หลิวซื่อแม้กลัดกลุ้มที่บุตรชายบาดเจ็บ ทว่าเห็นหลิ่วผิงชวนยอมรั้งอยู่กินอาหารที่นี่ ในหัวใจย่อมเต็มไปด้วยความยินดี ตอนนี้สองสามีภรรยามีเงินให้จับจ่ายแล้ว จึงซื้อเนื้อวัวต้มสุกกับกระดูกสองชิ้นใหญ่มาเคี่ยวน้ำแกงให้บุตรชายกินบำรุง
ฉวยเวลาที่สามีภรรยาสกุลชุยไปจุดเตาไฟทำอาหาร หลิ่วผิงชวนทิ้งสาวใช้กับหญิงรับใช้อาวุโสไว้ด้านนอกแล้วเข้าไปในห้องฉยงเหนียงตามลำพัง
ห้องนี้ตนอาศัยมาสิบกว่าปีย่อมคุ้นเคยอย่างยิ่ง แต่ใครจะคิดว่าพอย่างเท้าเข้าประตู กลับเกิดความรู้สึกหลอกตาราวกับเดินเข้าผิดห้อง
นางแลเห็นว่ากระดาษเก่าที่กรุอยู่บนลายฉลุหน้าต่างล้วนเปลี่ยนเป็นกระดาษใหม่สีขาวหิมะ รอยร้าวบนผนังก็ถูกภาพที่วาดขึ้นใหม่บดบังเอาไว้ ภาพนั้นแม้ไม่ได้เข้ากรอบ เพียงทำให้ภาพยืดตรงโดยม้วนปลายสองด้านกับแท่งไม้ที่เหลาจนเรียบแล้วตอกยึดบนผนัง ทว่าภาพขุนเขาไกลใต้เมฆาล่องลอยนั้นวาดได้เปี่ยมพลังไม่ธรรมดา ไม่เห็นความคร่ำครึดาษดื่นแม้สักนิด จุดบกพร่องที่ขาดกรอบไปจึงสามารถมองข้ามไม่ต้องไปสนใจได้
เตียงเก่าของนางก็ถูกย้ายตำแหน่งแล้ว หัวเตียงมีตู้เล็กเพิ่มขึ้นมา นั่นคือตู้ซึ่งดัดแปลงจากกล่องสำรับ* สองใบที่เลาะหูหิ้วออกแล้วมาวางติดกัน ด้านบนตั้งคันฉ่องสำริดขนาดย่อมหนึ่งบานและวางหวีไม้เล็กๆ ไว้หนึ่งเล่ม ถือเป็นโต๊ะเครื่องแป้งชั่วคราว นอกจากนี้ยังจัดวางกระปุกดินเผาใบเล็กซึ่งเดิมหลิวซื่อใช้ใส่ซีอิ๊ว ในกระปุกมีดอกซิ่งสีแดงเฉิดฉายหนึ่งกิ่งเสียบเฉียงอยู่ ถึงกับดูสง่างามอย่างบอกไม่ถูก
ฉยงเหนียงกำลังยืนแขวนมุ้งอยู่บนเตียง มุ้งคลุมเตียงหลังนี้มีรูขาดอยู่หลายจุด เมื่อวานฉยงเหนียงขอด้ายสีจากแม่นางน้อยบ้านข้างๆ เอามาปักเป็นรูปดอกอิง** ที่เรียบสง่าหลายดอก นางช่ำชองงานเย็บปักมาแต่ไหนแต่ไร ดอกไม้ปักสองด้านแบบซูโจวบดบังรูโหว่ได้อย่างแนบเนียน กิ่งก้านที่เหยียดต่อออกมาก็แลดูงามสะอาดตาอย่างยิ่ง เมื่อแขวนกางออกมาเช่นนี้ มุ้งกลางเก่ากลางใหม่ก็พลันพลิกโฉมไม่เหมือนเดิม ดูราวกับมีดอกอิงหนึ่งกิ่งยื่นเข้ามาถึงหน้าเตียง
ห้องยังคงเป็นห้องนั้น ทว่าเพราะเจ้าของเปลี่ยนคนไป รวมถึงหยากไย่กับฝุ่นผงก็ถูกเก็บกวาดจนสะอาดสะอ้าน ภายใต้แสงตะวันยามบ่ายคล้อยจึงดูอวลไปด้วยความร่มเย็นของวันคืนอันสุขสงบ การจัดวางอย่างพิถีพิถันและการตกแต่งที่พอเหมาะเข้าทีล้วนบ่งบอกว่าเจ้าของห้องคนใหม่เป็นผู้มีความคิดอ่านสูงส่งและมีความชมชอบเข้าที
ไม่รู้เพราะเหตุใด หลิ่วผิงชวนเห็นแล้วในใจก็รู้สึกอึดอัดยากจะบรรยาย
ในความคิดของนาง ฉยงเหนียงกลับมาอยู่ที่สกุลชุยแล้วควรจะโอดครวญทุกคืนวัน กลัดกลุ้มเศร้าซึมถึงจะถูกสิ ทว่าตอนนี้มองดูของตกแต่งในห้องแล้วไม่มีเค้าของคนที่สมเพชเวทนาตนเองสักนิด ตรงข้ามกลับให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายอารมณ์ด้วยซ้ำไป
ตอนนี้ห้องของนางที่จวนสกุลหลิ่วเป็นห้องซึ่งจัดขึ้นต่างหาก เดิมทีนางหมายตาห้องของฉยงเหนียง ทว่าหลิ่วเจียงจวีพี่ชายที่เพิ่งกลับมาถึงจวนนั้นหน้าดำไม่ยินยอม กล่าวเพียงว่าหากวันหน้าฉยงเหนียงกลับมาเยี่ยมบิดามารดาสกุลหลิ่ว ก็จะต้องมีห้องไว้พักผ่อน สุดท้ายจึงยังคงให้น้องสาวแท้ๆ อย่างนางย้ายออกมา ซ้ำลงกุญแจเก็บห้องนั้นเอาไว้