องตนอยู่อย่างตาไม่กะพริบ
“แม่นางน้อยถูกทำให้ตกใจเข้าแล้วใช่หรือไม่” ริมฝีปากเขาอมยิ้มบางๆ แตกต่างจากรอยยิ้มขอไปทีที่มีให้สองคนก่อนหน้านี้
“ไม่…” นางกล่าวเสียงค่อย “ขอบคุณคุณชายมากที่ช่วยเหลือทันเวลา”
เขาโบกมือด้วยท่าทางคล้ายไม่ได้ใส่ใจ “ในร้านหนังสือของข้าไม่ต้อนรับชายขี้เมาที่เที่ยวเกี้ยวพาสตรีมีชาติตระกูล ถ้าเจ้าไม่เป็นอะไรก็รีบกลับไปเถิด อย่าเที่ยวอยู่ข้างนอกส่งเดช”
“เถ้าแก่ นางมาดูหนังสือขอรับ” ลูกจ้างร้านพูดขึ้น อยากจะเอาไม้ฟาดขี้เมาสองคนนั้นให้ตายเสียจริงๆ แม้ว่าปัจจุบันบัณฑิตจะนิยมฆ่าเวลาอยู่ในหอนางโลม เถ้าแก่เองก็หลีกเลี่ยงเรื่องนี้ไม่ได้ แต่เขาก็ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายทำรุ่มร่ามกับสตรีที่ข้างนอกมาก่อน
“อ้อ?” เนี่ยเฟิงอวิ๋นเลิกคิ้ว กวาดตามองนางปราดหนึ่ง “มาซื้อหนังสือให้เจ้านายหรือ” ไม่เหมือน แม้รูปโฉมนางจะอยู่ระดับปานกลาง ดึงดูดความสนใจผู้ใดไม่ขึ้น แต่เมื่อมองดีๆ กลับดูมีกลิ่นอายของปัญญาชนอยู่หลายส่วน เขาขมวดคิ้ว เอนตัวเล็กน้อยไปดมดูอย่างแทบไม่สังเกตเห็น บนตัวนางหาได้มีกลิ่นดอกบัวไม่ แต่เป็น…กลิ่นหอมจางๆ ของกระดาษ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเป็นกลิ่นภายในร้าน แต่วันนี้มีคนจำนวนมาก กลิ่นกระดาษผสมปนเปกับกลิ่นเหงื่อ กลิ่นเหล้า กลิ่นเครื่องประทินโฉมจนเพี้ยนไปอยู่สักหน่อยแล้ว ทว่าพอเข้าใกล้นางกลับได้กลิ่นหอมเรียบๆ ของกระดาษชัดเจน