บทที่ 1 มอบเฟอร์รารี่ให้คุณ
ระยะนี้ในโต้วหยามีการแสดงความเห็นในกระทู้ฮอต ‘ก๊อสซิปเน็ตไอดอลยอดนิยมที่มีรายได้สูงสุดสิบอันดับ’
ความคิดเห็นที่ 1
‘กระทู้เด็ดนี่! เจ้าของกระทู้สุดยอดไปเลย แม้แต่เรื่องนี้ก็รู้ด้วย ฉันชอบซอส pupu ที่ได้อันดับหนึ่งมากเลยล่ะ ไม่คิดว่าจะมีรายได้ต่อเดือนถึงสิบล้าน แต่นี่เพราะเดือนนั้นเธอลงทุนรวดเดียวเป็นสิบล้านเลยนี่นา’
ความคิดเห็นที่ 2
‘เมนต์บน! ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ แต่เจ้าของกระทู้นับรายได้แบบนี้ก็ไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ อ้างอิงจากรายได้ทั้งหมดเลยจะดีกว่า แล้วก็…มีใครเป็นแฟนคลับเสี่ยวมีที่อยู่อันดับหกเหมือนฉันบ้าง’
ความคิดเห็นที่ 3
‘ฉันๆๆ พี่เสี่ยวมีอายุยืนหมื่นปี พี่เสี่ยวมีสวยที่สุดในยุคนี้เลย’
ความคิดเห็นที่ 4
‘สวีจื่อฉีลูกครึ่งเลือดผสมแปดเชื้อชาติที่อยู่อันดับสิบน่าสงสารจังเลย เจ้าของกระทู้เปิดเผยรายได้ของเธอไม่พอ ยังเอาชื่อโรงพยาบาลที่เธอเคยไปศัลยกรรมออกมาแฉอีก ทุกคนระวังตัวให้ดีๆ อย่าไปโรงพยาบาลนี้นะ ดูสิว่าศัลยกรรมจนสภาพเป็นแบบไหนแล้ว น่ากลัว’
…
…
ความคิดเห็นที่ 55
‘เอ่อ…เห็นทุกคนกำลังวิจารณ์เน็ตไอดอลทั้งสิบคน ฉันอยากเสนอเพิ่มอีกคนนึงล่ะ คนนี้จะต้องอยู่ในสามอันดับแรกแน่… รู้จักเหมียวไก่ฉีกหรือเปล่า’
ความคิดเห็นที่ 56
‘นักวาดที่ใส่หน้ากากอนามัยวาดการ์ตูนน่ะเหรอ ฉันชอบการ์ตูนเรื่อง ‘ผู้กล้าบุกอาณาจักรแมว’ มาก น่ารักสุดๆ ไปเลย’
ความคิดเห็นที่ 57
‘เธอไม่ได้ไลฟ์เพื่อเอารายได้สักหน่อย รายได้จะเยอะเหรอ’
ความคิดเห็นที่ 58
‘ค่าลิขสิทธิ์การ์ตูนของเธอยังไม่จัดอยู่ในสิบอันดับแรกด้วยซ้ำ ความเห็นที่ 55 เข้าใจผิดไปหรือเปล่า’
ความคิดเห็นที่ 59
‘ฉันคือความเห็นที่ 55 ขอเพิ่มอีกข้อความเพื่อตอบทุกๆ คนนะคะ…เหมียวไก่ฉีกจะต้องติดสามอันดับแรกอย่างแน่นอน เพราะ…จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เมื่อวันก่อนแฟนคลับระดับเศรษฐีของเหมียวไก่ฉีกส่งเฟอร์รารี่ไปให้เธอหนึ่งคัน เป็นรถเฟอร์รารี่จริงๆ นะ ไม่ใช่รถเฟอร์รารี่การ์ตูนที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอไลฟ์สด’
ความคิดเห็นที่ 60
‘สุดยอด’
ความคิดเห็นที่ 61
‘สุดยอด+1’
…
ความคิดเห็นที่ 240
‘สุดยอด+11111111เติม s’
เหมียวเหมี่ยวปวดเศียรเวียนขมับ เธอต่อสายตรงถึงบรรณาธิการของลู่ซื่อเหวินฮว่าที่ดูแลงานของเธอเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้ “พี่สวี่ รถคันนั้น…เป็นยังไงบ้างคะ”
“ยังจอดอยู่ที่ลานจอดรถอยู่เลย เหมียวเหมียว ฉันว่าเธอรับเอาไว้เลยเถอะ” สวี่หลิงอวิ๋นตอบเธอ
เหมียวเหมี่ยวเลิกหน้าม้าของตัวเองขึ้น คุกเข่านั่งกอดหมอนอยู่บนโซฟา น้ำตารื้นออกมา “พี่สวี่ นั่น…เฟอร์รารี่เลยนะ ฉันจะรับไว้ได้ยังไง ฉันเช็กราคารถคันนั้นแล้ว คันที่ถูกที่สุดก็สามล้านสี่เลยนะ พี่สวี่ ฉันกลัว!”
เสียงของสวี่หลิงอวิ๋นก็สั่นเช่นกัน “เหมียวเหมียว คิดว่าฉันไม่กลัวหรือไง เธอว่าอยู่ดีๆ จะมีคนส่งเฟอร์รารี่มาให้เราทำไม แถมยังส่งมาที่บริษัทอีก ตอนนี้ก็จอดเหมือนศาลเจ้าที่อยู่ในโรงจอดรถใต้ดิน กุญแจแขวนอยู่ที่ห้องทำงานของ บ.ก. ใหญ่ แถมคนส่งยังระบุว่าต้องให้เหมียวไก่ฉีกเป็นคนขับออกไปด้วย พวกเรากล้าแตะกันที่ไหนล่ะ น่ากลัวจะตาย”
“ให้ตายสิ เป็นอย่างนี้ได้ยังไง ฉัน…ฉันวาดการ์ตูนนี่ไปทั้งชีวิตก็ได้เงินไม่เท่ากับรถเฟอร์รารี่คันหนึ่งหรอกมั้ง…ทำไมต้องใช้วิธีนี้ส่งมาด้วยก็ไม่รู้” เหมียวเหมี่ยวแทบจะร้องไห้ “เจรจากับอีกฝ่ายได้มั้ยคะ ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเจ้าของรถเหรอ”
“ไม่มี มีแค่ผู้ชายชุดดำหน้าตาหล่อๆ สวมแว่น เดินเอากุญแจขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ บ.ก. ใหญ่ แล้วก็เอารูปรถที่ถ่ายไว้ในมือถือให้เขาดู บอกว่า ‘ของขวัญชิ้นนี้มอบให้เหมียวไก่ฉีก กรุณาให้เหมียวไก่ฉีกมารับรถกลับไปด้วย’ ” สวี่หลิงอวิ๋นเลียนแบบน้ำเสียงได้คล้ายมากทีเดียว ทั้งท่าทางซื่อตรง พูดน้อย และเป็นทางการของอีกฝ่ายก็เก็บไว้ทุกเม็ด
เหมียวเหมี่ยวสงสัยมากๆ ว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นพวกมีอิทธิพลมืด “รถนั่นจอดมาสามวันแล้ว…ฉันไม่ขับนะ ไม่เอาหรอก ใครจะรู้ว่าขับไปแล้วจะเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“เธอลองคิดดูดีๆ คิดสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นตอนไหนกันแน่”
เหมียวเหมี่ยวเคาะหัวตัวเองแล้วนึกย้อนกลับไป แทบจะทุบกะโหลกศีรษะตัวเองจนละเอียดก็ยังคิดไม่ออกว่าอะไรที่ทำให้เศรษฐีทุ่มเงินซื้อเฟอร์รารี่ 488 ให้เธอคันหนึ่ง จะว่าไปเธอก็ขับซูเปอร์คาร์ไม่ได้เสียด้วย ตอนนี้เหมียวเหมี่ยวไม่กล้าไปแม้กระทั่งออฟฟิศลู่ซื่อเหวินฮว่าด้วยซ้ำ แม้แต่เอกสารที่ต้องเซ็นในระยะนี้ก็ยังให้ไปรษณีย์ในเมืองส่งมาให้เซ็นถึงที่บ้าน
“ความจำของคนสมองปลาทองอย่างฉันน่ะ…จำอะไรไม่ได้จริงๆ” เหมียวเหมี่ยวถอนหายใจยาว “พี่สวี่ ฉันเสียดายรถคันนี้ ชาตินี้มันอาจต้องจอดอยู่ในลานจอดรถใต้ดินไปตลอดก็ได้นะ”
สวี่หลิงอวิ๋นได้ไปดูรถคันนั้นมากับตาตัวเอง เธอจึงเสียดายยิ่งกว่าเหมียวเหมี่ยวเสียอีก “ไร้สาระสิ้นดีน่า ตัวรถสีแดงเพลิงทั้งคัน ไม่ต้องพูดเลยว่าสวยแค่ไหน บ.ก. ใหญ่แขวนกุญแจรถเอาไว้สูงเชียวล่ะ ใครก็ไม่กล้าเข้าไปแตะ น่าเสียดายจัง”
จู่ๆ สวี่หลิงอวิ๋นก็คิดอะไรได้จึงถามขึ้นว่า “เหมียวเหมียว ลองคิดดูซิว่าตอนที่เธอไลฟ์มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า”
เหมียวเหมี่ยวที่ไม่ได้ไลฟ์มาหนึ่งอาทิตย์แล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาดู ขมวดคิ้วอยู่นานสองนาน จู่ๆ สมองก็กระจ่างขึ้นทันที ตื่นตระหนกไปทั้งตัว สติหลุดลอย
“แม่เจ้า! เหมือน…จะเป็นผลมาจากไลฟ์สดจริงๆ ด้วย”
ย้อนกลับไปหนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านี้ บนเวยป๋อของเหมียวเหมี่ยวโพสต์บอกข่าวการไลฟ์สดเอาไว้ว่า
‘คืนนี้สองทุ่มครึ่งจะไลฟ์การสเก็ตช์ภาพตอนที่ 63 ของ ‘ผู้กล้าบุกอาณาจักรแมว’ ทุกคนช่วยกันจับตาดูให้ฉันทำเสร็จให้เร็วที่สุด อย่าให้แอบขี้เกียจได้นะคะ จุ๊บๆ’
โพสต์ไปไม่ถึงนาที ก็มีคนมาคอมเมนต์เกินร้อยแล้ว แฟนคลับในเวยป๋อของเหมียวเหมี่ยวมีอยู่ห้าแสนกว่าคน ถือได้ว่าเธอเป็นคนดังและมีชื่อเสียงในกลุ่มนักวาดระดับหนึ่ง คนที่รอการ์ตูนของเธออัพเดตตอนใหม่ก็มีมาก เพราะฉะนั้นไลฟ์ที่พวกเขาจะเห็นสปอยล์เนื้อเรื่องได้ ทำไมจะไม่ตามสนับสนุนล่ะ
คืนนั้นสองทุ่มยี่สิบห้านาที เหมียวเหมี่ยวเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ปรับหน้ากล้องให้อยู่ในมุมที่พอดี เมื่อแน่ใจแล้วว่าเป็นมุมที่ใบหน้าเธอจะเล็กลงเมื่อออกกล้อง เธอก็ยกนิ้วเป็นรูปตัว ‘V’ ใส่หน้ากล้องอย่างหลงตัวเอง
เธอรวบผมตรงยาวประบ่าเป็นทรงดังโกะอย่างลวกๆ เหมียวเหมี่ยวสวมหน้ากากปิดปากรูปแมวเหมียวกับแว่นตากรอบสีดำ สองทุ่มครึ่งแล้ว ได้เวลาเริ่มไลฟ์สด
“สวัสดีค่ะ รอกันนานเลยนะคะ ไม่พูดมากละนะ ฉันจะเริ่มสเก็ตช์ภาพแล้ว เพื่อนๆ ที่มีการบ้าน รายงาน หรือว่ากำลังปั่นงานด่วนจี๋ก็พยายามไปด้วยกันนะคะ” เหมียวเหมี่ยวมักจะใช้คำพูดเปิดไลฟ์ด้วยน้ำเสียงให้กำลังใจก่อนทุกครั้งแล้วจึงเริ่มก้มหน้าก้มตาสเก็ตช์ภาพ
เหมียวเหมี่ยวมีคอมพิวเตอร์สองเครื่อง เครื่องหนึ่งใช้วาดรูป อีกเครื่องหนึ่งใช้เล่นเกมกับไลฟ์สด เธอเปิดหน้าต่างไลฟ์จอใหญ่เชื่อมกับกล้อง หน้าต่างเล็กเชื่อมกับเม้าส์ปากกา ดังนั้นคนดูจะสามารถมองเห็นเธอที่กำลังสเก็ตช์ภาพได้
จำนวนคนดูไลฟ์สดเริ่มจาก 0 แล้วพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 3,000 และ 4,000 สุดท้ายก็หยุดนิ่งอยู่ที่ประมาณ 6,000
เหมียวเหมี่ยวเงยหน้าขึ้นมองหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นครั้งคราว ทำให้เห็นคอมเมนต์ที่ไหลไปเรื่อยๆ
‘แมวเหมียวตาโตมากๆ เลย’
‘ในที่สุดก็มีสปอยล์ให้ดูแล้วล่ะ!’
‘วันที่ไม่มีแมวเหมียว ฉันทำการบ้านไม่เสร็จเลย ร้องไห้’
‘มีแมวเหมียวอยู่ด้วย จากนี้ก็ไม่ต้องกลัวอาจารย์ที่ปรึกษาทวงรายงานแล้ว’
…
บนหน้าจอยังมีของขวัญแต่ละชนิดที่คนดูส่งมาเคลื่อนไหวไม่หยุด เหมียวเหมี่ยวไม่อยากให้ทุกคนส่งมา ถึงอย่างไรเธอก็ไลฟ์สดเพียงเพื่อให้ตัวเองมีเวลาอู้น้อยลงก็เท่านั้น รักษาอาการผัดวันประกันพรุ่ง
เห็นคอมเมนต์น่ารักๆ แต่ละข้อความ เหมียวเหมี่ยวก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ หน้ากากที่ปิดใบหน้าช่วงล่างของเธอร่วงลงจนเห็นรอยยิ้มที่ฉีกเป็นวงกว้าง หยีตาโค้งเป็นเสี้ยวพระจันทร์
‘ฟิ้ว…’ เสียงคุ้นหูดังขึ้น
รถเฟอร์รารี่พร้อมประกายสีทองวิบวับแล่นเข้ามาในจอ ตามด้วยคำบรรยายสีสันสดใสใต้ภาพ
‘อีหยางไหลฟู่มอบเฟอร์รารี่ให้คุณ’
เหมียวเหมี่ยวเห็นเฟอร์รารี่สีแดงก็นิ่งอยู่สักครู่ คลี่ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ไม่ต้องส่งมาแล้วค่ะ ทุกคนไม่ต้องส่งของขวัญมาให้แล้วนะคะ โดยเฉพาะเฟอร์รารี่ จะว่าไปต่อให้ทุกคนส่งของขวัญกันมาเยอะฉันก็ได้เงินไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แล้วก็…คุณอีหยางไหลฟู่ คุณส่งเฟอร์รารี่ให้ฉันทุกครั้งเลย ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ต้องส่งมาแล้วนะคะ แค่ทุกคนดูไลฟ์อย่างมีความสุขก็รักษาอาการผัดวันประกันพรุ่งของฉันได้แล้วค่ะ”
เหมียวเหมี่ยวหันหน้าให้กล้อง พูดเยอะกว่าปกติมาก
“เหมียว…” เสียงแมวร้องดังขึ้นที่ขา เป็นแมวพันธุ์อเมริกันช็อตแฮร์ที่เธอเลี้ยงเอาไว้ เวลานี้มันกำลังพันแข้งพันขาของเหมียวเหมี่ยวอยู่ กวัดไกวหางเกี่ยวข้อเท้าของเธอ เหมียวเหมี่ยวจึงโน้มตัวลงไปเกาคางให้เสี่ยวทู่
“เสี่ยวทู่ มานี่สิ ทักทายคุณลุงคุณป้าหน่อยนะ” เหมียวเหมี่ยวอุ้มตัวเสี่ยวทู่ขึ้นมา พลางยกอุ้งเท้าของเจ้าเหมียวขึ้นโบกให้หน้ากล้อง โดยไม่สนใจที่มันเมินหน้าหนีเลยสักนิด
จู่ๆ คอมเมนต์ก็เลื่อนขึ้นอย่างรวดเร็ว
‘ว้าวๆๆ น่ารักจังเลย!’
‘เชื่องน่าดูเลยนะ!’
‘ความจริงเจ้าตัวนี้สินะที่เป็นเหมียวไก่ฉีกตัวจริง! ฮ่าๆๆๆ…’
…
เหมียวเหมี่ยวฟัดเสี่ยวทู่อยู่พักหนึ่งก็พลันนิ่งอึ้งกะทันหัน “ทำไมฉันถึงได้อู้งานอีกแล้วเนี่ย…ทำไมพวกคุณไม่เตือนฉันล่ะคะ?!”
เธอวางเสี่ยวทู่ลงกับพื้น เหมียวเหมี่ยวกระวีกระวาดคว้าเม้าส์ปากกาสเก็ตช์ภาพลงบนกระดานอิเล็กทรอนิกส์ต่อไป
‘ฟิ้ว…’ เป็นรถเฟอร์รารี่อีกคันหนึ่ง
‘อีหยางไหลฟู่มอบเฟอร์รารี่ให้คุณ’
เหมียวเหมี่ยวเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าที่มีหน้ากากปิดปากไว้นั้นค่อนข้างหงุดหงิด เธอสอดปากกาเข้าไประหว่างพวงแก้มกับหน้ากากปิดปากให้มีช่องระบายอากาศ ปากบ่นพึมพำ “ไม่ต้องส่งมาแล้วค่ะ ไม่ต้องส่งมาแล้วนะ แต่จะว่าไปแล้วฉันได้รับเฟอร์รารี่มาเยอะขนาดนี้แล้วก็ไม่มีของจริงสักคัน มันน่าโมโหนัก”
‘ฟิ้ว…’ เฟอร์รารี่คันที่สาม
‘อีหยางไหลฟู่มอบเฟอร์รารี่ให้คุณ’
“…” เหมียวเหมี่ยวจ้องหน้าจอแต่ไม่ได้พูดอะไร
กล่องคอมเมนต์ด้านข้างมีคอมเมนต์ของ ID ที่คุ้นตาเลื่อนขึ้นมา แม้ว่าจะเลื่อนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว แต่เหมียวเหมี่ยวก็เห็นและอ่านออกเสียงขึ้นมาอยู่ดี
“งั้นจะให้เป็นรถจริงๆ เลยแล้วกัน…ฮ่าๆๆ อย่ามาล้อเล่นหน่อยเลย เพื่อนนักเรียนอีหยางไหลฟู่ เขียนรายงานทำการบ้านให้ดีเถอะ สักวันต้องมีเฟอร์รารี่เป็นของตัวเองแน่ๆ!”
“งั้น…เอาตามนี้นะ…” เสียงของเหมียวเหมี่ยวเบาลงทุกขณะ “ใครจะไปรู้ว่าคอมเมนต์นั้นจะเป็นเรื่องจริงล่ะ…”
สวี่หลิงอวิ๋นเองก็รู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างมหัศจรรย์เสียเหลือเกิน “ไม่รู้ว่าควรจะดีใจที่เธอมีแฟนคลับเศรษฐีดี หรือว่าควรจะเห็นใจที่เธอมีแฟนคลับมาคลั่งไคล้ดี”
“…ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย…เรื่องแบบนี้ไม่น่ากลัวหรือไง ฉันว่าออกจะน่ากลัว!”
“ใช่ๆๆ แล้วเธอคิดจะแก้ปัญหายังไงล่ะ ไหนๆ ก็รู้ต้นเหตุของเรื่องนี้แล้วนี่ ทีนี้ก็จัดการได้ไม่ยาก”
เหมียวเหมี่ยวใคร่ครวญอยู่สักครู่แล้วออกความเห็นว่า “ถ้างั้น…คืนนี้ฉันจะไลฟ์…เพื่อพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน…หวังว่าเขาจะมารับรถกลับไปนะ”
“แฟนคลับเชื่อฟังคำพูดของไอดอลที่สุดอยู่แล้ว เธอทำสำเร็จแน่!” สวี่หลิงอวิ๋นให้กำลังใจอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก
เหมียวเหมี่ยวทอดถอนใจ “ถ้าฉันเป็นไอดอลจริงๆ ก็ไม่ต้องกลุ้มใจอย่างนี้หรอกน่า…”
เหมียวเหมี่ยววางสายแล้วก็ทำเหมือนอย่างเคย เธอโพสต์ประกาศแจ้งการไลฟ์สดไว้บนเวยป๋อแล้วดูเวลา ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลามื้อเที่ยงแล้ว เหมียวเหมี่ยวเดินไปยังห้องรับแขก เมื่อเคาะชามข้าวแมวเสี่ยวทู่ก็ออกมาจากใต้โซฟา มันนั่งรอให้เหมียวเหมี่ยวเทอาหารให้ที่ข้างชามข้าว เมื่อเหมียวเหมี่ยวเทอาหารแมวลงในชามเสร็จก็เติมน้ำลงไปในเครื่องให้น้ำแมว ตอนที่เหมียวเหมี่ยวเริ่มเทอาหารแมว เสี่ยวทู่ก็พาดศีรษะลงบนชามข้าว ในลำคอส่งเสียงครางครืดๆ อย่างพึงพอใจ ก่อนจะลงมือกินมื้อกลางวันพลางสะบัดหางอย่างเชื่องช้า
เหมียวเหมี่ยวย่อตัวลงมองอยู่ข้างๆ สักพัก ก็ลูบศีรษะของมัน “ฉันจะออกไปซื้อข้าวกลางวัน ค่อยๆ กินไปนะ”
เธอไม่ได้รับความสนใจจากมันเหมือนที่คาด เหมียวเหมี่ยวเองก็ชินแล้ว เธอล้วงกระเป๋ากางเกงดูก็พบว่ามีแบงก์ยี่สิบหยวนอยู่สองใบ จากนั้นก็พกกุญแจกับมือถือออกจากห้องไป
ย่านพักอาศัยของบ้านเหมียวเหมี่ยวค่อนข้างเล็ก เป็นลักษณะเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ทั้งหมด มีแค่สองอาคาร ห้องที่เหมียวเหมี่ยวเช่าไว้เป็นอพาร์ตเมนต์ขนาดย่อมที่มีชั้นลอย พื้นที่ใช้สอยประมาณเก้าสิบตารางเมตร หนึ่งเดือนเป็นเงินห้าพันกว่าหยวน ที่ตั้งของอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ค่อนข้างไกลจากตัวเมือง ละแวกใกล้เคียงก็ไม่มีภัตตาคารหรือร้านขายอาหาร
โชคดีที่ชั้นล่างสุดของอาคารที่เหมียวเหมี่ยวอยู่มีร้านขายก๋วยเตี๋ยว ก๋วยเตี๋ยวน้ำ ก๋วยเตี๋ยวผัด ข้าวผัด หรืออาหารจานเดียวก็ยังมี แถมยังรสชาติดีเป็นพิเศษด้วย ใช้คำว่าอาหารเลิศรสราคาถูกจะเหมาะสมที่สุด ปกติแค่โทรมา ผู้ช่วยของเถ้าแก่ร้านก็จะทำหน้าที่คนส่งอาหารมาส่งอาหารด้วยตัวเอง สะดวกดีทีเดียวล่ะ
แต่วันนี้…
‘มีธุระข้างนอก พรุ่งนี้จะเปิดบริการอีกครั้ง ขออภัยในความไม่สะดวก’ ตัวหนังสือบรรทัดหนึ่งเขียนไว้บนกระดานขนาดใหญ่ แขวนอยู่บนมือจับที่ปิดล็อกไว้อย่างแน่นหนา
เหมียวเหมี่ยวยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยสีหน้าคับแค้นใจ มองเข้าไปในร้านก๋วยเตี๋ยวก็มีแต่ความมืดสนิท ทว่าก็ยังเห็นเมนูอาหารที่อยู่บนโต๊ะและบนผนังได้
แล้วมื้อกลางวันของเธอล่ะ! ยังมีอะไรเลวร้ายไปกว่าการที่เด็กสาวติดบ้านคนหนึ่งสูญเสียอาหารเลิศรสที่เพียงออกจากบ้านก็ได้กินซึ่งเธอฝากท้องเอาไว้เป็นประจำอีกหรือเปล่า?!
เหมียวเหมี่ยวรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นจากสายลมอบอุ่นในช่วงปลายฤดูร้อนต้นฤดูใบไม้ร่วง เธอสูดลมหายใจเข้าอย่างรวดเร็ว ติดกระดุมเสื้อถัก สอดมือทั้งสองข้างเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ เตะก้อนหินเล็กๆ ด้วยรองเท้าหนีบ สุดท้ายนิ้วโป้งเท้าก็กระแทกเข้ากับก้อนหิน เธอเจ็บจนแทบจะร้องไห้ออกมา
เหมียวเหมี่ยวไม่มีรถ ยานพาหนะของเธอก็คือรถเมล์สาธารณะที่รัฐบาลหยิบยื่นให้
นั่นหมายความว่าเธอไม่สามารถไปยังร้านอื่นที่อยู่ไกลจากที่นี่ได้อย่างสะดวกสบายนัก เธอขดตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของผนัง เหมียวเหมี่ยวดูแอพฯ สั่งอาหารของร้านค้าที่ใกล้ที่สุดคืออีกสองกิโลเมตรกว่า เธอสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกได้ถึงความโหดร้ายของสายลมฤดูร้อนในเดือนกันยายน
เมื่อดูเวลาจัดส่งโดยประมาณอีกครั้ง อย่างน้อยก็อีกตั้งหนึ่งชั่วโมง เหมียวเหมี่ยวถอนหายใจด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง เธอหิวมากๆ อีกทั้งต้องรอนานขนาดนั้นถึงจะได้กินมื้อกลางวัน และไม่แน่ว่าอาหารที่มาส่งจะเย็นไปหมดแล้วก็ได้ สู้กลับไปกินอาหารกระป๋องสำหรับแมวไม่ได้ด้วยซ้ำ!
ภายในลิฟต์ของตัวอาคาร เหมียวเหมี่ยวยืนแนบศีรษะกับกำแพง ครุ่นคิดด้วยความหมดอาลัยตายอยากว่าทำไมเธอถึงเช่าอพาร์ตเมนต์ที่ห่างไกลจากตัวเมืองขนาดนี้
คำตอบง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ ก็เพราะมันถูกยังไงล่ะ!
พื้นที่ในเมืองราคาสูงลิบ ตั้งแต่ยกระดับเป็นเมืองขนาดใหญ่ ราคาห้องพักก็แพงขึ้นจนน่ากลัว เหมียวเหมี่ยวเป็นคนรักสบาย จ่ายค่าเช่าเดือนละห้าพันหยวนเท่าๆ กัน แต่ถ้าอาศัยอยู่ในทำเลดีๆ ก็คงจะเป็นห้องนอนเดี่ยวขนาดไม่เกินยี่สิบกว่าตารางเมตร และอาจจะต้องเช่ารวมอยู่กับคนอื่นด้วย แต่ว่าเขตเศรษฐกิจเกาซินที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ เงินจำนวนห้าพันหยวนนี้รวมค่าน้ำค่าไฟ ฮีตเตอร์ไฟฟ้า มีส่วนกลางที่สามารถใช้ได้ทุกเมื่อ อนุญาตให้เลี้ยงแมวได้ และห้องสองชั้นที่มีพื้นที่ใช้สอยเก้าสิบตารางเมตร นี่เป็นสิ่งที่เธอไม่มีทางได้มาถ้าอยู่ใจกลางเมือง แล้วเหมียวเหมี่ยวเองก็วาดการ์ตูนอยู่ติดบ้านไม่ไปไหน ไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ในทำเลดีๆ ก็ได้
เหตุผลเหล่านั้นจึงกลายเป็นความแร้นแค้นที่ต้องเผชิญในตอนนี้
เหมียวเหมี่ยวกลับไปที่ห้อง อุ้มเสี่ยวทู่ขึ้นมาร้องไห้พร่ำพรรณนาความโชคร้ายของตัวเอง สุดท้ายก็เกาคางของเสี่ยวทู่แล้วอ้อนวอนว่า “เสี่ยวทู่ อนุญาตให้ฉันกินอาหารของแกสักกระป๋องได้หรือเปล่า”
เสี่ยวทู่ถูกเธอเกาจนเงยหน้าพลางหรี่ตาลง ส่งเสียงครืดคราดด้วยความสบาย
เหมียวเหมี่ยวเออออกับตัวเองแล้วพยักหน้า “เหรอจ๊ะ รู้อยู่แล้วเชียวว่าเสี่ยวทู่ใจกว้างจะตายไป”
เธอลุกขึ้นมาหาข้าวที่กินเหลือจากเมื่อวาน หยิบอาหารแมวกระป๋องรสทูน่าผสมกุ้งออกมา หลังจากเอาใส่หม้ออุ่นให้ร้อนก็เทซีอิ๊วกับเกลือเพื่อปรุงรส จากนั้นถึงได้เทลงบนข้าวสวยที่อุ่นไว้ ข้าวราดหน้าอาหารแมวรสทูน่าผสมกุ้งร้อนระอุก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
สมบูรณ์แบบ!
เหมียวเหมี่ยวถ่ายรูปอาหารกลางวันด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย นึกปลอบใจตัวเองแล้วโพสต์รูปลงบนเวยป๋อพร้อมแคปชั่น
‘แถ่นแท้น อาหารกลางวันวันนี้ได้แก่ข้าวราดอาหารแมว ฉันกลายเป็นแมวซะแล้ว น่ากลัวจังเลย แถมยังเป็นทูน่าไม่ใช่ไก่ฉีกซะด้วย น่าโมโหจริงๆ อย่าถามฉันเลยนะว่าทำไมถึงได้กินอาหารแมว…ฉันไม่ได้ตั้งใจแย่งนายท่านเสี่ยวทู่กินจริงๆ นะคะ!’
คอมเมนต์มาอย่างรวดเร็ว เหมียวเหมี่ยวชิมข้าวได้คำหนึ่งก็พบว่าอร่อยไม่ใช่เล่น เคี้ยวหมุบหมับอยู่ได้สองคำก็คาบช้อนประคองมือถือดูคอมเมนต์ของเหล่าแฟนคลับ
‘ดูน่ากินมากๆ เลย’
‘แมวเหมียวเป็นอะไรไปคะ ยีนเปลี่ยนไปเหรอ’
‘ในฐานะที่เป็น บ.ก. ของแมวเหมียว…ฉันพอจะเดาออกอยู่นะว่าเกิดอะไรขึ้นกับแมวติดบ้าน’
ข้อความล่าสุดสวี่หลิงอวิ๋นเป็นคนส่งมา
เหมียวเหมี่ยวคาบช้อนจนเมื่อยปาก ก่อนจะวางมันลงส่งๆ เพื่อตั้งใจใช้นิ้วพิมพ์ตอบกลับสวี่หลิงอวิ๋น ทันใดนั้นก็เห็นว่าเสี่ยวทู่กระโดดขึ้นมาบนโต๊ะกินข้าวแล้วมานั่งอยู่ข้างหน้าเหมียวเหมี่ยว จดจ้องจะเขมือบข้าวราดอาหารแมวที่อยู่ในจาน
เหมียวเหมี่ยวถ่ายรูปเสี่ยวทู่ด้วยความว่องไว จากนั้นก็ตอบกลับสวี่หลิงอวิ๋นว่า
‘ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างล่างปิดน่ะ บ้านไกลตัวเมืองเกินไป…แถมยังไม่มีรถอีก ไม่อยากสั่งอาหารมาก็เลย…ฉันล่ะกลัวสีหน้าของเสี่ยวทู่ตอนนี้จัง…(รูปภาพ)’
ไม่นาน สวี่หลิงอวิ๋นก็แคปข้อความที่ตอบเธอกลับไปในโพสต์นั้นมาแชร์ต่อ
‘ฮ่าๆๆ…ที่บริษัทมีเฟอร์รารี่รอให้เธอรีบมาขับไปอยู่นะ (อีโมจิเทียน)’
เรื่องที่แฟนคลับเศรษฐีซื้อเฟอร์รารี่ให้เหมียวเหมี่ยวไม่ใช่ความลับอะไร หลายคนรู้กันหมดแล้ว ต้องโทษสวี่หลิงอวิ๋นคนขี้เม้าท์ เหมียวเหมี่ยวกลอกตาขึ้นครั้งหนึ่งแล้วตอบเธอกลับไปว่า
‘ไปเลยนะ’
เหมียวเหมี่ยววางมือถือเอาไว้ข้างๆ แล้วตั้งอกตั้งใจกินข้าว จากนั้นก็เผชิญหน้ากับสายตาประหนึ่งเปลวเพลิงของเสี่ยวทู่ เหมียวเหมี่ยวกินช้าลงทุกทีเพราะได้รับความกดดันอย่างรุนแรง สุดท้ายก็เหลือเอาไว้หนึ่งในสาม เธอไม่กล้ากินต่อแล้วจริงๆ จึงใช้พลาสติกแร็พครอบจานข้าวเอาไว้แล้วหยิบใส่ตู้เย็น “เอาล่ะๆ ฉันกลัวแล้ว เพิ่งกินอาหารเม็ดไปเอง จะกินอีกไม่ได้แล้วนะ เอาไว้ให้กินตอนกลางคืนโอเคมั้ย”
“เหมียว…” เสี่ยวทู่ตอบรับด้วยเสียงออดอ้อน กระโดดลงจากโต๊ะแล้วขึ้นไปขดตัวนอนหลับบนโซฟา
เหมียวเหมี่ยวเปิดเวยป๋อขึ้นมาอีกครั้ง ทิศทางของคอมเมนต์เริ่มจากถามว่าอาหารแมวอร่อยหรือเปล่า ไม่ก็ทำไมกินอาหารแมว เปลี่ยนเป็นการอวยพรแทน ทำเอาเธอโมโหจนอยากจะเขวี้ยงมือถือ
ผลกระทบจากเรื่องนี้ทำให้เหมียวเหมี่ยวเลิกคิดกระทั่งเรื่องเฟอร์รารี่ และหันไปวาดสตอรี่บอร์ดแต่โดยดี เพื่อกลางคืนจะได้ไลฟ์สดสเก็ตช์ภาพได้
คืนนั้นเหมียวเหมี่ยวสั่งอาหารให้มาส่งล่วงหน้าหนึ่งชั่วโมง
เวลาสองทุ่มครึ่ง เธอเริ่มไลฟ์สดตรงเวลา
เพิ่งจะออนไลน์ ห้องไลฟ์สดของเหมียวไก่ฉีกก็มีคนดูเพิ่มขึ้นมากถึง 10,000 กว่าคน สร้างสถิติใหม่ให้จำนวนคนดูไลฟ์สดของเหมียวไก่ฉีก
เหมียวเหมี่ยวค่อนข้างประหลาดใจว่าเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายยังไม่ทันได้พูดอะไรก็เห็นคอมเมนต์จำนวนมากที่ถามว่า
‘รถเที่ยวชมจากกระทู้เด็ดโต้วหยา ต่อคิวรอขึ้นรถ ระมัดระวังความปลอดภัยด้วยล่ะ’
‘กลุ่มผู้เข้าชมมาถึงที่หมาย’
‘อยากรู้จังว่าเฟอร์รารี่ขับง่ายหรือเปล่า’
…
เหมียวเหมี่ยวตาค้างอ้าปากหวอ พูดตะกุกตะกักกับไมโครโฟน “อะ…อะไรกันคะเนี่ย ละ…แล้วแฟนคลับฉันล่ะคะ แฟนคลับฉันอยู่ไหนกัน”
ปกติแล้วถ้าเธอตะโกนออกไปแบบนี้ แฟนคลับของเหมียวไก่ฉีกก็จะเผยตัวออกมา แต่วันนี้ทิศทางลมไม่ได้เป็นไปตามที่ใจของเหมียวเหมี่ยวหวังไว้
‘ได้เห็นแมวเหมียวดังใหญ่เพราะเฟอร์รารี่ ความรู้สึกร้อยแปดพันเก้ามารวมกันหมดเลยล่ะ’
‘แมวเหมียวเป็นคนมีเฟอร์รารี่ขับแล้ว สมแล้วที่เป็นไอดอลของฉัน’
‘ทุกคนมาทายกันดูไหมว่าใช่นายท่านอีหยางไหลฟู่ส่งให้หรือเปล่า…’
…
ไม่ว่าใครจะเป็นคนส่งมา การส่งเฟอร์รารี่มาไม่ใช่เรื่องดีเลย! เหมียวเหมี่ยวเอนศีรษะมองไปหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง ไม่ได้พูดอะไรอยู่เป็นนานสองนาน ในขณะที่บรรดาแฟนคลับต่างคิดว่าพวกเขาทำให้เหมียวไก่ฉีกโมโหเข้าให้แล้ว เหมียวเหมี่ยวก็เอ่ยขึ้น
“อะแฮ่ม…เอ่อ คือ…มีคนดูเป็นหมื่นคน ฉันก็เลยตกใจน่ะค่ะ ให้ฉันผ่อนคลายหน่อยนะคะ” เหมียวเหมี่ยวนั่งยืดตัวตรง ขยับหน้ากากปิดปากให้เข้าที่ “คืออย่างนี้นะคะ ไลฟ์วันนี้ฉันมีอะไรอยากจะพูด เพื่อไม่ให้ฉันอู้งาน ฉันจะสเก็ตช์ภาพก่อน วาดเสร็จแล้วจะเล่าให้ฟังนะคะ”
เพราะว่ามีเรื่องในใจ เหมียวเหมี่ยวจึงมีสมาธิมาก เธอสเก็ตช์ภาพที่ต้องทำในวันนี้เสร็จอย่างรวดเร็ว เมื่อสเก็ตช์ภาพเสร็จ เหมียวเหมี่ยวก็นำภาพวางไว้อีกมุมหนึ่ง ปรับกล้องเล็กน้อย นั่งตัวตรง แล้วเอ่ยปากพูด
เพียงแค่เอ่ยปากพูดก็รู้สึกได้ว่ามีเสมหะในลำคอ เหมียวเหมี่ยวรีบกระแอมเบาๆ แล้วเอ่ยอย่างประดักประเดิดว่า “ขอโทษด้วยนะคะ เปิดแอร์แรงไปก็เลยคอแห้ง ฉันขอตัวไปดื่มน้ำหน่อยนะ”
เหมียวเหมี่ยวลุกขึ้นไปรินน้ำ ถอดหน้ากากปิดปากออก เห็นเสี่ยวทู่เข้ายึดที่นั่งของเธอ เธอก็เลยอุ้มมันวางไว้บนเข่า เดี๋ยวเดียวเสี่ยวทู่ก็กระโดดผละออกไปอีกครั้ง เหมียวเหมี่ยวโกรธจนเผลอพองลมที่แก้ม “ค่ะ ฉันกลับมาแล้ว” เธอถอนหายใจออกมาแล้วจึงพูดกับคนดู
“ฉันรู้นะคะว่า…เรื่องที่ฉันได้รับเฟอร์รารี่ทำให้ฮือฮากันไปหมด คนที่ดูอยู่ตรงนี้ส่วนหนึ่งมาเพราะเรื่องนี้กันสินะคะ สรุปว่าฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนส่งมาให้ ตอนนี้รถคันนั้นจอดอยู่ที่ลานจอดรถใต้ดินของลู่ซื่อเหวินฮว่า…ฉันไม่เคยแตะมันเลย อีกอย่างฉันก็เอามาขับไม่ได้และไม่มีคุณสมบัติอะไรที่จะขับซูเปอร์คาร์ แน่นอนว่าฉันขอบคุณแฟนคลับที่ส่งมันมาให้ฉันนะคะ ฉันขอรับน้ำใจคุณเอาไว้ แต่ฉันรับรถเอาไว้ไม่ได้ค่ะ และด้วยความสามารถในการวาดรูปของฉันก็ใช้ตอบแทนไม่ได้ด้วยซ้ำ”
เหมียวเหมี่ยวเอ่ยช้าๆ “ฉันสาบานกับทุกคนที่อยู่ตรงนี้ว่าฉันไม่เคยขอของขวัญจากใคร ยิ่งเป็นเฟอร์รารี่ยิ่งแล้วใหญ่ อีกอย่างหนึ่งฉันก็ไม่ได้รู้จักอีกฝ่ายด้วย ไม่รู้กระทั่งว่าเขาเป็นใคร ฉะนั้นเรื่องที่อีกฝ่ายจีบฉันอยู่ก็ไม่มีทางเช่นกัน ฉันไม่รับรักจากคนที่ฉันไม่รู้จักอยู่แล้วค่ะ ฉันเชื่อว่าเป็นความหวังดีของแฟนคลับ แต่ว่าฉันรับไว้ไม่ได้จริงๆ ขอโทษด้วยนะคะ”
ข่าวโคมลอยมักจะมีอยู่เสมอ เหมียวเหมี่ยวตั้งอกตั้งใจตอบทุกคอมเมนต์ “หวังว่าต่อไปทุกๆ คนจะไม่ส่งของขวัญมาอีก ตอนไลฟ์ก็อย่าส่งมาเลยนะคะ ฉันจะปิดเอฟเฟ็กต์ตอนส่งของขวัญ อย่างนี้ก็จะไม่เห็นของขวัญที่พวกคุณส่งมาแล้ว หวังว่าทุกคนจะเข้าใจนะคะ ความตั้งใจเดิมที่ฉันเริ่มไลฟ์ก็เพื่อหวังว่าทุกคนจะตั้งใจทำงานทุกชิ้นของตัวเองจนเสร็จ นักเรียนได้ตั้งใจเรียน ทุกคนให้กำลังใจกันและกัน แล้วก็ช่วยรักษาอาการขี้เกียจของตัวเองได้ด้วย ไม่ใช่ผลกำไรอะไร ฉันทำตามเจตนาเดิมมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นอย่าส่งมาเลยนะคะ”
เหมียวเหมี่ยวหยุดชะงัก ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า “สุดท้ายแล้วหวังว่าเพื่อนที่เป็นคนส่งรถยนต์มาจะมารับรถคืนไปนะคะ…ดูสิ คุณมีเงินขนาดนี้ ฉันยังยินดีจะเป็นเพื่อนกับคุณเลยนะ คิกๆๆ ไม่ต้องส่งของมีค่าขนาดนี้มาหรอกค่ะ ฮ่าๆๆๆ”
สุดท้ายก็ตอบคำถามของแฟนคลับอีกนิดหน่อย เหมียวเหมี่ยวจึงถือโอกาสนี้โฆษณาหนังสือใหม่ของตัวเองเสียเลย “อีกอย่าง เอ่อ…‘ผู้กล้าบุกอาณาจักรแมว 3’ จะวางขายแล้ว ช่วงนี้ฉันเซ็นโปสการ์ดอยู่ค่ะ…มีตั้งพันใบแน่ะ แขนฉันจะหักอยู่แล้ว หวังว่าทุกคนจะไปซื้อกันนะคะ สุดท้ายฉันต้องขอบคุณการสนับสนุนของทุกคนอีกครั้ง เหมียวไก่ฉีกรักพวกคุณนะคะ!”
ไลฟ์จบไป เหมียวเหมี่ยวถอนหายใจยาวเหยียด ปิดคอมพิวเตอร์แล้วปีนขึ้นเตียงมาเล่นมือถือ ข้างๆ คอมพิวเตอร์มีโปสการ์ดปึกหนาวางอยู่ นอกจากรูปภาพองค์หญิงจากการ์ตูนในเวอร์ชั่นจิบิแล้ว ส่วนอื่นเป็นพื้นที่ว่าง เหมียวเหมี่ยวยังไม่ได้เซ็นเลยสักแผ่น อาการขี้เกียจก็กำเริบอีกแล้ว
เหมียวเหมี่ยวเปิดดูข้อความส่วนตัวในเวยป๋อ เริ่มค้นว่ามีข้อความอะไรที่เป็นประโยชน์บ้างหรือเปล่า เหตุเพราะปกติแล้วเธอตั้งค่าไว้ไม่ให้แจ้งเตือนข้อความ เหมียวเหมี่ยวจึงไม่เห็นข้อความที่ชาวเน็ตส่งมาหาเธอเป็นการส่วนตัว ข้อความเยอะเกินไปจะรบกวนเธอได้ง่าย
เพียงแค่ค้นดู ก็เห็นข้อความล่าสุดที่เพิ่งส่งเข้ามา
อีกฝ่ายใช้รูปโพรไฟล์สีขาวล้วนและใช้ชื่อ ‘อีหยางไหลฟู่’ เหมียวเหมี่ยวสะดุ้ง กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง รีบร้อนกดเข้าไปดู
‘สวัสดีเหมียวไก่ฉีก ผมอีหยางไหลฟู่ เป็นคนส่งรถคันนั้นไปเอง’
เหมียวเหมี่ยวแทบจะหยุดหายใจ กดเปิดหน้าหลักเวยป๋อของอีกฝ่ายเพื่อเช็กดูด้วยมือที่สั่นเทา ในที่สุดก็พบว่าเขาเป็นหนึ่งในจำนวนแฟนคลับของเธอนี่เอง แอ็กเคานต์นี้ไม่เคยโพสต์อะไรในเวยป๋อเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกฝ่ายคืออีหยางไหลฟู่จริงหรือเปล่าก็ยากจะแน่ใจได้
เหมียวเหมี่ยวถามไปกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อว่า
‘ตัวจริงหรือเปล่า’
ผลลัพธ์คืออีกฝ่ายส่งรูปภาพมาหลายรูป สามรูปแรกเป็นเฟอร์รารี่ 488 สีแดงคันนั้นในมุมต่างๆ เหมียวเหมี่ยวเคยเห็นรูปของรถคันนั้นมาก่อน เป็นรุ่นเดียวกันจริงๆ ภาพที่สี่และห้าก็ยิ่งปวดหัว ภาพที่สี่เป็นใบเสร็จการซื้อรถ บนนั้นมีเลขตัวถังชัดเจน ภาพที่ห้าเป็นหัวกระดาษของสัญญาซื้อขาย เห็นชื่อศูนย์ 4S กับที่อยู่ที่ซื้อรถคันนี้มา แต่ที่ไม่น่าแปลกใจเลยก็คือข้อมูลของผู้ซื้อรถถูกโมเสกจนเบลอไปหมด
เหมียวเหมี่ยวอึ้งอยู่นาน ถึงได้รีบร้อนแชร์รูปเหล่านั้นให้สวี่หลิงอวิ๋น ถามเธอผ่านเวยป๋อ
‘มานี่เร็วเข้า บอกฉันหน่อยว่าใช่เลขตัวถังของเฟอร์รารี่คันนั้นหรือเปล่า!’
พักใหญ่สวี่หลิงอวิ๋นถึงได้ตอบเธอกลับมา
‘ไม่รู้เหมือนกัน ฉันต้องถาม บ.ก. ใหญ่’
เพราะว่าไม่มีทะเบียนรถก็เลยมีแค่เลขตัวถังอย่างเดียวที่จะระบุรถคันนี้อย่างชัดเจนได้ บรรณาธิการใหญ่เป็นคนทำอะไรระมัดระวัง ออกไปถ่ายเลขตัวถังของรถคันนี้เอาไว้โดยเฉพาะ พอสวี่หลิงอวิ๋นมาถาม ก็เห็นเป็นเลขตัวถังนี้จริงๆ เสียด้วย
หลังจากบอกข่าวนี้กับเหมียวเหมี่ยวแล้ว เหมียวเหมี่ยวก็เชื่อไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เธอกระวีกระวาดตอบอีหยางไหลฟู่ว่า
‘คุณเป็นคนส่งมาจริงๆ ด้วย…ขอโทษด้วยนะคะ เมื่อกี้ไปดูเลขตัวถังมาน่ะ เอ่อ…ขอบคุณความหวังดีของคุณมากเลย แต่คุณมารับรถกลับไปได้หรือเปล่าคะ’
อีหยางไหลฟู่ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
‘ไม่ได้’
เหมียวเหมี่ยวร้อนใจ
‘ทำไมล่ะคะ รถคันนี้แพงจะตาย คุณคงจะเสียดาย…ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ’
‘ไม่ต้องเสียดายเงินหรอก ผมมีเยอะ’
มันน่าโมโหนัก!
ผ่านไปสักครู่อีกฝ่ายก็ตอบกลับมา
‘อีกอย่างนึง คุณก็จำเป็นต้องใช้รถ’
‘ฉันไม่จำเป็นต้องใช้รถนะ…’
‘คุณจำเป็นต้องใช้สิ ไม่อย่างนั้นจะกินอาหารแมวทำไมล่ะ’
น่าโมโห! โอ๊ย…มันน่าโมโหจริง! ถ้าเหมียวเหมี่ยวรู้ว่าคนคนนี้เป็นใคร เธอก็อยากจะไปต่อยเขาที่บ้านสักหมัด
เหมียวเหมี่ยวสูดลมหายใจเข้าอยู่หลายเฮือก เมื่อสงบจิตสงบใจลงได้แล้วก็เอ่ยตอบเขา
‘ขอบคุณความหวังดีของคุณจริงๆ นะคะ แต่ฉันรับของขวัญแพงขนาดนี้ไม่ได้หรอก ฉันไม่ได้มีค่าถึงขั้นที่คุณจะส่งของขวัญราคาแพงขนาดนี้มาให้ จริงๆ นะคะ ชีวิตนี้ฉันอาจจะหาเงินมาซื้อเฟอร์รารี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นจริงๆ ค่ะ กรุณารับกลับไปด้วยนะคะ’
‘คุณรับเอาไว้ได้นะ’
‘ฉันรับเอาไว้ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันไม่ได้ช่วยอะไรคุณมากมายเลย แล้วก็ไม่ได้หาเงินให้คุณสักนิด ด้วยราคาของเฟอร์รารี่ คุณให้รถราคาแพงขนาดนี้ มันแปลกเกินไปจริงๆ ค่ะ’
‘ไม่แปลกนะ คุณช่วยผมเอาไว้’
เหมียวเหมี่ยวเห็นประโยคนี้ก็อึ้งอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
อีกฝ่ายยังส่งข้อความมาอีกว่า
‘ที่คุณให้ผมมามันมีค่ามากกว่ารถคันนี้สิบเท่า ร้อยเท่า คุณไม่ต้องคิดว่ารับเอาไว้ไม่ได้หรอก นี่เป็นสิ่งที่คุณควรจะได้’
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน คำพูดนี้แปลกจริงๆ เหมียวเหมี่ยวมีเหงื่อเย็นๆ ไหลอยู่ตลอดเวลา ในห้องหนังสืออันอบอุ่น เหมียวเหมี่ยวกลับรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็น อย่าบอกนะว่าคนคนนี้แอบรักเธอมานานมากแล้ว แต่คำพูดนี้ก็ทำให้เข้าใจผิดได้ง่ายจริงๆ นั่นแหละ
‘หมายความว่ายังไง’
‘คุณทำให้ผมมีแรงผลักดันในการทำงานมากขึ้นน่ะ เพราะคุณ ผมเลยปิดยอดคำสั่งซื้อได้หลายเจ้าเชียวล่ะ รวมกันแล้วก็ยังมากกว่ามูลค่าของรถคันนี้เป็นไหนๆ รถคันนี้ถือว่าเป็นเงินปันผลให้คุณก็แล้วกัน’
ยิ่งชวนให้เข้าใจผิดไปกันใหญ่ อะไรกัน เธอทำให้เขามีแรงผลักดันในการทำงาน! ที่บอกว่าเพราะเธอคืออะไรกัน!
เหมียวเหมี่ยวรีบร้อนคลิกเข้าไปที่รูปโพรไฟล์ดูเพศของอีกฝ่าย พอมั่นใจแล้วว่าเป็นผู้ชายจริงๆ ก็ยังไม่วางใจอยู่ดี เอ่ยถามขึ้นอีก
‘คุณเป็น…ผู้ชายจริงๆ ใช่หรือเปล่า’
‘ใช่ครับ’
เหมียวเหมี่ยวถึงได้โล่งใจขึ้นหน่อย อย่างน้อยก็มั่นใจได้แล้วว่าเป็นผู้ชาย ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีในเรื่องแปลกประหลาดเรื่องหนึ่ง
ไม่สิ ไม่! เธอคิดอะไรของเธอน่ะ…
เหมียวเหมี่ยวตบหน้าตัวเอง พลิกตัวแล้วเอียงคอ นอนตกตะลึงอยู่บนเตียง
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้เขามารับเฟอร์รารี่คันนี้กลับไปให้ได้ อีกอย่างจะต้องขอให้เขาอย่าส่งของขวัญมาอีก
เหมียวเหมี่ยวพูดซ้ำไปซ้ำมา
‘ขอโทษด้วยนะคะ ขอบคุณน้ำใจของคุณจริงๆ แต่ว่ารถคันนี้แพงเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ ทำยังไงคุณถึงจะมาเอากลับไปคะ…’
‘ผมไม่มีทางไปรับคืนหรอก’
เหมียวเหมี่ยวแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว
‘ขอร้องเถอะนะคะ ฉันรับไว้ไม่ได้ รับไว้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ!’
อีกฝ่ายไม่ได้ตอบกลับมาเป็นเวลานาน เหมียวเหมี่ยวเห็นว่าข้อความถูกอ่านแล้ว ประเมินได้ว่าอีกฝ่ายคงจะกำลังพิจารณาอยู่ จึงบังคับให้ตัวเองสงบลง รอคอยอย่างว่าง่าย
สักพักใหญ่ๆ อีหยางไหลฟู่ก็ตอบเธอกลับมา
‘ผมเอารถกลับมาก่อนก็ได้ แต่ยังไงผมก็จะต้องขอบคุณคุณให้ได้ ได้โปรดรับของขวัญเอาไว้สักอย่างนะครับ คุณช่วยผมได้มหาศาลเลย ถ้าผมไม่ได้ให้อะไรคุณเลยผมจะไม่สบายใจน่ะ’
เหลือเชื่อเลย
เหมียวเหมี่ยวติดยศให้อีหยางไหลฟู่
เขาดื้อดึงออกอย่างนี้ เหมียวเหมี่ยวจึงตอบเขาไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
‘ได้ค่ะ’
‘งั้นคุณชอบรถยี่ห้ออะไรล่ะ’
ทำไมถึงได้กลับมาที่หัวข้อรถนี่อีกแล้ว เหมียวเหมี่ยวไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง
‘ทำไมถึงได้ถามถึงรถอีกล่ะคะ’
‘เพราะให้ง่ายไงล่ะ’
อีกฝ่ายตอบมาเพียงเท่านี้
เหมียวเหมี่ยวอยากเขวี้ยงมือถือทิ้งเสียจริง ใครเขาให้รถกันง่ายๆ ยะ! ต้องจดทะเบียน แถมยังต้องดูแลรักษา สู้หาแฟนหนุ่มให้เสี่ยวทู่สักตัวก็ไม่ได้!
ตอนนี้เหมียวเหมี่ยวไม่อยากสิ้นเปลืองเวลากับเขาอีกต่อไป เธอเอ่ยถามอย่างจนใจ
‘จะต้องให้รถให้ได้เลยเหรอคะ’
‘ใช่ครับ ไม่อย่างนั้นคุณก็จะกินอาหารแมวอีก’
เลิกพูดถึงเรื่องอาหารแมวได้หรือเปล่า…
‘งั้น…ให้รถที่ราคาถูกหน่อยได้หรือเปล่า’
‘ได้สิ แล้วแต่คุณเลือกเลย’
เหมียวเหมี่ยวคัดกรองยี่ห้อธรรมดาในสมองรอบหนึ่ง
‘งั้นเป็น QQ สักคันก็แล้วกัน’
‘ขอโทษนะ ผมไม่มี QQ’
ชิชะ เห็นรถหรูชินตาจนไม่มี QQ แล้วเหรอ เหมียวเหมี่ยวเกือบจะเขวี้ยงมือถือทิ้งแล้ว
‘แพนด้า’
‘ไม่มี’
เหมียวเหมี่ยวยิ้มเย็นพลางพิมพ์ยี่ห้อสุดท้ายลงไป นายเศรษฐีคนนี้ทั้งๆ ที่สัมผัสรถยนต์บนโลกมนุษย์มาตั้งมากมาย แต่รู้จักแค่เฟอร์รารี่ยี่ห้อเดียวเนี่ยนะ
‘โฟล์กสวาเกนก็แล้วกัน รุ่นธรรมดาที่สุดก็พอนะ’
‘ได้สิ’
สายตาของเธอเห็นว่าอีกฝ่ายตอบรับอย่างรวดเร็วขนาดนี้ เหมียวเหมี่ยวก็พลันทำตัวไม่ค่อยถูก หวาดกลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจความหมายผิดไป จึงย้ำอีกรอบหนึ่ง
‘เอารุ่นที่ธรรมดาที่สุดแล้วก็ถูกที่สุดเท่านั้นนะ ไม่เอาทัวร์เรกไม่เอาเฟย์ตอน! แล้วก็ไม่เอารถหรูราคาเป็นล้าน! ขอร้องล่ะนะ!’
เหมียวเหมี่ยวเหนื่อยใจ ถึงขั้นขอร้องไม่ให้เขามอบรถยนต์คันหรูให้กับเธอ
‘ผมรู้แล้ว’
ในที่สุดก็คุยกันลงตัว เหมียวเหมี่ยววางใจได้เสียที พอวางมือถือไว้อีกฝั่งหนึ่งก็อุ้มเสี่ยวทู่ที่นอนคว่ำอยู่ขึ้นมาลูบขนของมันพักหนึ่ง แล้วจึงรีบไปอาบน้ำ
ตอนนี้หน้าจอมือถือมีข้อความใหม่เด้งขึ้นมาเงียบๆ
‘งั้นพรุ่งนี้ผมจะให้คนเอารถไปส่ง แล้วก็เอารถคันนั้นกลับมา รวมถึงโอนกรรมสิทธิ์ให้คุณด้วย’
คืนนี้ประธานฟางทำงานหนักมาก อย่างกับว่าระยะนี้เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน กระตือรือร้นในการทำงาน จัดการเอกสารได้รวดเร็วว่องไว เอกสารเก่าที่สะสมเอาไว้ก็จัดการทีละเล็กละน้อยจนหมด เฉินตั๋วปลื้มปีติเสียเหลือเกิน
แต่ถ้าไม่ให้เขาอยู่ทำโอทีไปด้วยก็จะดีกว่านี้
ผู้ช่วยเฉินเห็นฟางไหลหยางเล่นมือถืออยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าเจือด้วยรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก เมื่อวางมือถือลง พอเห็นหน้าเขาใบหน้าก็พลันนิ่งขรึม เอ่ยกำชับว่า “ผู้ช่วยเฉิน พรุ่งนี้คุณไปเอารถที่คราวก่อนไปส่งไว้ที่ลู่ซื่อเหวินฮว่ากลับมา จากนั้นไปเลือกพาสสาตสักคัน ทำเรื่องให้เรียบร้อย”
เฉินตั๋วนิ่งอึ้ง สักครู่หนึ่งก็เข้าใจความหมายของฟางไหลหยาง “ให้คุณเหมียวไก่ฉีกคนนั้นเหมือนเดิมเหรอครับ”
“ใช่” ฟางไหลหยางจัดการเอกสารที่อยู่ข้างๆ เรียบร้อยแล้วก็ขยับคอยืดเส้นยืดสาย เอ่ยถามตามใจตนว่า “คุณว่าสีขาวดีหรือเปล่า เหมาะกับผู้หญิงมั้ย”
“ก็ดีนะครับ”
“งั้นสีขาวก็แล้วกัน ไม่ต้องปรับแต่งอะไรมากมาย สองแสนกว่าก็พอแล้ว เธอจะได้ไม่มาเปลี่ยนคืนอีก” ฟางไหลหยางกำชับ
เฉินตั๋วรับปากพลางจดงานเอาไว้ในบันทึกเพื่อกันลืม ผ่านไปเป็นนานถึงได้ถามขึ้นอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้น…ประธานฟาง คุณจะไม่ออกหน้าหน่อยเหรอครับ”
“ผมเหรอ” ฟางไหลหยางเลิกคิ้วมองเขา “ทำไมผมต้องไปด้วยล่ะ ผมไม่มีเวลาทำเรื่องพวกนั้นหรอก”
เฉินตั๋วยกมุมปากขึ้น “งั้น…ตอนที่คุณเหมียวไก่ฉีกทำเรื่องรถ ตัวตนของเธอก็จะ…”
“อ๋อ เรื่องนั้นไม่ต้องบอกผมหรอก ผมไม่ได้สนใจ” ฟางไหลหยางปฏิเสธอย่างไม่ไยดี
“…” นี่ดูไม่เข้ากับบทละครเลยสักนิด
เฉินตั๋วนึกตำหนิในใจ ประธานฟางใจป้ำซื้อเฟอร์รารี่ให้ขนาดนี้ นี่ไม่ใช่โอกาสของแฟนคลับผู้คลั่งรักหรือไงกัน ทำไมถึงได้เฉยชาขนาดนี้นะ…
“ผมแค่ชอบวิธีที่เธอให้กำลังใจผมทำงาน ชอบการ์ตูนของเธอก็เท่านั้น ไม่ได้สนใจว่าในชีวิตจริงเธอจะเป็นใคร หน้าตาเป็นยังไง รสนิยมเป็นแบบไหน เราสองคนเป็นเหมือนเส้นขนาน ได้พูดคุยกันห่างๆ ด้วยสาเหตุบางอย่าง ไม่คุ้มที่จะใช้สมองด้วยน่ะ” ฟางไหลหยางตอบอย่างสติสัมปชัญญะครบถ้วน
เฉินตั๋วกระจ่างแจ้งแก่ใจ
เมื่อกว่าสองปีก่อนหน้านี้ฟางไหลหยางเป็นคนที่ถ้ากองเอกสารไว้ได้ก่อนก็กองไว้ เซ็นช้าได้ก็เลื่อนการเซ็นออกไป พวกนี้เลื่อนออกไปยังพอทำเนา แต่การประชุมหรือพูดคุยธุรกิจนั้นไม่อาจช้าได้ แต่บ่อยครั้งที่เห็นว่าเขาไม่ได้อ่านข้อมูลอย่างจริงจังก่อนเข้าประชุม อาการอู้งานแบบนี้ทำให้ประธานใหญ่ฟางผู้เป็นมารดาของฟางไหลหยางโมโหมาก ถึงขั้นถ้าทำอีกแค่หนเดียวก็อยากจะไล่เขาออกจากตำแหน่งประธานแล้วส่งตัวไปทำงานระดับล่างสักสองสามปี
และตั้งแต่ที่ฟางไหลหยางอ่านการ์ตูนเรื่องหนึ่งด้วยความบังเอิญ เขาก็เริ่มติดตามไลฟ์ของนักวาดการ์ตูน สถานการณ์ต่างๆ พลันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
นักวาดการ์ตูนคนนี้มีชื่อว่า ‘เหมียวไก่ฉีก’
เริ่มแรกฟางไหลหยางค่อยๆ เอาเอกสารที่เคยสะสมทีละเล็กละน้อยมาจัดการจนหมดในขณะที่เหมียวไก่ฉีกกำลังไลฟ์วาดการ์ตูนอยู่ อย่างกับว่าพอมีคนให้กำลังใจและอยู่เป็นเพื่อนด้วยตอนทำงาน ความกระตือรือร้นของฟางไหลหยางก็เพิ่มสูงขึ้นเป็นพิเศษ ต่อมาเมื่อเหมียวไก่ฉีกไม่ได้ไลฟ์ ฟางไหลหยางก็เคยชินกับการจัดการงานของตัวเองในทุกๆ วัน และเมื่อกระตือรือร้นมากขึ้น ฟางไหลหยางก็เจรจาการซื้อขายได้สำเร็จหลายโปรเจ็กต์ หุ้นบริษัทก็เพิ่มสูงขึ้น
ตั้งแต่เล็กฟางไหลหยางก็ไม่ได้เป็นคนชื่นมื่นกับการติดค้างคนอื่น เขารู้สึกว่าเหมียวไก่ฉีกช่วยเหลือเขา เขาติดค้างเธอ จึงพยายามสุดกำลังที่จะส่งของขวัญเป็นการขอบคุณ เพียงอยากขอบคุณเธอด้วยความบริสุทธิ์ใจเท่านั้นจริงๆ
เฉินตั๋วเชื่อว่าฟางไหลหยางไม่รู้เลยว่าการที่เขาดึงดันส่งเฟอร์รารี่เป็นของขวัญให้เหมียวไก่ฉีกจะส่งผลกระทบกับอีกฝ่ายมากขนาดไหน เขาเองก็เห็นกระทู้ฮอตของไอดอลบนโต้วหยานั่นแล้ว
เมื่อเห็นเหมียวไก่ฉีกพุ่งขึ้นมาอยู่สามอันดับแรกเพราะเจ้านายของเขา ความรู้สึกนี้…ช่างลึกซึ้งเสียเหลือเกิน
ฟางไหลหยางจัดแจงนำเอกสารที่จัดการเรียบร้อยแล้วไปไว้ด้านข้างแล้วจึงเคาะโต๊ะ “เหม่ออะไรอยู่ มาเอาไปสิ”
เฉินตั๋วคืนสติกลับมา รีบร้อนลุกขึ้นไปที่โต๊ะของเจ้านาย หอบเอกสารหนาเตอะออกไป
“พรุ่งนี้ตอนที่ไปลู่ซื่อเหวินฮว่า ถามให้ด้วยนะว่า ‘ผู้กล้าบุกอาณาจักรแมว 3’ จะวางขายเมื่อไหร่” ฟางไหลหยางเอ่ยไล่หลังเฉินตั๋วไป
เฉินตั๋วแทบเสียการทรงตัวจนทำกองเอกสารหล่น
เยี่ยมไปเลย เจ้านายผู้คลั่งไคล้มังงะของผม
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 7 ม.ค. 65 เวลา 12.00 น.
Comments
comments
No tags for this post.