X
    Categories: With Loveทดลองอ่านเจ้าสาวสโลว์ไลฟ์

ทดลองอ่าน เจ้าสาวสโลว์ไลฟ์ บทที่ 5

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่ 5

สมาชิกปิ่นโตคนใหม่

“แกกับหมอปาลเนี่ยนะ?”

เรืองยศซึ่งยังอยู่ในช่วงปิดภาคเรียนดึงแตงกวาออกจากเปลือกตา หันมองเพื่อนสนิทที่นอนมาสก์หน้าอยู่ข้างกัน

“ตกใจใช่ไหมล่ะ ฉันได้ยินกับหูยังตกใจเลย แกว่าเหมือนละครไหม”

“ก็เออน่ะสิ หมอปาลคิดยังไงของเขานะถึงขอเด็กกะโปโลอย่างแกแต่งงาน สมองกระทบกระเทือนรึเปล่า”

อิศยาเบะปาก ดึงแตงกวาออกพลางถลึงตาใส่เพื่อนสนิท

“ฉันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นป่ะ”

“แต่แกก็เด็กมากถ้าเทียบกับหมอปาล พวกสาวๆ ในอำเภอยังสวยกว่าแกอีก หมอปาลบอกเหตุผลป่ะว่าทำไมขอแกแต่งงาน”

“หมอปาลบอกว่าอยากชดเชยความผิดที่ทำให้พ่อตาย อยากคุ้มครองฉัน แต่ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจหรอก แต่งงานกับคนที่ทำให้พ่อตายนะยซซี่ ใครรู้เข้าจะคิดยังไง”

“ปกติแกก็ไม่แคร์คำพูดคนอื่นอยู่แล้วป่ะ อีกอย่างนะ หมอปาลไม่ได้ทำให้พ่อแกตาย มันเป็นอุบัติเหตุ แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าหมอปาลพยายามปฏิเสธไม่ให้พ่อแกไปส่งแล้ว แต่พ่อแกรั้นจะไปส่งให้ได้”

หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงัก

“แล้วอีกอย่างนะ ลุงถมปลื้มหมอปาลจะตาย ฉันเคยได้ยินลุงถมชมหมอปาลให้พ่อกำนันฟังบ่อยๆ ถ้าลุงถมรู้ว่าแกจะแต่งงานกับหมอปาล ลุงถมคงเบาใจ ฉันว่าแกก็รับๆ ไปเหอะ”

“แต่มันเร็วไปไหมแก จู่ๆ ก็ติดหนี้ จู่ๆ หมอปาลก็ขอแต่งงานแลกกับใช้หนี้ให้ แกว่ามันตลกไหมล่ะ”

“บางทีหมอปาลอาจจะชอบแก แต่ปากแข็ง ไม่กล้าสารภาพ เลยต้องหาทางมัดมือชกแกด้วยวิธีนี้ป่ะ”

“จะพูดไรแกเกรงใจหนังหน้าฉันด้วย”

เรืองยศหัวเราะพรืด “ของอย่างนี้มันก็ไม่แน่หรอกย่ะ หมอปาลอาจจะชอบของแปลก”

“มันเชื่อยากไง ระดับหมอปาลจะชอบฉันเนี่ยนะ เขาเพอร์เฟ็กต์ซะขนาดนั้น”

“ก็จริงของแก ฉันว่าหมอปาลต้องรวยเว่อร์อ่ะถึงมีปัญญาช่วยแกใช้หนี้ แต่แกกลับ…คือแกไม่ได้แย่นะเอ๋ย ในสายตาคนรุ่นราวคราวเดียวกันแกก็เก่งแหละ หาเงินล้านได้ตั้งแต่ตอนอายุสิบแปด แกทำมาหากินเอง ไม่ต้องแบมือขอเงินพ่อแม่แล้ว แต่ในสายตาผู้ใหญ่…แกก็ยังเด็กมาก แล้วก็ดูไม่เป็นโล้เป็นพายเท่าไร”

อิศยาโคลงศีรษะรับรู้ ไม่ใช่ไม่เคยได้ยินคำนินทาเหล่านั้น แต่เธอไม่เคยสนใจเลยต่างหาก หญิงสาวเป็นคนชัดเจนในตัวเอง รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร จึงไม่อยากเสียเวลากับเรื่องรายทางที่ไม่จำเป็น

“เอาเป็นว่าหมอปาลคิดไงไม่รู้ แต่แกน่ะตกลงรึเปล่า”

“ฉันมีทางเลือกที่ไหนล่ะ ไม่แต่งกับหมอก็เป็นเมียเก็บเสี่ยซ้ง”

“แล้วแกชอบหมอปาลรึเปล่า”

“ฉันแทบไม่รู้จักเขาเลยนะ โอเค เขาก็หล่อแหละ มันก็เหมือนเวลาเจอดาราหล่อๆ ป่ะ เราก็ปลื้มก็เขินบ้าง แต่มันก็แค่นั้นอ่ะแก”

“เป็นเมียหมอปาลก็ไม่แย่นะเอ๋ย หล่อเบอร์นั้น แถมยังสุภาพนุ่มนวล นิสัยดี รักคนไข้ ดีงามขนาดนี้แกจะหาจากไหนได้อีก แกจะคิดมากไปทำไม”

“แต่งงานเชียวนะ แกจะไม่ให้ฉันคิดหน่อยเหรอ ถึงยังไงเขาก็เป็นคนแปลกหน้า ภายนอกหมอปาลอาจจะนุ่มนวล แต่เวลาอยู่กันลำพังล่ะ เขาอาจจะ…”

“แกกลัวหมอปาลซาดิสต์ จับแกขึงพืดแล้วปล้ำเหรอ”

“คงไม่ถึงขั้นนั้นหรอกมั้ง เขาบอกว่าจะไม่ฝืนใจฉัน”

“แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่ยุ่งกับแกใช่ไหม” อิศยาพยักหน้าหงึกหงัก “ถึงขั้นนี้แล้วยอมๆ ไปเหอะ แต่งก็แต่งแล้ว ทะเบียนสมรสก็มี”

“ไม่รู้สิแก ฉันกับเขาคิดต่างกันมากนะ ฉันโตมาแบบอิสรเสรี อยากทำอะไรก็ทำ ฉันไม่ชอบเรียนหนังสือ แต่หมอปาลเหมือนเด็กเนิร์ดๆ เจอทีไรก็อยู่กับตำรับตำรา แต่งไปแล้วจะเป็นไง เราอาจจะตีกันตั้งแต่วันแรกก็ได้”

“อย่างน้อยก็ยังดีกว่าเป็นเมียเก็บเสี่ยซ้งเปล่าวะ อนาคตจะเป็นยังไงก็ช่างมันเหอะ ค่อยๆ แก้ไปทีละเปลาะ แกเป็นคนสอนฉันเองนะ”

อิศยายิ้มแห้งๆ บางครั้งปัญหาของตัวเองก็ต้องให้คนอื่นช่วยสาง เธอใช้เวลาครุ่นคิดหาคำตอบครู่หนึ่งก็ลุกพรวดออกจากเตียง

“นี่แกจะไปไหน”

“ลงไปหาปิ่นโตเถาใหม่”

เหลืออีกไม่กี่วันก็จะถึงกำหนดเดดไลน์ใช้หนี้แล้ว เหตุใดอิศยาถึงยังไม่ติดต่อมาอีก หรือมีคนยื่นข้อเสนอแบบเดียวกับเขา ปาลนิ่วหน้า คิดไม่ตก จะติดต่อไปก็เกรงว่าเป็นการคาดคั้นเธอเกินไป เลยได้แต่นั่งย่นคิ้วเคร่งเครียดตามลำพัง

เสียงเคาะประตูหน้าห้องตรวจดึงสายตาของคุณหมอไปยังประตูบานเลื่อน

“มีอะไรเหรอครับพี่แมว”

“หนูเอ๋ยฝากปิ่นโตมาให้น่ะค่ะ”

เรียวคิ้วหนาย่นเข้าหากัน จับจ้องปิ่นโตเถาเล็กสีชมพูด้วยสีหน้าฉงน

“ให้ผมเหรอครับ”

“ค่ะ หนูเอ๋ยบอกพี่ว่าฝากให้สมาชิกปิ่นโตคนใหม่ด้วย”

เงื่อนไขข้อเดียวที่เขาเรียกร้องจากว่าที่เจ้าสาวคืออาหารปิ่นโตของเธอ ถ้าเช่นนั้น…

ปาลลุกพรวด ยิ้มกว้างให้กับคำตอบของอีกฝ่ายพลางเดินไปรับปิ่นโตเถาน้อยมากุมไว้อย่างหวงแหน แววตาหลังแว่นกรอบบางเปล่งประกายระยิบระยับ รู้สึกเหมือนถูกข้าศึกตัวน้อยยิงศรรักสีชมพูพุ่งเข้ามาปักลงกลางใจอย่างไรอย่างนั้น

“เอ๋ยยังอยู่ไหมครับพี่แมว”

“กลับไปแล้วค่ะ ว่าแต่ปิ่นโตสีหวานขนาดนี้ พี่ตกข่าวอะไรรึเปล่าคะ”

พยาบาลวัยกลางคนแซวกลั้วหัวเราะ ทำเอาหมอหนุ่มขี้อายที่วันๆ อยู่กับตำรับตำราหน้าแดงก่ำ

“ไว้ผมแน่ใจแล้วจะบอกนะครับ”

“ไม่ปฏิเสธด้วย สงสัยพี่ต้องหาใบบัวบกมาให้สาวๆ แถวนี้ดื่มแก้ช้ำใจแล้วมั้งคะเนี่ย”

หมอปาลเพียงแต่ยิ้ม…ยิ้มกว้างอย่างที่พยาบาลวัยกลางคนไม่ได้เห็นบ่อยนัก

“ถ้างั้นหมอปาลไปทานข้าวเถอะค่ะ หมอนพกับหมอพลกลับมาที่ห้องตรวจแล้วทั้งคู่”

“ถ้ามีคนไข้ด่วนเรียกได้เลยนะครับ”

“ค่ะ พี่ไม่รบกวนแล้วนะคะ”

มาลัยยังไม่ทันเลื่อนประตูปิด เสียงนุ่มของหมอปาลก็แทรกขึ้นก่อน

“พี่แมวครับ”

“คะ?”

“ถ้าพรุ่งนี้ผมจะขอลาสักครึ่งวันเช้า…อืม เอาเป็นว่าผมขอลาสักชั่วโมงดีกว่า แล้วจะเข้ามาตรวจสักสิบโมง พี่แมวช่วยเลื่อนคิวให้ผมหน่อยนะครับ คือ…ธุระสำคัญน่ะครับ”

“ได้สิคะ สบายมาก หมอปาลไปทำธุระสำคัญเถอะค่ะ”

ปาลนั่งจ้องปิ่นโตสีหวานอยู่ตามลำพังเกือบนาที ก่อนถือมันติดตัวไปยังห้องพักแพทย์แล้วจัดแจงแกะปิ่นโตออกมาทีละชั้น

ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว…ไก่ห่อใบเตย…ต้มจืดมะระยัดไส้หมูสับ…และข้าวอัญชัน

อิศยารู้ว่าเขาไม่ชอบทานเผ็ดก็เลยทำเมนูพวกนี้มาให้รึเปล่านะ คิดแล้วก็ตัดสินใจโทรศัพท์หาเจ้าของปิ่นโตเสียหน่อย

“ฉันได้ปิ่นโตแล้วนะ ขอบใจมาก”

“เอ๋ยจำได้ว่าหมอปาลทานเผ็ดไม่ค่อยได้ ก็เลยทำเมนูนี้ให้เป็นพิเศษ”

คำว่า ‘พิเศษ’ ทำให้รอยยิ้มเบ่งบานขึ้นบนดวงหน้าหล่อเหลา การได้เป็นคนพิเศษของอิศยามันต้องรู้สึกดีขนาดนี้เชียวเหรอ

“ติชมได้นะคะ”

“อืม เดี๋ยวเย็นนี้ฉันไปบอก”

“ไม่ถึงกับต้องมาหาเอ๋ยหรอกค่ะ หมอปาลงานยุ่งไม่ใช่เหรอคะ”

“วันนี้ฉันพอมีเวลา สักหกโมงเธอคงยังไม่นอนใช่ไหม” ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง “ฉันไม่ได้จะเข้าไปในบ้าน ฉันรู้ว่ามันไม่เหมาะสม แค่เจอหน้าบ้านก็ได้”

“งั้นก็ได้ค่ะ”

“แล้วพรุ่งนี้เช้าเธอว่างไหม”

“กี่โมงคะ”

“สักเก้าโมง เธอสะดวกไหม”

“ได้ค่ะ เอ๋ยไปส่งไปรษณีย์ตอนสิบโมง หลังจากนั้นค่อยทยอยส่งปิ่นโตให้ลูกค้า”

“งั้นเย็นนี้ฉันแวะไปคุยรายละเอียดกับเธออีกทีแล้วกัน”

“ค่ะ”

อิศยาวางสายไปแล้ว แต่หัวใจของปาลไม่ได้เต้นเบาลงเลย ความรู้สึกนี้คือ ‘ความรัก’ แบบที่ใครหลายคนไขว่คว้า พยายามสุดความสามารถเพื่อให้ได้มาหรือเปล่านะ

ปาลเห็นแม่ค้าปิ่นโตรออยู่ที่หน้าประตูตอนเขาขับรถมาจอดหน้าบ้าน เขาแสร้งทำอะไรขลุกขลักในรถครู่หนึ่งเพื่อข่มเสียงหัวใจเต้นแรง กระทั่งแน่ใจว่ามันสงบลงแล้วจึงก้าวลงจากรถ

“หมอปาลเข้ามานั่งในบ้านก่อนสิคะ”

อิศยาคงไม่ใช่คนคิดมากและไม่แคร์คำคนจึงผายมือเชื้อเชิญชายหนุ่มเข้าบ้าน แต่ปาลซึ่งเป็นผู้ใหญ่กว่าและเติบโตมาในสังคมที่คำนึงถึงหน้าตาเป็นหลักกลับส่ายหน้า

“เย็นแล้ว เธอเป็นผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียว ใครผ่านมาเห็นเข้าคงไม่งาม”

รอยขบขันระบายอยู่ในดวงตากลมโต เรียกรอยแดงซ่านขึ้นบนใบหน้าเคร่งขรึม

“ฉันรู้ว่าฉันหัวโบราณไปหน่อย แต่ที่พูดก็เพราะเห็นแก่เธอหรอกนะ”

“เอ๋ยไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย หมอปาลรอสักครู่นะคะ เอ๋ยไปหยิบน้ำมาให้”

เธอหายเข้าไปในบ้านครู่หนึ่งก็เดินออกมาพร้อมน้ำสีเหลืองอ่อนส่งกลิ่นหอมสดชื่น ปลุกประสาทให้ตื่นตัว และรินรดหัวใจของเขาให้ชุ่มชื้นอีกครั้ง

หมอปาลจิบน้ำเสร็จก็มองหน้าหญิงสาว เราต่างประสานสายตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายเบี่ยงสายตาไปทางอื่น เขากระแอมกระไอขึ้นหนึ่งครั้ง แล้วเอ่ยเสียงขัดเขิน

“อาหารของเธอยังอร่อยเหมือนเดิม”

อิศยายักไหล่ยิ้มๆ “ของมันแน่อยู่แล้วค่ะ”

“พรุ่งนี้เธอจะทำเมนูอะไร”

“เอ๋ยยังไม่ได้คิดเลยค่ะ หมอปาลทานเผ็ดไม่ได้ เอ๋ยคงต้องคิดเมนูให้ใหม่”

“แล้วปกติตอนเช้าเธอกินอะไร”

“แล้วแต่วันค่ะ ส่วนใหญ่ก็กาแฟกับขนมปังปิ้ง”

“งั้นพรุ่งนี้เช้าเธอทำเผื่อฉันที่หนึ่งสิ”

เรียวคิ้วสวยเลิกขึ้น เอียงหน้ามองคนพูดอย่างงุนงง

“ฉันจะมารับเธอตอนเช้า คงยังไม่ได้ทานอะไร เธอทำอาหารเช้าเผื่อฉันที่หนึ่งแล้วกัน”

“เราจะไปไหนกันเหรอคะ”

“อำเภอ!”

คำตอบสั้นและเรียบง่าย แต่เรียกรอยแดงเรื่อขึ้นมาประดับดวงหน้าเล็กจ้อย เธอก้มมองมือตัวเอง ไม่กล้าสบตาดำจัดที่ทอดมองมาด้วยแววลึกล้ำ

“หมอปาลแน่ใจแล้วใช่ไหมคะ”

“อืม เธอเองก็แน่ใจแล้วไม่ใช่เหรอถึงส่งปิ่นโตให้ฉัน”

“ค่ะ เอ๋ยตัดสินใจแล้ว”

น้ำเสียงของเธอไม่มั่นคงนัก เพราะรู้สึกใจหายกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่กำลังจะเคลื่อนเข้ามาอีกครั้ง

“เสร็จจากอำเภอฉันคงต้องกลับโรงพยาบาล ลางานไว้แค่ชั่วโมงเดียว”

“เอ๋ยก็ต้องไปส่งของเหมือนกันค่ะ”

เราเงียบกันไปอีกชั่วอึดใจ ต่างคนต่างมองไปคนละทาง ครู่หนึ่งปาลจึงเอ่ยแทรกความเงียบขึ้นมา

“ป้าของเธอจะมาเมื่อไร”

“ป้านงบอกว่าจะมาหาเอ๋ยวันศุกร์ ตอนบ่ายโมงค่ะ”

“ถ้างั้นตอนเธอไปส่งปิ่นโตที่โรงพยาบาลฉันติดรถเธอกลับมาบ้านด้วยแล้วกัน จะได้คุยกับป้าเธอด้วย”

“แล้วหมอปาลต้องออกตรวจคนไข้ไหมคะ เอ๋ยเกรงใจน่ะค่ะ เอ๋ยคุยกับป้านงเองได้”

“ไม่เป็นไรหรอก ให้ฉันอยู่ด้วยดีกว่า คุยสักครึ่งชั่วโมงก็น่าจะเสร็จ”

ท่าทางเคร่งขรึมเป็นงานเป็นการทำให้หญิงสาวรู้สึกเกร็งเหมือนยืนอยู่ต่อหน้าครูฝ่ายปกครอง

“ถ้างั้นเอาตามที่หมอปาลว่ามาก็ได้ค่ะ”

แล้วบรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง

“ส่วนเรื่องงานแต่ง เอ๋ยว่าเราไม่ต้องจัดก็ได้นะคะ ไม่ยุ่งยากดี”

ปาลรู้ว่าอิศยามีความคิดเป็นของตัวเอง เธอไม่แคร์สายตาคนอื่น ไม่คิดจะสนใจด้วยซ้ำ แต่เขาอยากให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในโคกเสือเผ่น อย่างเช่นผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอรับรู้การแต่งงานของเราทั้งสอง เพราะอยากตัดความหวังของนงพะงา และบีบเสี่ยซ้งไม่ให้หน้ามืดคิดลงมือทำร้ายภรรยาของเขา

“ต้องจัดสิ ฉันขอหาวันว่างก่อนแล้วกัน แต่จะพยายามให้เร็วที่สุด ระหว่างนี้เธอคิดไปก่อนแล้วกันว่าอยากจัดงานแบบไหน ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้นัก ถ้าเธอมีไอเดีย อยากได้อะไรเพิ่มเติมก็มาเบิกเงินกับฉันได้”

“เอ๋ยไม่อยากเปลืองเงิน จัดงานเล็กๆ ก็พอค่ะ ถ้าเราหย่ากันขึ้นมาจะได้ไม่เปลืองเงินไงคะ”

เธอต้องพูดอะไรผิดแน่เลย หมอปาลถึงเคร่งขรึมขึ้น แววตาดำจัดเย็นยะเยือกจนขนแขนสแตนด์อัพ

“เกือบสองทุ่มแล้ว เธอเข้าบ้านเถอะ”

“หมอปาลขึ้นรถก่อนสิคะ เดี๋ยวเอ๋ยรอส่งหมอปาลก่อน”

“เธอเข้าบ้านเถอะ ฉันอยากแน่ใจว่าเธอล็อกบ้านเรียบร้อยแล้ว”

“เอ๋ยก็อยากแน่ใจว่าหมอปาลขึ้นรถแล้วเหมือนกัน”

“อย่าดื้อเอ๋ย!”

หากคนภายนอกผ่านมาเห็นคงคิดว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักที่ไม่อยากแยกจากกัน แต่อิศยารู้ดีว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

“งั้นหมอปาลขับรถดีๆ นะคะ แขน…ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ”

“ดีขึ้นเยอะแล้ว เธอเข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวฉันคงกลับโรง’บาลเลย”

อิศยามีคำถามอีกมากมาย แต่ไม่อยากกวนเวลาอันมีค่าของหมอปาลกว่านี้จึงเดินเข้าบ้านล็อกประตูเสร็จสรรพ โดยหารู้ไม่ว่าผู้ชายหน้าขรึมกลับระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ราวกับสะกดกลั้นความตื่นเต้นไว้เต็มอก ใช้เวลาอยู่หลายนาทีกว่าหัวใจจะสงบแล้วค่อยเคลื่อนรถออกไป

 

ติดตามบทที่ 4-6 ได้แล้ววันนี้!

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: