X
    Categories: ทดลองอ่านมากกว่ารักหวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม

ทดลองอ่าน หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม เล่ม 3 บทที่ 180-บทที่ 181

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่ 180

“ยายเฒ่า ข้าขอเตือนไว้ ขืนเจ้ายังก่อกวนต่อไปเรื่อยๆ เช่นนี้ พวกข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ”

ผู้คนมุงดูมากขึ้นตามลำดับ องครักษ์จินหลินที่ได้ยินเสียงดังอึกทึกพากันออกมาขับไล่ด้วยสีหน้าถมึงทึง

ชาวบ้านที่โดนไล่ก็รู้จังหวะ ยืนห่างไปกว่าเดิมชะเง้อคอมองชมเรื่องสนุกกันต่อ

ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งแค่นเสียงเยาะ “ข้ามิได้เติบใหญ่มาพร้อมกับคำขู่ขวัญ ถ้าแค่ต้องการคำขอขมาก็ถูกองครักษ์จินหลินจับตัวไป อย่างนั้นพวกเจ้าจับกุมครอบครัวข้าทั้งเด็กทั้งคนชราเข้าคุกหลวงให้หมดไปเลย”

ยายเฒ่าผู้นี้เป็นดั่งสุกรตายไม่กลัวน้ำร้อนลวกจริงๆ

“ท่านผู้เฒ่า ในเมื่อท่านเป็นนายหญิงตราตั้งแล้วไม่คำนึงถึงลูกหลานของตัวเองบ้างหรือ” องครักษ์จินหลินคนหนึ่งพูดเตือนเสียงเบาๆ

สิ้นเสียงเขาไม่ทันไร มีคนผู้หนึ่งทะยานเข้ามาฉับพลัน กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “ใครกล้าแตะต้องท่านแม่ข้า”

คนผู้นั้นดูท่าทางอยู่ในวัยราวสามสิบเศษ หิ้วกล่องอาหารอยู่ในมือ อารมณ์ที่เดือดดาลทำให้ดวงหน้าคมคายของเขาเปล่งประกายจับตาจับใจ งามสง่าประหนึ่งเทพบุตร หล่อเหลาไม่เป็นสองรองใคร

เอ๊ะ?! คนผู้นี้ดูคุ้นๆ หน้าอยู่สักหน่อย มีองครักษ์จินหลินสองคนคิดอยู่ในใจ

หลีกวงเหวินเอาตัวบังอยู่ข้างหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง เขายื่นกล่องอาหารให้สาวใช้ด้านข้าง “ท่านแม่ ข้ามาส่งข้าวส่งน้ำให้ท่าน ข้ามาช้าไปทำให้ท่านต้องได้รับความคับข้องหมองใจแล้ว”

เขาหมุนกายสืบเท้าขึ้นหน้าหนึ่งก้าว “ทุกท่านจะจับตัวพวกข้าไปหรือ ข้าคือบัณฑิตเอกชั้นหนึ่งลำดับทั่นฮวาปีกุ่ยเว่ย* รั้งตำแหน่งอาลักษณ์เป็นเวลาสิบปีเศษในสำนักราชบัณฑิต เดิมทีข้าอยู่ที่นั่นก็นึกเบื่อหน่ายแล้ว จะเปลี่ยนไปอยู่ที่อื่นก็ไม่เป็นปัญหาใด แต่ข้าต้องบอกกล่าวทุกท่านไว้ข้อหนึ่ง เว้นเสียแต่ว่าข้าจบชีวิตในคุกหลวง หาไม่แล้วขอแค่ออกมาได้ ข้ายังคงจะทวงความชอบธรรมให้บุตรสาวอยู่ดี”

หลีกวงเหวินกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทรงพลังจบ ก็ชูมือชี้ฟ้าพลางพูดว่า “สวรรค์เป็นประจักษ์พยาน วันนี้คนที่ยืนอยู่ตรงนี้มิใช่อาลักษณ์สำนักราชบัณฑิต แล้วคนที่พวกข้าต้องการพบก็ไม่ใช่ผู้บัญชาการใหญ่ ข้าเป็นเพียงบิดาที่รักใคร่บุตรสาวคนหนึ่งที่อยากพบบิดาของคนที่ทำร้ายบุตรสาวข้า เพื่อถามเขาเองกับปากว่าอบรมสั่งสอนบุตรธิดาเยี่ยงไร”

ขอบตาของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งร้อนผ่าว วันนี้บุตรชายคนโตแสดงฝีมือได้เกินระดับปกติโดยแท้!

รังแกกันเกินไป รังแกกันเกินไปจริงๆ!

ถึงแม้ราษฎรที่มุงดูอยู่จะไม่กล้าเปล่งเสียงสนับสนุนดังๆ ด้วยหวั่นเกรงกิตติศัพท์อันฉาวโฉ่ขององครักษ์จินหลิน ทว่าสีหน้าเคียดแค้นต่อศัตรูร่วมกันบ่งบอกทุกสิ่งได้แล้ว

บรรยากาศเขม็งเกลียวพร้อมแตกหักทุกเมื่อ

สภาพการณ์นี้มิได้เกิดขึ้นจากครอบครัวของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเท่านั้น หากแต่ความรู้สึกเป็นเดือดเป็นแค้นซึ่งถูกจุดขึ้นในใจคนที่มุงดูอยู่นับไม่ถ้วนชั่วขณะนี้กลายเป็นที่พึ่งพิงของชาวสกุลหลีที่แม้จะมองไม่เห็น ทว่าทำให้ไม่มีใครกล้ากระทำตามอำเภอใจ

นี่คือได้ใจปวงประชา

บรรดาบ่าวไพร่ของทุกๆ จวนที่ลอบสืบถามอาการของคุณหนูสามสกุลหลีเร่งรีบส่งข่าวนี้กลับไป

แทบจะเป็นเวลาแค่ชั่วสายลมพัดระลอกเดียว ทั่วทั้งเมืองหลวงก็ล่วงรู้เรื่องที่คุณหนูสามของสกุลหลีโดนบุตรสาวของผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินยิงธนูทำลายโฉม และผู้อาวุโสของสกุลหลีไปเอาเรื่องถึงที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน

“อะไรนะ! ที่จวนตะวันตกเกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้เลยหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงของจวนตะวันออกได้รับข่าวนี้แล้วสีหน้าบูดบึ้ง นางกระแทกไม้เท้าพร้อมกล่าวขึ้น “เหลวไหล! เหลวไหลจริงๆ ไฉนเติ้งซื่อยิ่งแก่เฒ่ายิ่งถอยหลังเข้าคลอง”

อู่ซื่อที่อยู่ด้านข้างลอบกระตุกมุมปากขึ้น แม้นางรู้สึกว่าฮูหยินผู้เฒ่าจวนตะวันตกทำอะไรหุนหันพลันแล่นไปบ้าง แต่จะอย่างไรก็เป็นการปกป้องลูกหลานจากใจจริง ไม่เหมือนมารดาสามีของนางผู้นี้ เจอปัญหาอะไรก็เอาตัวรอดก่อนแล้วให้หลานสาวเป็นแพะรับบาป

เมื่อคิดถึงบุตรสาวหลีเจียวที่ตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในเวลานี้ ความชิงชังที่อู่ซื่อมีต่อฮูหยินผู้เฒ่าเจียงก็เพิ่มมากขึ้นอีกชั้นหนึ่ง

ถึงเดิมทีบุตรสาวของนางไม่นับว่าโดดเด่นในหมู่สตรีชั้นสูงของเมืองหลวง แต่ก็ไม่ด้อยกว่าใคร จะออกเรือนไปกับคู่ครองดีๆ สมฐานะกันสักคนก็ไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อย แต่บัดนี้อนาคตกลับดับวูบลงเพราะความเห็นแก่ตัวและหลงระเริงในเกียรติยศของมารดาสามี!

“อู่ซื่อ เจ้าตามข้าไปที่ที่ว่าการกององครักษ์จินหลินพาพวกเติ้งซื่อกลับมา” ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงลุกขึ้น นางเพ่งมองทางด้วยความยากลำบาก แต่ย่างเท้าเดินไปทางข้างนอกได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดชะงัก “ไม่ได้ แม้จวนตะวันตกกับจวนตะวันออกจะตัดไม่ตายขายไม่ขาด ทว่าเรื่องในวันนี้เป็นเรื่องของจวนตะวันตก พวกเราอยู่วงนอกแต่แรก ต่อให้องครักษ์จินหลินจะลงมือเล่นงาน ไฟก็ไม่มีทางไหม้ลามมาถึงจวนตะวันออกด้วยเรื่องเล็กเท่านี้ แต่ถ้าไปที่นั่นแล้วกลับกลายเป็นพัวพันกันจนแยกไม่ออก อู่ซื่อ เจ้าส่งคนไปแอบสังเกตการณ์ มีความเคลื่อนไหวอะไรให้รายงานทันทีเท่านั้นเป็นพอ”

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” อู่ซื่อยอบกายคารวะ

จวนกู้ชางป๋อ

ตู้เฟยเสวี่ยถูกเหอซื่อใช้ไม้ขนไก่ไล่ตะเพิดแล้วทั้งเสียหน้าทั้งเสียศักดิ์ศรี นางกลับถึงเรือนก็โผเข้าไปซบอกจูซื่อฮูหยินของกู้ชางป๋อ ร้องไห้คร่ำครวญยกใหญ่ “ท่านแม่ วันหน้าข้าสู้หน้าใครไม่ได้แล้ว ถึงกับถูกคนใช้ไม้ขนไก่ไล่ตีออกมา…”

จูซื่อโกรธจนควันออกหู เอ่ยกับมารดาสามี “ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ แม่เลี้ยงของหลานเจี่ยวไม่รู้ธรรมเนียมมารยาทเอาเสียเลย เห็นได้ว่าปกติหลานสาวของเรามีชีวิตความเป็นอยู่เช่นไร คราวนี้พวกเราจะแล้วกันไปเท่านี้ไม่ได้นะเจ้าคะ มิใช่เพื่อเฟยเสวี่ยเท่านั้น ยังทำเพื่อหลานสาวของเราด้วย อย่างไรก็ต้องขอคำอธิบายจากสกุลหลีให้ได้ อย่างน้อยต้องให้แม่เลี้ยงของหลานเจี่ยวได้รับบทเรียนบ้างจึงจะถูก”

บุตรสาวที่นางทะนุถนอมดั่งไข่ในหินถูกคนไล่ตีออกมาเช่นนี้ ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!

เพลานี้เองบ่าวรับใช้ก็เข้ามากล่าวรายงาน “ฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินขอรับ ฮูหยินผู้เฒ่าของสกุลหลีไปนั่งทวงความเป็นธรรมที่หน้าประตูกององครักษ์จินหลิน…”

ฟังบ่าวรับใช้รายงานจบ ฮูหยินผู้เฒ่าตะลึงงันไป นางเอ่ยถาม “ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหลีผู้นั้นเลอะเลือนไปแล้ว บุรุษในเรือนพวกนางเล่า ปล่อยให้ยายเฒ่าไปทำเรื่องเหลวไหล?”

บ่าวรับใช้ปาดเหงื่อออก “มิใช่เท่านี้นะขอรับ ท่านอาลักษณ์หลีผู้นั้นยังหิ้วกล่องอาหารไปส่งข้าวส่งน้ำให้ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหลี ตอนนี้กลายเป็นอาลักษณ์หลีงัดข้อกับองครักษ์จินหลิน ตระกูลต่างๆ ล้วนแอบส่งคนไปรอดูเรื่องสนุกกันแล้วขอรับ”

“ไปสืบต่อ” ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือบอกให้บ่าวรับใช้ออกไป นางกับจูซื่อมองหน้ากันไปมา

มารดาสามีกับลูกสะใภ้สองคนจิตใจตรงกัน ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องไปคิดบัญชีกับสกุลหลีแล้ว

อย่าล้อเล่น สกุลหลีกล้าไปก่อเรื่องถึงที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน พวกนางไปหาถึงจวนจะมิใช่แกว่งเท้าหาเสี้ยนหรอกหรือ

 

หอชุนเฟิงวันนี้มีลูกค้าบางตากว่าปกติไม่น้อยอย่างชอบกล เฉินกวงรู้ดีว่าเฉียวเจาได้รับบาดเจ็บคงไม่ออกจากเรือนในชั่วประเดี๋ยวประด๋าว เขาเลยลอบวิ่งโร่ไปหาเซ่าหมิงยวน

“ท่านแม่ทัพ เกิดเรื่องกับคุณหนูหลีแล้วขอรับ”

ดวงตาสีดำสนิทของชายหนุ่มเปล่งประกายคมปลาบ เขาถามเสียงเครียด “เกิดเรื่องอะไรกับคุณหนูหลี”

เฉินกวงรีบเล่าความเป็นมาเป็นไปทั้งหมดรอบหนึ่ง

“แผลบนใบหน้าคุณหนูหลีอาการสาหัสหรือไม่”

เฉินกวงพยักหน้าถี่ๆ “ข้าดูแล้วสาหัสเอาการ แผลลึกน่าดู คงต้องมีแผลเป็นแน่นอน ท่านแม่ทัพ ข้ามิได้คุ้มครองคุณหนูหลีให้ดี ท่านโปรดลงโทษข้าเถอะ”

เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง

เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบไปชั่วครู่แล้วประคองเขาลุกขึ้น “เป็นข้าใคร่ครวญไม่รอบคอบเอง เจ้าเป็นบุรุษ มีสถานที่หลายแห่งไม่สะดวกจะติดตามไป เจ้ากลับจวนไปหยิบยาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆาชั้นดีที่ได้รับพระราชทานมาสองสามตลับไปมอบให้คุณหนูหลีก่อน”

“น้อมรับคำสั่งขอรับ”

เซ่าหมิงยวนเบนสายตาไปทางดอกกุหลาบที่สีสันสดสวยดุจเมฆอาบแสงสนธยานอกหน้าต่างพลางไต่ถาม “ชาวสกุลหลีมีท่าทีอย่างไร”

“ยังไม่ทราบขอรับ ข้าสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แล้วก็มารายงานท่านขอรับ”

“อื้อ เจ้ารีบไปรีบกลับ ภารกิจของเจ้าคือคุ้มครองคุณหนูหลีไม่ให้เกิดเรื่องขึ้นกับนางอีก สำหรับเรื่องอื่นข้าจะจัดการสะสางเอง เฉินกวง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน เจ้าอย่ากระทำการใดโดยพลการ”

เขารู้จักนิสัยของเฉินกวงดีว่าปกติอาจจะบุ่มบ่ามเลินเล่ออยู่สักหน่อย ทว่าไม่กระทบกับงานใหญ่ แต่กับเรื่องพรรค์นี้หากไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี กลับจะทำให้ตนเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

รอเมื่อเฉินกวงไปแล้ว เซ่าหมิงยวนถึงผลักประตูออกจากห้อง มุ่งหน้าไปทางที่ตั้งของที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน

บทที่ 181

“คุณชาย ท่านวิ่งช้าๆ หน่อย ระวังจะหกล้มนะขอรับ” ชิงจี๋เด็กรับใช้วิ่งไล่กวดตามหลังหลีฮุยคุณชายสามของสกุลหลี

เด็กหนุ่มเรือนกายผอมบางทว่าวิ่งได้รวดเร็ว เขาทะยานกายเข้าจวนตะวันตกตรงดิ่งไปที่เรือนหยาเหอ

เขาพรวดพราดเข้าไปแล้วยืนตะลึงงันอยู่หน้าประตู

บัดนี้สาวน้อยโฉมงามพริ้มเพราในวันวานกลับมีบาดแผลเหวอะหวะพาดอยู่บนแก้มข้างขวาที่ขาวนวลเนียนดุจหยก ดูน่าเกลียดน่ากลัวเป็นพิเศษ

“น้องเจา…” เด็กหนุ่มอ้าปากเผยอ กลางอกจุกแน่นชวนให้อึดอัดทรมาน

เขาไม่ชมชอบน้องสาวผู้นี้มาโดยตลอด เพราะนางเอาแต่ใจตนเกินไปและมักรังแกพี่สาวบ่อยๆ ถึงขั้นบังเกิดความคิดว่าถ้าน้องสาวไม่กลับมาก็คงดีในชั่วขณะที่ได้ยินข่าวว่าพี่สาวถูกถอนหมั้น

แต่ตอนนี้เห็นน้องสาวในสภาพเช่นนี้ เพราะอะไรเขาถึงรู้สึกเหมือนอยากร้องไห้ขึ้นมาในชั่ววูบได้เล่า

นางจะมีนิสัยใจคออย่างไรก็เป็นน้องสาวสายเลือดเดียวของตนอยู่วันยังค่ำ กลับโดนคนนอกข่มเหงถึงเพียงนี้ แต่เขาผู้เป็นพี่ชายมิเคยได้ปกป้องนางเลย

“ขอโทษ ข้ากลับมาช้าไป” พอเห็นเฉียวเจานิ่งเงียบไม่พูดไม่จา หลีฮุยคิดว่านางโกรธอยู่ เขาพูดขอขมาเสียงอุบอิบ

ชิงจี๋เด็กรับใช้กล่าวขึ้นทางด้านข้าง “คุณหนูสาม มิใช่ว่าคุณชายไม่ร้อนใจนะขอรับ ตอนข้าไปถึงสำนักศึกษาหลวง คุณชายกำลังเข้าร่วมการทดสอบของอาจารย์อยู่ จึงส่งข่าวเข้าไปไม่ได้ตลอด…”

“ชิงจี๋ ไม่ต้องพูดแล้ว” หลีฮุยตวาดห้ามมิให้ชิงจี๋พูดอธิบายอีก

อาจูจึงเอ่ยปากบอกในยามนี้ “คุณชายสาม คุณหนูทายาไว้ ยังกล่าววาจาไม่ได้ชั่วคราวเจ้าค่ะ”

หลีฮุยมองไปทางเหอซื่อ “ฮูหยิน ท่านย่ากับท่านพ่อไปที่ที่ว่าการกององครักษ์จินหลินใช่หรือไม่ขอรับ”

“ใช่” เมื่อเห็นหลีฮุยปรากฏตัวแล้ว เหอซื่อก็มีสีหน้าดีขึ้นบ้าง

นางส่งคนไปตามนายท่านใหญ่กับคุณชายสามตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า แต่เห็นหลีฮุยไม่กลับมาเสียทียังทึกทักเอาว่าต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ขณะนี้กลับเหนือความคาดหมายของนาง

เหอซื่อเป็นคนเถรตรง มีคนดีต่อบุตรสาวของตน นางก็รู้สึกว่าคนผู้นั้นไม่เลวมาก หากมิใช่อยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ นางต้องสั่งกำชับฟางมามาทำหัวสิงโตราดน้ำแดงให้คุณชายสามกินแน่

“เช่นนั้นข้าไปหาท่านย่ากับท่านพ่อนะขอรับ” หลีฮุยหันหลังออกวิ่ง แต่วิ่งได้ไม่กี่ก้าวก็ย้อนกลับมายกสองมือวางทาบบ่าเฉียวเจา พูดด้วยสีหน้าขึงขัง “น้องเจา เจ้าวางใจได้ พวกข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าโดนข่มเหงเปล่าๆ ปลี้ๆ”

เหอซื่อเห็นหลีฮุยจะออกไปแล้วรีบตะโกนบอก “อย่าเพิ่งไป ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งกำชับไว้ ตอนนี้ท่านพ่อไปส่งข้าวส่งน้ำอยู่ ส่วนเจ้าไปส่งตอนอาหารเย็น!”

“ฮูหยิน ท่านย่าสูงวัยแล้ว ส่วนท่านพ่อ เอ่อ…ท่านพ่อก็สูงวัยแล้วเช่นกัน ข้าเป็นห่วงว่าพวกท่านจะทนไม่ไหว อยากไปดูสักหน่อยจึงจะสบายใจขอรับ”

เฉียวเจายกมุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย พี่สามต้องลำบากใจแล้วจริงๆ จะติเตียนท่านพ่อก็ไม่ถนัดปากเลยยกข้ออ้างนี้ขึ้น

เหอซื่อห้ามหลีฮุยไว้สุดกำลัง “ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไปไม่ได้ เรื่องในวันนี้จำเป็นต้องเชื่อฟังฮูหยินผู้เฒ่า”

“ฮูหยิน!” หลีฮุยนึกเสียใจภายหลังเป็นกำลัง หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาออกจากสำนักศึกษาหลวงแล้วคงตรงไปที่นั่นเลย เขาเพียงอยากเห็นก่อนว่าน้องเจาเป็นอย่างไรบ้างกันแน่

เฉียวเจายื่นมือไปกระตุกแขนเสื้อของเหอซื่อ

“เจาเจามีอะไรหรือ”

อาจูคารวะเหอซื่อ “ฮูหยิน คุณหนูอยากไปหาฮูหยินผู้เฒ่ากับคนอื่นๆ ที่ที่ว่าการกององครักษ์จินหลินเจ้าค่ะ”

“คือว่า…” แต่ไรมานางไม่เคยปฏิเสธคำขอของบุตรสาวมาก่อน ครานี้จึงพาให้ลำบากใจขึ้นมากะทันหัน นางอดหันไปมองเฉียวเจาไม่ได้

บุตรสาวทำตาปริบๆ กระตุกแขนเสื้อของนางเบาๆ เป็นคำรบที่สอง

เหอซื่อใจอ่อนยวบไปทั้งดวงทันใด “ตกลง รอท่านแม่เตรียมตัวครู่หนึ่ง พวกเราไปด้วยกัน”

นางพูดจบแล้วยังไม่ลืมชวนหลีฮุยไปด้วย “คุณชายสามอยากไปก็ไปพร้อมกันเถอะ”

หลีฮุยอึ้งงัน “…” ไหนบอกให้เชื่อฟังท่านย่ามิใช่หรือ หลักการของท่านแม่เลี้ยงอยู่ที่ใดกัน

 

ด้านหน้าที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน ยิ่งมายิ่งมีคนมุงดูมากขึ้นเรื่อยๆ ดังคำกล่าวว่ากฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ยามนี้พวกราษฎรที่ปกติเกรงกลัวองครักษ์จินหลินประหนึ่งเป็นเสือร้ายกลับส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเบาๆ

“ก็บอกไปแล้วว่าวันนี้ท่านผู้บัญชาการใหญ่ของพวกข้าไม่อยู่ พวกท่านยังจะดื่มน้ำชากินอาหารอยู่ด้านหน้าที่ว่าการกององครักษ์จินหลินอีก นี่จะมาสร้างความวุ่นวายปั่นป่วนกระมัง”

หลีกวงเหวินทำเสียงถ่มน้ำลาย “ผืนฟ้าพสุธาสว่างเจิดจ้า แสงตะวันจันทราแจ่มกระจ่าง เบื้องหน้าเหล่าชาวเมืองเดียวกันมากมายเช่นนี้ พวกท่านองครักษ์จินหลินจะกลับดำเป็นขาวได้หรือ พวกข้าแค่อยู่ตรงนี้รอท่านผู้บัญชาการเจียงกลับมา อิฐสักก้อนหรือกระเบื้องสักแผ่นของที่นี่หักพังเสียหายไปบ้างหรือไม่ มีหรือไม่”

“ไม่มี ไม่มี!” ในหมู่ชาวบ้านที่มุงดูอยู่มีคนใจกล้าตะโกนผสมโรงขึ้นจบก็หดศีรษะซ่อนตัวอยู่กลางฝูงชน องครักษ์จินหลินจะตาไวดุจเหยี่ยวสักปานใดก็ไม่มีทางหาเจอ

องครักษ์จินหลินทั้งกลุ่มปวดเศียรเวียนเกล้าไปตามๆ กัน

นี่มันเรื่องอะไรกัน คุณหนูใหญ่ก่อปัญหาขึ้นจนมีคนตามมาหาเรื่องถึงที่

หากเป็นเรื่องอื่นยังพอทำเนา อาศัยบารมีขององครักษ์จินหลินข่มขวัญอย่างไรก็ได้ อีกฝ่ายก็ต้องยอมจำนน แต่เรื่องของพวกเด็กสาว ไม่มีคำสั่งของเหล่าใต้เท้าเบื้องบน พวกเขาไม่รู้ขอบเขตที่เหมาะสมพอดีจริงๆ

“ท่านสิบสาม!” องครักษ์จินหลินทั้งหลายโค้งกายก้มหน้าลอบถอนหายใจโล่งอกพร้อมกัน ท่านผู้บัญชาการใหญ่ไม่อยู่ ท่านสิบสามออกมารับหน้าก็ได้

พวกเขาแยกกันยืนเป็นสองฝั่งเปิดทางไว้ตรงกลาง ชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินออกมา สวมชุดขุนนางสีแดงเข้มกับรองเท้าสีดำหุ้มข้อพื้นบาง พกดาบซิ่วชุนชุบทองสลักลายเงินไว้ตรงเอว รูปหน้ามิได้โดดเด่นถึงขั้นน่าทึ่ง มุมปากประดับรอยยิ้มบางๆ แต่กลับสยบผู้คนได้

ทั่วทั้งบริเวณพลันตกอยู่ในความเงียบ สายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องไปที่ตัวชายหนุ่มในชุดสีแดง คนที่หูตากว้างขวางสูดหายใจดังเฮือกอย่างห้ามไม่อยู่

องครักษ์จินหลินตำแหน่งลำดับหลักขั้นสี่หรือนี่!

อย่าลืมว่าหัวหน้าองครักษ์จินหลินมีตำแหน่งลำดับหลักขั้นสามเท่านั้น คนผู้นี้ยังหนุ่มแน่นก็รั้งตำแหน่งลำดับหลักขั้นสี่ ดังนั้นตำแหน่งผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินในภายภาคหน้า…

“เป็นเจ้า?” หลีกวงเหวินตะลึงงันไป จากนั้นโมโหยกใหญ่ “เป็นเจ้าอีกแล้ว!”

เจียงหย่วนเฉาอมยิ้มมุมปาก ประสานมือคำนับหลีกวงเหวิน “ใต้เท้าหลี เป็นพวกผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เสียมารยาทต่อท่านแล้ว”

หลีกวงเหวินแค่นเสียงฮึ เขาเป็นคนที่ได้ยินคำพูดหวานหูไม่กี่คำก็สติเลอะเลือนอย่างนั้นหรือ เจ้าคนผู้นี้ต่างหากที่มิใช่คนดิบดีอันใด หากที่น่าชังยิ่งกว่าคือยังคิดจะผูกมิตรกับบุตรสาวของเขา

เห็นเขาโง่งมรึ องครักษ์จินหลินจะมีมิตรสหายอะไรได้ ใครจะรู้ว่าคนผู้นี้ประสงค์สิ่งใดจากเจาเจา

เจียงหย่วนเฉาค้อมกายให้ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง “ฮูหยินผู้เฒ่า ใต้เท้าหลี ท่านผู้บัญชาการใหญ่ของพวกข้าไม่อยู่ในที่ว่าการจริงๆ เช่นนี้เถอะ ท่านทั้งสองเข้าไปนั่งข้างในก่อน มีเรื่องอะไรบอกกับข้าก็เหมือนกันขอรับ”

ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งอ้าปากกล่าวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “เรื่องนี้ท่านตัดสินใจไม่ได้”

รอยยิ้มของเจียงหย่วนเฉาชะงักค้าง

“ข้าคือย่าของหลานสาวน่าเวทนาที่ถูกทำลายโฉมผู้นั้น ส่วนนี่คือบิดาของนาง ไม่ทราบว่าใต้เท้าเกี่ยวข้องอะไรกับคุณหนูเจียง”

“ข้าเป็นพี่ชายบุญธรรมของนางขอรับ”

ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกล่าวเสียงเยาะๆ “ดังนั้นข้าถึงพูดว่าเรื่องนี้ท่านตัดสินใจไม่ได้ พวกข้าอยู่ตรงนี้รอท่านผู้บัญชาการเจียงกลับมาจะดีกว่า”

เจียงหย่วนเฉาหุบยิ้มตรงมุมปากในที่สุด

สกุลหลีกระทำเช่นนี้ คาดเดาจุดประสงค์ของพวกเขาได้ไม่ยากว่าจะสร้างสถานการณ์เพื่อให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่จนใครๆ รู้กันทั่ว ทั้งทำลายชื่อเสียงของน้องสาวบุญธรรม ทั้งบีบให้ท่านพ่อบุญธรรมยอมก้มศีรษะ

ท่านพ่อบุญธรรมเห็นน้องสาวบุญธรรมเป็นดั่งไข่มุกในอุ้งมือ ถ้าเรื่องนี้ลุกลามไปมากกว่านี้ เกรงว่าคงยากมากที่พวกเขาจะแก้ตัวได้

“ให้ชาวบ้านที่มุงดูอยู่แยกย้ายกันไป”

“ท่านสิบสาม คนมากเกินไป ไล่ไม่ไปขอรับ”

เจียงหย่วนเฉาเผยรอยยิ้มจางๆ “มือธนูเตรียมพร้อม!”

เมื่อมีเสาหลักแล้ว พวกองครักษ์จินหลินย่อมมีความมั่นใจ เขากล่าวเสียงขึงขังทันที “น้อมรับคำสั่ง!”

มือธนูตั้งแถวเล็งธนูไปยังชาวบ้านที่มุงดูอยู่ทันที

* ปีกุ่ยเว่ย เป็นวิธีการนับปีแบบจีนโบราณตามตารางแผนภูมิสวรรค์ทั้งสิบที่เรียกว่า “กิ่งฟ้า” และจักรราศีทั้งสิบสองของจีนเรียกว่า “ก้านดิน” มาจับคู่

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 21 .. 65  เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: