ฟู่เหลียงเฉินมองตามพ่อสามีออกไปส่งหมอหลวงด้วยตนเอง แท้จริงแล้วส่วนลึกในใจยังมีความกังวลต่ออาการป่วยของแม่สามี อยากจะพูดคุยเป็นส่วนตัวกับหมอหลวงให้เข้าใจโดยละเอียดอีกมาก
ท่านกั๋วกงและท่านแม่สามีอยู่กินกันมาหลายปี มีความสัมพันธ์อันดีมาโดยตลอด ช่างน่าอิจฉาผู้อื่น…ในปีนั้นมีหรือที่นางเองจะไม่แอบคาดหวังบ้างว่านางกับเขาจะได้ครองรักกันอย่างมีความสุขเฉกเช่นท่านทั้งสอง
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้รอยยิ้มมุมปากของนางก็เปลี่ยนเป็นขมขื่นขึ้นมา
เซียวอี้เหรินไม่ได้ไปไหน รูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างกายนางนั้นเต็มไปด้วยความอดกลั้น ไม่จำเป็นต้องเงยหน้ามองนางก็รู้สึกได้ถึงความโกรธเกรี้ยวที่เขากำลังกักเก็บไว้อยู่ภายใน
“เหตุใดท่านแม่จึงได้หมดสติไป” ในที่สุดน้ำเสียงทุ้มลึกเจือความเกรี้ยวกราดของเขาก็ดังขึ้นมา
ตัวของนางสั่นเทา
“ในงานเลี้ยงเหตุใดเจ้าจึงไม่ดูแลท่านแม่ให้ดี” คำพูดของเขาลอดไรฟันออกมาทีละคำด้วยอารมณ์โกรธ “เสียแรงที่เจ้าเป็นคนกตัญญู นี่เป็นการตอบแทนบุญคุณของเจ้าหรือ”
ฟู่เหลียงเฉินหลับตาลง ข่มหัวใจจากความเศร้าสลดไว้ด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะโกรธเคืองและแก้ตัว รู้สึกเพียงแค่ว่า…ช่างน่าขัน
สามีของนางร้อนอกร้อนใจเช่นนี้แล้วโยนนางเป็นเป้าหมายในการยัดเยียดความผิด แม้แต่ความใส่ใจที่จะสอบถามสองสามคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนไม่มีเลย หากนางบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าสตรีที่เขาต้องการจะแต่งให้เป็น ‘ภรรยารอง’ เป็นผู้ที่ทำให้ท่านแม่ผู้ให้กำเนิดเขาโมโหจนหมดสติไป…เขาจะเชื่อนางหรือ
“ไม่ได้ดูแลท่านแม่ให้ดี เป็นความผิดของข้าเอง” นางค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมอง ดวงตาใสเป็นประกายที่มักจะดูว่านอนสอนง่ายเสมอปรากฏร่องรอยความเหนื่อยล้าที่เกินบรรยายออกมาได้
วันนี้ช่างยาวนานเสียเหลือเกิน ราวกับว่าจะทนไม่ไหวอีกต่อไป…
เมื่อประสานเข้ากับนัยน์ตาดำใสสะอาดดั่งน้ำใสของนางแล้ว เซียวอี้เหรินชะงักไปอย่างไม่มีเหตุผล ร้อนรนเสียจนแทบจะหลบเลี่ยงเข้าหน้าไม่ติด ในอกพลันกระตุกวูบเล็กน้อย จากนั้นก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้
น่ารังเกียจ! เขาจะกินปูนร้อนท้องไปไย
เซียวอี้เหรินสูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้ายิ่งบึ้งตึงขึ้น แล้วเอ่ยออกมาอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หากเจ้าทำหน้าที่ลูกสะใภ้สกุลเซียวได้ไม่ดี เช่นนั้นถอนตัวให้คนที่เหมาะสมก่อนจะสายไปเสียดีกว่า ถึงอย่างไรเจ้ากับข้าก็ไม่ได้ใช้ชีวิตเช่นสามีภรรยาร่วมกัน เดิมทีก็ไม่ได้ถือว่าเป็นสามีภรรยากันจริง ถ้าหากเจ้าเห็นด้วย ข้าจะหย่ากับเจ้า นอกจากจะให้เจ้านำสินสอดทองหมั้นทุกอย่างติดตัวไปแล้วยังจะเพิ่มค่าตอบแทนตลอดสามปีนี้อีก…”
“ท่านพี่อี้เหริน เหตุใดจึงทำกับข้าเช่นนี้”
เขาชะงักไปครู่ใหญ่ ใบหน้าถอดสีและซีดเผือดขึ้นมาทันที “ข้าทำผิดต่อเจ้าอย่างนั้นหรือ”
ริมฝีปากซีดเซียวของฟู่เหลียงเฉินสั่นระริก เรี่ยวแรงทั้งหมดก่อตัวขึ้นมาชั่วพริบตาแล้วหายไปในอากาศ หายไปจากสายตาเหยียดหยามชิงชังของเขา
“ท่าน…หรือว่าตั้งแต่วันที่ถูกบังคับให้แต่งกับข้าก็เริ่มโกรธเคืองข้า” ลำคอของนางตีบตันขึ้นมา เอ่ยถามออกมาทีละคำด้วยน้ำเสียงเบาหวิวและอ่อนแรง
เซียวอี้เหรินไม่พูดอะไร แต่สีหน้ากลับเย็นชาดั่งฤดูหนาวในเขตว่านไจ้
“ท่านพี่ ท่านให้โอกาสข้าสักครั้งจะได้หรือไม่ ขอเพียงครั้งเดียวก็ยังดี…” นางบุ่มบ่ามยื่นมือออกไปจับไว้ที่แขนเสื้อเขา พร้อมกับเงยดวงหน้าขาวซีดวิงวอนด้วยความเศร้าสร้อย “ข้า…ข้าจะพยายามเป็นภรรยาที่ดี ข้าจะทำทุกอย่างที่ท่านขอให้สำเร็จ ขอเพียงท่านต้องการให้ข้าทำ ไม่ว่าอะไรข้าก็ยอมทำทั้งนั้น ขอเพียง…ขอเพียงท่าน…อย่าทอดทิ้งข้า…”
ในอกเขาพลันบีบรัดชั่วขณะจนยากที่จะหายใจ รับรู้ว่ากำลังยกมือขึ้นมา อยากจะเชยแก้มนางที่สั่นไปด้วยความเศร้าใจ…ไม่…ข้าจะใจอ่อนไม่ได้!
“นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่” เขาออกแรงชักแขนเสื้อกลับ กำหมัดไว้แน่น สีหน้ายิ่งบูดบึ้ง “ท่านแม่ป่วยจนเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้ายังมีความคิดกับท่าทีเหลาะแหละอ้อนวอนขอความรักต่อหน้านางที่นอนอยู่บนเตียงอีก ดูท่าแล้วต่อหน้าท่านพ่อท่านแม่เจ้าก็คงเสแสร้งแกล้งทำเพียงเพื่อได้รับตำแหน่งลูกสะใภ้กตัญญูที่เป็นชื่อเสียงจอมปลอมนั่น!”
“ไม่ ไม่ใช่…” ดวงหน้าเล็กที่งดงามของฟู่เหลียงเฉินพลันซีดเผือดขึ้นมาพร้อมกับพูดอธิบายตะกุกตะกัก “ขอ…ขออภัย เป็นข้าที่เสียมารยาทเอง ข้าเพียงแค่…”
“พอเถอะ!” เขาตะคอกออกไปด้วยเสียงทุ้มต่ำ สายตาที่มองนางยิ่งเอือมระอามากขึ้น