ก่อนลมหนาวจะพัดมา โรคเก่าของฮูหยินกั๋วกงก็กำเริบขึ้นมาอีก กลางดึกไอและหอบอยู่บ่อยๆ นอกจากฮูหยินน้อยจะเชิญหมอหลวงมาตรวจรักษาโดยเร่งด่วนแล้ว ยังคอยเฝ้าไข้ข้างเตียงด้วยตนเองและผลัดเปลี่ยนกับแม่นมส่วนตัวไม่กี่คนคอยเฝ้ายามกลางคืน
บางครั้งหวาเหนียนก็คิดว่าฮูหยินน้อยดูเหมือนรูปร่างบอบบางลมพัดมาก็ทำให้ล้มลงไปได้ทุกเมื่อเช่นนั้น อดทนแบกรับภาระหนักหนาเหล่านี้ได้อย่างไรกัน
“หวาเหนียน เจ้าเหม่ออะไร ฮูหยินน้อยเดินไปไกลนู่นแล้ว เจ้ายังไม่รีบไปทำงานอีก” ตู้เจวียนอดไม่ได้ที่จะย้ำเตือนหวาเหนียนด้วยเสียงเบา “มีเรื่องที่เราต้องจัดการอีกมากมายนัก ไม่มีเวลาให้เจ้ามาชักช้าแล้ว”
“ใครชักช้ากัน ข้าเพียงแค่กำลังรู้สึกปลงตก…” หวาเหนียนได้สติคืนมาก็กลืนน้ำลายลงไป “เอ่อ…ไม่มีอะไร ข้าจะรีบไปห้องครัวเดี๋ยวนี้แหละ”
หิมะตกหนักรุนแรงแต่กลับเงียบสงบไร้เสียง เป็นความงดงามที่สั่นสะเทือนใจในยามค่ำคืน
ท่ามกลางหิมะในสวน ฟู่เหลียงเฉินเดินอยู่ใต้ร่มที่สาวใช้กางให้ กำลังจะไปพบกับเหล่าผู้ดูแลที่ห้องอุ่นด้านนอก ย่างก้าวที่เดิมทีลัดเลาะอย่างเร่งรีบก็กลับชะลอลงโดยไม่รู้ตัว
นางพลันนึกถึงเรื่องเมื่อสามปีก่อน ในวันที่นางและสามีแต่งงาน ตอนพิธีกราบไหว้ฟ้าดินหิมะก็ตกลงมาหนักเช่นนี้
หิมะที่ตกในครั้งนั้นราวกับจะไม่มีวันสิ้นสุด บุปผาแพรที่เดิมทีห้อยอยู่ในจวนกับอักษรมงคลคู่ตัวใหญ่สีแดงติดไปทั่ว ความสุขสันต์อึกทึกคึกคักในวันนั้นล้วนมลายไปหมดแล้ว
‘หนึ่งคำนับฟ้าดิน…สองคำนับพ่อแม่…สามสามีภรรยาคำนับซึ่งกันและกัน…’
เสียงกู่ร้องส่งเข้าเรือนหอยังไม่ทันดัง พระราชโองการก็ฝ่าทะลุมาตีแสกหน้าอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว!
‘…หรงเหนือบุกโจมตี สั่งการให้แม่ทัพใหญ่สยบอุดรเซียวอี้เหรินรีบกลับไปรวมพลที่ด่านชายแดนและโจมตีข้าศึก!’
ความเอียงอายบนใบหน้าที่อยู่ใต้ผ้าคลุมหน้าสีแดงของนางพลันสลายไปอย่างรวดเร็ว ใบหูได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยตอบกลับไปว่า ‘กระหม่อมรับบัญชา!’
ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและวุ่นวาย แต่นางยังคงตระหนักถึงชั่วขณะที่ย่างก้าวอันมั่นคงกำลังจะก้าวจากไปได้ นางทนไม่ได้จึงร้องเรียกออกไปด้วยความร้อนใจ ‘ท่านพี่!’
ฝีเท้าหยุดลงทันที ความรู้สึกตึงเครียดบีบรัดเข้ามาอย่างหนักหน่วง
…ขอให้ท่านโปรดรักษาตัว ปลอดภัยกลับมา
ระหว่างพวกเขาทั้งคู่มีแขกเหรื่ออยู่มากมายเช่นนี้ อีกทั้งมีขันทีจากในวังมาถ่ายทอดพระราชโองการ นางจึงทำได้เพียงกล้ำกลืนคำพูดที่แท้จริงจากก้นบึ้งของหัวใจลงไป แล้วเปลี่ยนเป็นคำอวยพรที่ฉาบด้วยความเคร่งขรึมเห็นแก่เรื่องแคว้นเป็นสำคัญ…
‘ข้าขอให้ท่านทำลายศัตรูให้สิ้น มีชัยชนะกลับมา!’
หลังจากสิ้นคำแล้ว แขกเหรื่อรอบด้านต่างพากันชื่นชม ทว่านางกลับไม่ได้ยินเสียงตอบรับของเขา หัวใจยิ่งจมดิ่งลงเรื่อยๆ
นางไม่ควรเปิดปากพูดออกไปใช่หรือไม่ นางก่อปัญหาให้เขาแล้วใช่หรือไม่
‘อืม’
เสียงตอบรับเย็นชาเช่นนั้นบางเบาราวกับเสียงลมพัดผ่านไปในชั่วพริบตา จนถึงตอนนี้นางยังคงสับสนอยู่บ้างว่าจริงๆ แล้วตอนนั้นเขาอาจไม่ได้พูดอะไรเลย เสียงนั่นเป็นเพียงเพราะนางกระวนกระวายใจแล้วนึกขึ้นมาเองทั้งหมดใช่หรือไม่
หลังจากนั้นแม่สามีก็ได้ประคองนางเข้ามาในห้องหอด้วยตนเอง แม่สามีที่ปฏิบัติต่อนางราวกับลูกสาวเสมอมายังปลอบโยนและอธิบายให้นางฟังเสียมากมายเพราะเกรงว่านางจะโกรธและเสียใจ
แต่นางเพียงแต่เป็นห่วงเขาที่ต้องเดินทางไกลพันลี้ไปสู้รบโชกเลือดในสนามรบ