“ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่วางใจเรื่องคนแก่อย่างพวกข้าสองคน” เซียวเหอซื่อลูบดวงหน้าเล็กๆ ขาวเนียนงดงามของนางพลางเอ่ยออกมาด้วยความเอ็นดู “แม้เจ้าจะเป็นลูกสะใภ้พวกเข้า แต่เจ้าก็เป็นภรรยาของอี้เกอเอ๋อร์ด้วย ถ้าพวกเจ้าทั้งสองถ้อยทีถ้อยอาศัยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขก็ถือว่าเป็นความสุขของคนแก่อย่างพวกข้าสองคนแล้ว”
“ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” ขอบตาของนางเริ่มแดง หัวใจทั้งดวงอุ่นวาบขึ้นมาจนอดสะอื้นเบาๆ ด้วยความตื้นตันไม่ได้ “แต่ว่าข้าก็ไม่อยากจากท่านไป”
“ใช้ชีวิตอยู่กับอี้เกอเอ๋อร์ให้มีความสุข รีบมีหลานตัวอ้วนให้พวกข้าเร็วๆ เช่นนี้ก็จะได้มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างพวกข้าสองคนมิใช่หรือ” เซียวเหอซื่อตบหลังมือนางเบาๆ ในรอยยิ้มหยอกเย้านั้นแฝงไปด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม
“…เจ้าค่ะ” ดวงหน้าฟู่เหลียงเฉินแดงขึ้นมาขณะก้มหน้ารับคำเสียงเบา
“กลับมาแล้ว! นายน้อยกลับมาแล้วขอรับ!” ในตอนนั้นเอง พ่อบ้านใหญ่ผู้มีสายตาเฉียบคมก็ตะโกนออกมาด้วยความดีใจ
ฟู่เหลียงเฉินใจสั่นระรัว เงยหน้ามองตรงไปยังถนนสายหลักที่ค่อยๆ ปรากฏขบวนคนและม้า พวกเขาชูธง ‘แม่ทัพเซียวสยบอุดร’ รูปร่างสูงใหญ่น่าเกรงขามที่คุ้นตากำลังขี่ม้าพันธุ์ดีสีขาวดุจหิมะ ท่าทางองอาจห้าวหาญสง่าผ่าเผยปรากฏต่อหน้าทุกคน
นางพยายามควบคุมลมหายใจ แทบไม่อาจไตร่ตรองสิ่งใดได้อีก ยามนี้ทำได้เพียงจ้องมองเขาอย่างเหม่อลอยราวกับเวลายาวนานที่ผ่านมาและระยะทางห่างไกลเหมือนชั่วชีวิตในที่สุดก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้านางแล้ว
“ท่านแม่ ลูกกลับมาแล้ว” น้ำเสียงทุ้มต่ำนิ่งเรียบนั้นเด็ดเดี่ยวทรงพลังเหมือนในความทรงจำ
“ดี ดีมาก กลับมาก็ดีแล้ว” เซียวเหอซื่อหลั่งน้ำตาด้วยความตื้นตันใจ นางโอบบ่าของลูกชายพร้อมกับสะอึกสะอื้น “มาให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้าอ้วนขึ้นหรือว่าผอมลงกัน…อยู่ทางเหนือลำบากมากใช่หรือไม่ ลูกชายข้าได้ดูแลตนเองให้ดีหรือเปล่า”
เซียวอี้เหรินผู้มีรูปร่างสูงใหญ่โน้มกายลงให้มารดาได้กระชับกอดแนบแน่น ใบหน้างามสง่าของเขามีเค้าความอ่อนโยนปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย
ฟู่เหลียงเฉินดวงตาพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตาขณะมองพวกเขาแม่ลูกด้วยความปีติยินดีที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้ คำพูดเป็นพันเป็นหมื่นที่ต้องการจะพูดกับเขาจุกอยู่ในลำคอ นางทำได้เพียงพยายามเบิกตาจ้องมองเพื่อจะได้เห็นเขาชัดเจนยิ่งขึ้น ชัดยิ่งขึ้นไปอีก…
“แม่มีความสุขแทบบ้าเลย” เซียวเหอซื่อสูดจมูก รีบดึงลูกสะใภ้สาวที่อยู่ข้างกายมาตรงหน้าลูกชาย “มาๆๆๆ ภรรยาเจ้าเองก็รอเจ้ามานานมากแล้ว เจ้ากลับมาครั้งนี้ก็ต้องเอาใจใส่และเอ็นดูนางให้มาก”
“ทะ…ท่านพี่…” หัวใจนางเต้นตึกตักทั้งเร็วและรุนแรง พวงแก้มทั้งสองข้างปรากฏริ้วแดงขณะเอ่ยเรียกด้วยเสียงนุ่มนวล
ความอ่อนโยนเล็กน้อยบนใบหน้าเขาพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตาแล้วกลับแทนที่ด้วยสีหน้าว่างเปล่าดังเช่นที่เคยเป็น “อืม”
ใจนางปวดแปลบขึ้นมาทันที นางพยายามสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ควบคุมน้ำเสียงให้นิ่งและนุ่มนวล “ท่านพี่เดินทางเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทางแล้ว ข้าให้คนไปเตรียมน้ำแกงร้อนๆ กับอาหารไว้เรียบร้อย…”
“ไม่ต้องวุ่นวายไป” เซียวอี้เหรินโบกมืออย่างเฉยเมยแล้วหันมาเอ่ยกับเซียวเหอซื่อทันที “ท่านแม่ ลูกอยากให้ท่านได้พบกับคนคนหนึ่งก่อน”
“ใครกัน” เซียวเหอซื่องุนงงชั่วครู่จากนั้นจึงยิ้มออกมา “อี้เกอเอ๋อร์พาเพื่อนทหารจากทางเหนือกลับมาเที่ยวหรือ”
เขาเพียงแต่ยิ้มไม่เอ่ยคำ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปยังรถม้าคันที่อยู่ท่ามกลางการคุ้มกันของเหล่าทหารเกรียงไกรของสกุลเซียว
นั่นเป็นครั้งแรกที่ฟู่เหลียงเฉินได้รู้ว่าที่แท้เขาเองก็อ่อนโยน ปกป้องดูแลคนคนหนึ่งได้เช่นกัน…
เขาเปิดม่านบนรถม้าออก แล้วค่อยๆ ประคองสาวน้อยหน้าตางดงามซึ่งสวมอาภรณ์สีแดงคนหนึ่งลงจากรถม้า สาวน้อยคนนั้นมีคิ้วเข้ม ดวงตาโต ท่าทางกล้าหาญ ตอนที่นางเหยียบลงบนพื้นได้เงยหน้าขึ้นแย้มยิ้มงามให้เขา ทำเอาฟู่เหลียงเฉินหัวใจแทบหยุดเต้น
ในตอนนั้นรอบด้านพลันเงียบสงัด นางไม่ได้ยินว่าพวกเขาทั้งคู่พูดคุยหัวเราะอะไรกัน ไม่ได้ยินคำพูดที่เร่งรีบร้อนรนของเซียวเหอซื่อซึ่งอยู่ข้างกายนางว่ากำลังพูดอะไรบ้าง รู้เพียงแต่ว่าชีพจรเต้นอย่างบ้าคลั่งขณะที่หัวใจค่อยๆ เต้นช้าลงและเย็นเยียบ
จนกระทั่งน้ำเสียงที่นุ่มนวล มั่นคง สุขใจ และท่าทางเอาอกเอาใจที่นางไม่ได้เห็นมานานเอ่ยขึ้นมา…
“ท่านแม่ นางคือเหยาเอ๋อร์ กู่เหยาเอ๋อร์ เป็นน้องสาวของท่านรองแม่ทัพกู่ ในช่วงพักจากการรบได้ช่วยตีกลองศึกเพิ่มความฮึกเหิมอยู่ตรงกำแพงเมือง ช่วยให้พลทหารสกุลเซียวของข้าเอาชนะกองทัพหรงเหนือ” รอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความภูมิใจและชื่นชมของเขากลับมีไว้ให้หญิงสาวอีกคนหนึ่ง “ลูกตัดสินใจที่จะแต่งงานกับนาง ยกเป็นภรรยารอง ติดตามลูกไปป้องกันดินแดนทางเหนือด้วยกัน”
ภรรยารอง?!