มหาวิทยาลัยละแวกใกล้เคียงส่งนักศึกษาที่จบการศึกษารุ่นล่าสุดออกมา อพาร์ตเมนต์ฮุ่ยตูเองก็ต้อนรับเด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่สังคมเช่นกัน
ธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวประสบความสำเร็จขึ้นเรื่อยๆ
กระทั่งวันหนึ่งรถตู้ขนาดเล็กก็ได้ขนอุปกรณ์วาดรูปกองพะเนิน อาหารแมว บ้านแมว รวมถึงของจำพวกนี้มาจอดที่ชั้นล่างของอพาร์ตเมนต์
เจิ้งหลินเทียนยังคงขนาบอยู่กับประตูกระจกเพื่อมองเจ้าของแมวหิ้วกรงขึ้นไปบนอาคารพลางเอ่ยกับหวงหรูหรู “ตึกที่พวกเราอยู่อนุญาตให้เลี้ยงแมวได้ด้วยเหรอ”
หวงหรูหรูครุ่นคิดแล้วจึงพยักหน้า “เหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ เมื่อสองวันก่อนก็มีผู้อาศัยบอกว่าจะมีร้านสัตว์เลี้ยงเปิดแถวๆ นี้ไม่ใช่หรือไง”
“โหย ผมก็อยากเลี้ยงสัตว์นะ อยากเลี้ยงหมาป่าสักฝูงหนึ่ง!”
หานต้งเคาะลงบนศีรษะเจิ้งหลินเทียนไปทีหนึ่ง “เลี้ยงตัวเองให้รอดก่อนเถอะ รีบไปทำงานเร็วเข้า”
หวงหรูหรูกับเจิ้งหลินเทียนกระจัดกระจายไปคนละทางเพื่อทำงานทันที
ใกล้เวลาเที่ยง ลูกค้าค่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ
หานต้งยกบะหมี่เนื้อมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง อยากจะดูรายรับของตอนเช้าเสียหน่อยว่าเป็นอย่างไร
กระดิ่งลมที่หวงหรูหรูเพิ่งจะติดไว้บนประตูถูกคนดันจนเกิดเสียง
เด็กสาวสวมกางเกงยีนสีน้ำเงินเดินเข้ามาในร้าน เธอมีใบหน้ากลมเล็ก ดวงตากลมโตทั้งสองข้างเป็นประกายมีชีวิตชีวา
บนใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มสดใสที่สามารถส่งต่อไปยังทุกคนได้ เธอเอ่ยขึ้นกับพนักงานในร้านทั้งสามคน “สวัสดีค่ะ ฉันเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ชั้นบน ชื่อเหมียวเหมี่ยว ฉันมากินมื้อกลางวันน่ะค่ะ”
เอ่ยไปสายตาของเธอก็เคลื่อนไปหาหานต้ง สบตากับหานต้งพลางยิ้มและเอ่ยกับเขา “เถ้าแก่คะ ต่อไปก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
หานต้งกะพริบตาปริบๆ เขาอดประหลาดใจไม่ได้ ผ่านไปเนิ่นนานเขาถึงได้ยกมุมปากขึ้นแล้วพยักหน้าให้ “ยินดีต้อนรับครับ”
เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กสาวน้ำขิงจะมาจริงๆ
ไม่สิ เธอไม่ควรเป็นเด็กสาวน้ำขิง ควรจะเป็นเด็กสาวสายรุ้งต่างหากล่ะ
เวลาที่เธอยิ้ม โลกทั้งใบก็พลันสว่างจ้า เหมือนกับเขาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวนี้เพื่อรอคอยการปรากฏตัวของเด็กสาวคนนี้ก็ไม่ปาน
เหมียวเหมี่ยวทู่ซี้อยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวจนถึงมื้อเย็น ส่วนทางด้านฟางไหลหยางอาบน้ำเสร็จแล้วก็สวมชุดคลุมอาบน้ำตัวหลวมโคร่งนั่งลงบนโซฟา ในห้องเปิดแอร์กลางห้องกับระบบปรับอากาศ อุณหภูมิกำลังสบาย ฟางไหลหยางรินไวน์แดงให้ตัวเอง ดูข่าวการเงินไปพลางจิบไวน์ไปพลาง อารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก ฟางไหลหยางดูข่าวต่อไปไม่ไหว ในสมองมีแต่ช่วงเวลาที่เขาแกล้งเหมียวเหมี่ยว ใบหน้าของเหมียวเหมี่ยวที่ตกใจเสียจนทำอะไรไม่ถูก แถมยังทำทีสงบนิ่งอีกด้วย ตอนนั้นเหมียวเหมี่ยวอาจจะกำลังคิดอยู่ก็ได้ว่าถ้าเกิดเขารู้ว่าเธอเป็นนักวาดการ์ตูนที่เขาชอบ เขาจะมีสีหน้าแบบไหน
ฟางไหลหยางหัวเราะออกมา เขาจินตนาการออกมาได้เลยว่าถ้าเกิดเธอรู้ว่าเขาไม่ใช่แค่แฟนคลับคนที่มอบรถให้เธอ แต่ยังรู้สถานะของเธอตั้งแต่แรกแล้วล่ะก็ จะมีสีหน้าแบบไหนกัน จะต้องน่าสนุกน่ารักกว่าวันนี้แน่ๆ
เขาแอบจินตนาการอยู่ในหัว นานเข้าเสียงหัวเราะก็ยิ่งเจือด้วยความอบอุ่นที่ไม่เคยมีมาก่อน
ฟางไหลหยางหยิบกระเป๋าที่เอาออกไปวันนี้ออกมา เตรียมนำหนังสือการ์ตูนกลับไปวางที่ชั้นหนังสือ แต่กลายเป็นคว้าสมุดวาดภาพที่ดูคุ้นตาออกมาแทน
นี่…สมุดสเก็ตช์ภาพของเหมียวเหมี่ยวไม่ใช่เหรอ
ทำไมถึงได้มาอยู่ในกระเป๋าใบนี้ล่ะ
ฟางไหลหยางมองสมุดสเก็ตช์ภาพด้วยความงุนงง หน้ากระดาษที่แห้งแล้วยังคงเป็นรอยย่น ฟางไหลหยางไม่ได้เปิดออกมาดูอีก แต่กลับค้นหาวิธีการแก้ไขกระดาษย่นบนอินเตอร์เน็ต จุ่มให้หน้ากระดาษพวกนั้นชื้นอีกครั้งและกดให้เรียบ แล้ววางไว้ในตู้เย็น
เจอกันคราวหน้าแล้วค่อยคืนให้เธอก็แล้วกัน
ฟางไหลหยางใคร่ครวญ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 14 ม.ค. 65 เวลา 12.00 น.