เดินมาได้พักหนึ่งก็มาถึงห้องนอนรวมขนาดใหญ่ที่คุ้นเคย เครื่องเรือนเรียบง่ายที่ด้านในถูกย้ายมาไว้ในลานเรือนชั่วคราว ชายฉกรรจ์แข็งแรงบึกบึนสองสามคนขนกระดาษเข้ามาเป็นตั้งๆ
“พี่เสวียนจี!” หรูหมิ่นที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอนรวมหิ้วถังน้ำมาด้วย ครั้นมองเห็นเสวียนจีก็ทั้งตกใจทั้งดีใจ รีบเอ่ยทักอีกฝ่าย “ท่านมาได้อย่างไร ท่านมิใช่ไปปรนนิบัตินายน้อยสามแล้วหรือ สบายดีอยู่หรือไม่ ถูกรังแกอะไรหรือไม่”
“นางมาเพื่อช่วยงาน” หยวนซีเซิงเหลือกตาพูดสอด “ทำความสะอาดภายในห้องจนสะอาดแล้วหรือไร”
“เจ้าค่ะ รับรองว่าพ่อบ้านหยวนจะไม่เจอฝุ่นแม้แต่นิดเดียว” หรูหมิ่นตอบพร้อมยิ้มหวาน ก่อนจะวิ่งมาหยุดข้างเสวียนจี “พี่เสวียนจี ท่านชินกับงานหรือไม่ ข้าได้ยินบ่าวคนอื่นพูดว่านายน้อยสามโมโหร้ายจนเหมือนพญายมอย่างไรอย่างนั้น ใครทำให้เขาไม่พอใจชีวิตก็ต้องลำบาก”
หยวนซีเซิงถลึงตา นางเด็กนี่! กำลังจะบ่นสักหลายคำกลับพลันได้ยินเสวียนจีเปิดปากพูด
“หรูหมิ่น เจ้าเคยเห็นพญายมหรือ”
หรูหมิ่นอึ้งงันไป “ไม่เคย ถ้าข้าเห็น พี่เสวียนจีก็ไปเผากระดาษเงินกระดาษทองที่หลุมศพข้าได้แล้วสิ”
เสวียนจียิ้มบางๆ พลางว่า “ในเมื่อไม่เคยเห็นแล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพญายมโมโหร้าย”
“ฮ่าๆ ก็คนอื่นๆ ล้วนพูดเช่นนี้นี่นา”
“ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องเห็นด้วยตาก่อนจะตัดสิน ถูกหรือไม่”
หรูหมิ่นตอบรับ มักรู้สึกเสมอว่าในคำพูดของพี่เสวียนจีแฝงความหมายลึกซึ้ง นางไม่เคยเรียนหนังสือ ย่อมจะเข้าใจหลักเหตุผลจำนวนหนึ่งได้ไม่เท่าพี่เสวียนจี แต่ทว่า…นางใช้สมองคิดเล็กน้อยก่อนเอ่ยถามเสียงอ่อย “ความหมายของพี่เสวียนจีคือ…ข้าไม่เคยเห็นนายน้อยสาม ดังนั้นจึงไม่อาจตัดสินว่าเขาโมโหร้ายได้?”
เสวียนจีพยักหน้า สะกิดจมูกนางก่อนพูดยิ้มๆ “หรูหมิ่นช่างเป็นเด็กที่เรียนรู้เก่งนัก”
“นั่น…นั่นหมายความว่าอย่างไร”
“หมายถึงว่าเจ้าฉลาดยิ่ง” คำชมของนางทำให้หรูหมิ่นหน้าแดง
หยวนซีเซิงออกแรงกระแอมจนเกือบเลือดออกในคอ! นางเห็นที่นี่เป็นอะไร ห้องเรียนอย่างนั้นหรือ ทั้งยังมาสั่งสอนสาวใช้ตรงนี้อีก ถ้ามิใช่เห็นนางพูดแทนนายน้อยสาม เขาคงลงมือห้ามไปนานแล้ว
“พวกเจ้าอย่าเอาแต่คุยเล่นอยู่ตรงนี้ หรูหมิ่น รีบไปเรียกสาวใช้ในห้องออกมา แล้วก็ดูกันเองว่าจะเลือกกระดาษชนิดใด” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ เห็นหรูหมิ่นรีบวิ่งเข้าห้องไปแล้วถึงกล่าวขึ้นอีกว่า “ข้าจะบอกให้นะ เสวียนจี สาวใช้ในคฤหาสน์สกุลเนี่ยพูดน้อยทำมากมาแต่ไหนแต่ไร แม้เจ้าจะเคยเรียนหนังสือ แต่ก็อย่ากรอกความคิดประหลาดอะไรให้พวกสาวใช้เด็กๆ จะดีกว่า…เอ๊ะ เจ้ากำลังทำอะไร”
เสวียนจีที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ในกองกระดาษเอ่ยถามโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้า “พ่อบ้านหยวน กระดาษเหล่านี้เอาไปใช้ไม่ได้แล้วหรือเจ้าคะ”
“ใช่แล้ว ข้าเห็นว่าในคฤหาสน์ปัดกวาดจนสะอาดแล้วถึงได้คิดจะทำความสะอาดห้องนอนรวมนี้ไปด้วย ประจวบเหมาะว่ามีของมีตำหนิให้ทำเป็นกระดาษติดผนังพอดี จึงจะเปลี่ยนใหม่ให้เหมือนกันทั้งหมดเสียเลย…”
“เช่นนั้นกระดาษที่เกินมาก็ต้องทิ้งหรือเจ้าคะ” นางตัดบทเขา
“ไม่ทิ้งแล้วจะให้เอามานอนต่างเตียงหรือไร”
“เช่นนั้นข้าขอไปสักหลายแผ่นได้หรือไม่”
“ได้…ได้สิ ขอเพียงเจ้ามีที่วาง เจ้าอยากเอาไปเท่าไรก็เอาไปได้เลย” หยวนซีเซิงพูดอย่างใจกว้าง มองดูนางรื้อดูของมีตำหนิเหล่านั้นด้วยท่าทางคล้ายว่าเพลิดเพลินยิ่ง ช่างเป็นสาวใช้ที่ประหลาดนัก ในคฤหาสน์สกุลเนี่ยเขาสามารถคาดเดาความคิดความอ่านของสาวใช้ได้ทุกคน ยกเว้นก็แต่ฉินเสวียนจีผู้นี้…
อันตราย อันตรายทีเดียว!
สัญชาตญาณของเขากำลังร้องเตือน แต่เขากลับไม่รู้ว่าอันตรายที่ตรงใด นางเป็นภัยต่อเขาแน่นอน แต่เป็นภัยที่ตรงใดก็ไม่รู้ แม้นางจะมีฐานะเป็นทายาทของอาจารย์สอนหนังสือ แต่ยามมองดูนางกลับมักรู้สึกเหมือนมองบุปผากลางหมอก ไม่รู้ว่าเป็นดอกอะไร มีพิษหรือไม่…
วันที่เกิดเรื่องกับนายน้อยสาม ในอกเขาก็รู้สึกไม่ใคร่สบายและเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาเช่นกัน ทว่าตอนนี้ความรู้สึกไม่ดียิ่งรุนแรงกว่าเดิม จะเกิดเรื่องกับใครโดยมีสาเหตุจากนางกันแน่
จะเป็นใครกันนะ…