ห้องน้ำตั้งอยู่ห่างจากห้องพักของเฉิงอี้เหิงประมาณหนึ่งร้อยเมตร แพทย์หนุ่มแบกลู่จยาเดินไปข้างหน้า แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เห็นว่ามีคนมากมายยืนออกันอยู่หน้าห้องพักของเขา
‘พวกนักข่าวอีกแล้ว’ ลู่จยาพูดเสียงเบา
‘ทำไมคนพวกนี้ถึงเกาะแน่นอย่างกับแผ่นกอเอี๊ยะเลยนะ’
‘ข่าวใหญ่ขนาดนั้นก็ต้องมาสืบข่าวน่ะสิ ใครหาข้อมูลได้ก่อนก็เหมือนกับได้เงินก้อนใหญ่’ ลู่จยาพูดต่อ
‘งั้นพวกเราจะไปที่ไหนดี’ เฉิงอี้เหิงหันศีรษะมาถามลู่จยา ลู่จยาที่เกาะไหล่เขาอยู่พอดีทำให้เมื่อชายหนุ่มหันหน้ามาใบหน้าของทั้งคู่จึงแนบติดกัน
เฉิงอี้เหิงรีบหน้าขยับออก ขณะที่ลู่จยากลับดูนิ่งๆ
ผ่านไปครู่หนึ่งลู่จยาก็รู้สึกได้ว่าใบหน้าของเฉิงอี้เหิงเห่อร้อนขึ้นมา เธอที่ไม่คิดอะไรเลยจึงยื่นมือออกไปลูบหน้าของเขา
‘คุณหมอเฉิง คุณเขินเหรอ’
‘เปล่า ผมแบกคุณมาตั้งนาน ก็แค่ออกแรงไปเยอะหน่อย’ เฉิงอี้เหิงพยายามแก้ตัว
ตอนนั้นเองลู่จยาถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองหนักเกือบห้าสิบกิโลกรัมจึงไถลตัวลงมาจากหลังของเฉิงอี้เหิง เฉิงอี้เหิงที่คิดจะรั้งเธอไว้แต่ก็ไม่ทัน ลู่จยาลงถึงพื้นเรียบร้อยแล้ว
‘พวกเราไปที่อื่นกันเถอะ คืนนี้คงอยู่โรงพยาบาลไม่ได้ชั่วคราว’ เฉิงอี้เหิงบอก
‘แล้วจะไปที่ไหน’ ลู่จยาเอ่ยถาม
‘ข้างๆ โรงพยาบาลมีโรงแรมที่พวกญาติๆ ผู้ป่วยมักจะไปพักกัน ถ้าคุณไม่ถือสาล่ะก็…’ เมื่อพูดออกไปแล้วเฉิงอี้เหิงถึงเพิ่งรู้สึกว่าเขาไม่น่าพูด โรงแรมข้างๆ โรงพยาบาลนั้นเป็นโรงแรมที่ไม่ค่อยมีระดับนัก มักใช้เป็นที่พักชั่วคราวของญาติคนไข้ บริการก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สำหรับนักแข่งรถชื่อดังอย่างลู่จยาแล้วไม่ว่าจะไปที่ไหนเธอก็คงจะต้องไปพักในโรงแรมห้าดาว จะให้มาอยู่โรงแรมข้างทางเล็กๆ แบบนี้ดูท่าเธอคงจะต้องลำบากไม่น้อย
‘ได้ๆ แต่คุณห้ามลืมเรื่องที่ฉันพูดนะ!’ ลู่จยาหมายถึงเรื่องที่จะให้เขาเปลี่ยนห้องพักคนไข้ให้เธอ
เฉิงอี้เหิงพยุงตัวลู่จยาไว้ ทั้งสองคนค่อยๆ เดินไปบนเส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนใช้เข้าออกโรงพยาบาล
‘พรุ่งนี้รบกวนคุณช่วยเปลี่ยนห้องพักของฉันเป็นห้องพักผู้ป่วยเดี่ยวและประกาศออกไปด้วยว่าฉันย้ายโรงพยาบาลแล้วให้หน่อยนะคะ’
‘อืม’
ยามค่ำคืนอันหนาวเหน็บ เฉิงอี้เหิงพยุงลู่จยาเดินมาถึงบริเวณด้านหน้าของแผนกรับผู้ป่วยใน เขาเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวบนท้องฟ้า ด้านหลังของทั้งคู่มีไฟของอาคารผู้ป่วยในส่องสว่างอยู่
เสียงโทรศัพท์ของลู่จยาดังขึ้นหลายครั้ง
ลู่จยาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูพบว่าเป็นข้อความที่ส่งมาจากผู้จัดการส่วนตัวของเธอ
‘ลู่จยา ท่านประธานกับฉันหารือกันแล้ว ตกลงกันว่าช่วงนี้ให้เธอพักผ่อนจนหายดีก่อน ส่วนเรื่องการแข่งขันเธอก็ไม่ต้องไปคิดถึงมันแล้ว รอให้ขาของเธอดีขึ้นแล้วค่อยว่ากันอีกที’
ตอนนี้เองลู่จยาถึงคิดขึ้นมาได้ว่าตอนที่ตื่นขึ้นมานั้น ประธานของสโมสรก็ยืนอยู่ใกล้ๆ กับหัวเตียงผู้ป่วยของเธอด้วย คล้ายว่าเขาจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ถูกแม่ของฮว่าถิงโวยวายขึ้นมาเสียก่อนจนไม่มีโอกาสได้พูด
ลู่จยาเข้ามาอยู่ในสโมสรแห่งนี้ตอนอายุสิบสี่ปี แทบจะเรียกได้ว่าประธานสโมสรนั้นเห็นเธอเติบโตขึ้นมาเลยทีเดียว ลู่จยาเองยังคิดว่าเขาคงจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานและอาจให้โอกาสเธออีกสักครั้ง
ทว่า…ความสัมพันธ์นั้นช่างเป็นสิ่งที่ไร้ค่าและไร้ประโยชน์ที่สุด
ลู่จยาก้มหน้าลง ตอบข้อความกลับไปอย่างรวดเร็ว