สาวใช้ส่วนใหญ่ที่พักในห้องใหญ่ห้องนี้ล้วนเข้ามาพร้อมกัน ตอนแรกชุ่ยอวี้แทบไม่สังเกตเห็นว่าในบรรดาสาวใช้ทั้งยี่สิบกว่าคนมีบุคคลอย่างเสวียนจีอยู่ด้วย อีกฝ่ายมักจะอยู่เงียบๆ ปกติไม่ปริปากพูดสักคำ มอบหมายงานอะไรให้นางก็ล้วนทำ พูดกับนาง นางก็ตอบ มิได้ชวนให้คนชัง แต่ก็พูดไม่ได้ว่าชวนให้คนชอบ ธรรมดาจนให้ความรู้สึกเหมือนว่ามองเสร็จก็ลืมนางได้ทันที
ทว่าหลังจากหรูหมิ่นคอยตามติดฉินเสวียนจีก็กลับเริ่มสังเกตเห็นอีกฝ่ายอย่างห้ามตนเองไม่ได้ พอสังเกตเห็นก็ค้นพบว่าท่าทางสุภาพเรียบร้อยเงียบขรึมของเสวียนจีนั้นแตกต่างจากเด็กสาวอย่างพวกตน และพอได้ลองใกล้ชิดนางแล้วก็มักตัดใจออกห่างนางไม่ได้ รอบกายเสวียนจีเหมือนเป็นบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความมั่นคงและความสบาย คุยกับนางก็รู้สึกอบอุ่นสบายใจ
“พ่อบ้านหยวนมาแล้ว พี่เสวียนจี” หรูหมิ่นรีบฉุดนางลุกขึ้น
พ่อบ้านหยวนปฏิบัติต่อพวกนางไม่เลวมาโดยตลอด ติดแค่ขี้บ่นไปสักหน่อยจนเหมือนเป็นคนแก่ ขัดกับรูปลักษณ์สุภาพเรียบร้อยอ่อนวัยของเขาโดยสิ้นเชิง
“เด็กๆ ทั้งหลาย ตื่นกันหรือยัง” หยวนซีเซิงตะโกนถามพลางมองสาวใช้ที่รีบเดินออกมาจากในห้องนอน เขาพยักหน้าด้วยความพอใจ สาวใช้ที่เพิ่งมาใหม่ได้หนึ่งเดือนชุดนี้ล้วนไม่เคยก่อเรื่องวุ่นวาย เฉลียวฉลาดน่ารักทั้งยังสงบเสงี่ยม ทำให้เขารู้สึกปลื้มใจอย่างยิ่ง
“หลังงานทำความสะอาดใหญ่ในวันนี้เสร็จสิ้น ข้าจะจัดพวกเจ้าไปฝ่ายงานที่เหมาะกับแต่ละคน ตามข้ามาเถอะ” เขาพูดเสียงดัง
หนึ่งเดือนมานี้ผู้คนทั้งคฤหาสน์สกุลเนี่ยล้วนกำลังทำความสะอาดคฤหาสน์ครั้งใหญ่ และก็ใช้โอกาสนี้สังเกตดูสาวใช้แต่ละคนไปด้วยว่าเหมาะกับงานประเภทใด การทำความสะอาดเช่นนี้เดิมมิใช่เรื่องยุ่งยากแม้แต่น้อย เขายินดีจะทำด้วยซ้ำ ทว่าก็มีเรื่องหนึ่งที่ไม่ดี…
ตลอดสามปีมานี้ ทุกครั้งที่ถึงเวลาทำความสะอาดใหญ่ของคฤหาสน์สกุลเนี่ย เขาเป็นต้องหงุดหงิดในเรื่องนี้
ยุ่งยาก ช่างยุ่งยากจริงๆ…
เขาถอนหายใจ สองมือไพล่หลัง เดินออกไปข้างนอกและเริ่มงาน
มองจากไกลๆ ดูเหมือนเป็นแม่เป็ดตัวหนึ่งนำพาเหล่าลูกเป็ดเดินกลับไปกลับมาในคฤหาสน์สกุลเนี่ย หยุดเป็นครั้งคราวเพื่อทิ้งสาวใช้ไม่กี่คนไว้ทำความสะอาดจุดที่กำหนด ดวงอาทิตย์ร้อนแรงค่อยๆ เคลื่อนขึ้นฟ้า ความร้อนเริ่มปรากฏในอากาศ
หรูหมิ่นสูดหายใจเฮือกเล็กๆ ก่อนกระซิบถาม “ร้อนยิ่งนัก พี่เสวียนจี ท่านร้อนหรือไม่”
“ยังพอไหว” เสวียนจีตอบยิ้มๆ
“จริงหรือ แต่ข้าเห็นท่านเหงื่อออกเต็มหน้าแล้ว” หรูหมิ่นล้อนางพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าเนื้อหยาบส่งให้
“ขอบใจ” หน้านางเรื่อแดงอยู่เล็กน้อย ถึงจะอยากกลมกลืนเข้ากับสาวใช้กลุ่มนี้ ไม่ให้เป็นที่สะดุดตา แต่ก็ต้องล้มเหลวเพราะปัญหาด้านร่างกายที่มากเกินไปของตนเอง
“ร่างกายของพี่เสวียนจีดูเหมือนจะไม่ดีนักกระมัง” ไม่รู้ว่าชุ่ยอวี้ลดความเร็วฝีเท้าลงแล้วเดินมาประกบอยู่อีกข้างของเสวียนจีอย่างเงียบๆ ตั้งแต่เมื่อไร นางสูดหายใจลึก เดินเคียงข้างเสวียนจีพลันรู้สึกเย็นสบายขึ้นมาจริงๆ
“ข้า…เป็นอย่างนั้นหรือ” เสวียนจียังคงยิ้ม
“คงเป็นเพราะพี่เสวียนจีเป็นบุตรสาวของอาจารย์สอนหนังสือ ดังนั้นจึงแตกต่างจากพวกเรา ไม่เคยลงนา ร่างกายจึงดูผอมบางอ่อนแอ” หรูหมิ่นชิงตอบแทน
“อาจารย์สอนหนังสือ? นั่นช่างดีเหลือเกิน” ชุ่ยอวี้ถอนหายใจ “ไม่เหมือนพ่อข้าที่เป็นชาวนา ต้องเจอภัยแล้งน้ำท่วม พอไม่มีข้าวกินก็ต้องขายลูกสาว จำเป็นต้องขาย มิเช่นนั้นน้องสาวน้องชายของข้าคงได้อดตาย”
เสวียนจีมองชุ่ยอวี้แวบหนึ่ง เอ่ยปลอบใจว่า “แต่ละคนมีชะตาชีวิตของตัวเอง พ่อเจ้าขายลูกสาว เขาเองต้องทำใจได้ยากยิ่งอย่างแน่นอน”
ชุ่ยอวี้ได้ยินดังนี้ ดวงตาก็เรื่อแดง “ท่านพูดถูกต้อง ก่อนข้าจากมาท่านพ่อยังร้องไห้ บอกว่ารอข้าครบกำหนดสามปีก็จะได้พบหน้ากันอีก”
เสวียนจีแย้มยิ้มเงียบๆ โดยตลอด มิได้พูดอะไรต่ออีก เรื่องในอนาคตใครก็บอกได้ยาก บางทีอีกสามปีชุ่ยอวี้อาจได้แต่งงาน บางทีอีกสามปีนางอาจถูกขายอีกครั้งเพราะเกิดภัยธรรมชาติขึ้นอีก ทว่าปล่อยให้นางมีความหวังอย่างไรก็ดีกว่าเศร้าเสียใจมาก
สาวใช้สิบกว่าคนที่เหลือพลันหยุดเดิน เนื่องจากพ่อบ้านหยวนที่หัวขบวนรีบร้อนก้าวไปหาบุรุษผู้หนึ่งที่เพิ่งเดินมา
เสวียนจีมองบุรุษผู้นั้น…เขาสวมชุดตัวยาวสีขาว หล่อเหลามีสง่า ด้านหลังเขามีชายอีกคนถือร่มเดินตาม
นางอุทานออกมาเบาๆ
“เป็นอะไรไป พี่เสวียนจี”
“เปล่า…ไม่ได้เป็นอะไร” นางตอบเสียงค่อย