หานต้งแก่กว่าเจิ้งหลินเทียน ผ่านประสบการณ์มามาก เหมียวเหมี่ยวเชื่อในการตัดสินใจของหานต้งจึงพยักหน้าให้
“รับอะไรดีครับ” หานต้งคว้าสมุดโน้ตเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋ากางเกง ถามเหมือนกับทุกๆ ครั้ง
ทุกครั้งที่หานต้งสนทนากับเหมียวเหมี่ยว ก็จะเริ่มต้นด้วยสี่คำนี้ เหมียวเหมี่ยวได้ฟังประโยคนี้ก็รู้สึกอบอุ่นเหมือนกับได้กลับบ้าน ขอบตารื้นแดงขึ้นมากะทันหัน
เมื่อคิดถึงความรู้สึกที่จบไปแล้วของตัวเองก็พลันไม่อยากอาหาร เธอสูดหายใจฟืด ขณะเดียวกันก็หัวเราะเสียงเจื่อน “เถ้าแก่คะ…ฉันไม่อยากอาหารเลยค่ะ…เฮ้อ ทั้งๆ ที่ตอนเข้ามาก็อยากจะกินอะไรอร่อยๆ สักมื้อแท้ๆ เลย ฉันยังไม่ได้กินมื้อกลางวันเลยน่ะค่ะ”
หานต้งขมวดคิ้ว วางสมุดเล่มเล็กและปากกาลงอีกฝั่งหนึ่ง ไต่ถามอย่างจริงจัง “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
“ไม่มีอะไรค่ะ…” เหมียวเหมี่ยวกะพริบตาให้ความทุกข์ตรมสลายไปอย่างรวดเร็ว เสียงของหานต้งเจือด้วยพลังงานของการปลอบขวัญ เหมียวเหมี่ยวทอดถอนใจ เอ่ยเยาะเย้ยตัวเอง “ก็แค่อกหักเท่านั้นเอง”
หานต้งขมวดคิ้ว ผ่อนคลายลงช้าๆ แล้วขยับนิ้วเล็กน้อย
เหมียวเหมี่ยวเงยหน้าขึ้นมองหานต้ง ก็พบว่านัยน์ตาของเขาช่างลึกซึ้ง จ้องมองเธอด้วยสายตาคลุมเครือ เธอจึงยิ้มพลางเอ่ยอย่างรีบร้อน “โธ่เอ๊ย ก็แค่ความรู้สึกดีเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นน่ะค่ะ ฉันกับเขาคนนั้นไปกันไม่ได้หรอก ล้อเล่นค่ะ ไม่ถือว่าอกหักสักหน่อย อย่ามองฉันอย่างนั้นเลยนะคะ ฮ่าๆ”
เหมียวเหมี่ยวเอ่ยอย่างสบายๆ แผ่วเบาและรวดเร็ว ทว่าหานต้งก็ยังคงมองเหมียวเหมี่ยวอยู่เหมือนเดิม แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ผมจะเลี้ยงหมาล่าไก่ฉีกราดข้าวคุณเอง”
“หา?” เหมียวเหมี่ยวนิ่งอึ้ง ยังไม่ทันได้ถามอะไรก็เห็นหานต้งลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไป
ในร้านก๋วยเตี๋ยวมีเธอเป็นลูกค้าแค่คนเดียว เหมียวเหมี่ยวรอด้วยความไม่เข้าใจอยู่ไม่กี่นาที หมาล่าไก่ฉีกราดข้าวปริมาณจุใจร้อนระอุก็มาเสิร์ฟ
แถมหานต้งยังแถมซุปกระดูกหมูต้มหัวไช้เท้าให้อีกชามด้วย “หัวไช้เท้าลดความร้อนได้ ป้องกันร้อนใน”
เหมียวเหมี่ยวพยักหน้า หยิบตะเกียบขึ้นมา “ขอบคุณค่ะ! งั้นฉันกินเลยนะคะ!”
วันนี้หมาล่าไก่ฉีกราดข้าวเผ็ดร้อนกว่าที่เคยกิน แถมยังรสจัดอีกด้วย เหมียวเหมี่ยวเป็นคนกินเผ็ดเก่ง แต่คราวนี้กลับถูกความเผ็ดร้อนในเนื้อไก่หอมกรุ่นทำเอากลั้นน้ำมูกน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว ดึงกระดาษทิชชูแผ่นแล้วแผ่นเล่าไม่หยุดหย่อนเพื่อเช็ดน้ำตาและน้ำมูก กินไปได้ค่อนจาน กระดาษทิชชูก็กองเป็นภูเขาขนาดย่อม
ดื่มซุปกระดูกหมูต้มหัวไช้เท้าที่มาคู่กันจนหมด หานต้งก็ไปตักซุปให้อีกชามทันที จากนั้นก็นั่งมองเธอกินอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม
เหมียวเหมี่ยวดิ้นรนกินหมาล่าไก่ฉีกราดข้าวที่ทั้งเผ็ดร้อนทั้งเลิศรสจนหมดจาน สุดท้ายก็คว้ากระดาษทิชชูสามสี่แผ่นปาดหน้าอย่างโหดร้าย หายใจฟืด ขอบตามีน้ำตารื้นออกมา ดวงตาพร่ามัวไปหมด
ทว่าในใจกลับรู้สึกดีขึ้นอย่างน่าประหลาด อย่างกับว่าหมาล่าไก่ฉีกราดข้าวจานเมื่อครู่บีบคั้นให้ความอับเฉาและไม่ยินยอมพร้อมใจให้กลายเป็นน้ำตา หยิบยืมความเผ็ดและชาอย่างสุดกำลังเพื่อให้น้ำตานั้นไหลรินออกมา ความจริงแล้วก็ไม่ได้เสียใจถึงขนาดนั้นอยู่แล้ว เรื่องแอบรักแล้วอกหักมักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ อยู่แล้วนี่นา แต่อย่างกับว่าหมาล่าไก่ฉีกราดข้าวรสจัดจ้านจะเป็นยาบำรุงหัวใจเข็มหนึ่งที่ทำให้ความทุกข์ตรมในใจรุนแรงขึ้นไปอีก
เหมียวเหมี่ยวเหม่อลอยอยู่เนิ่นนาน สุดท้ายเมื่อสายตาค่อยๆ ชัดเจนขึ้นอีกครั้งก็จ้องมองไปยังกองกระดาษทิชชูกองพะเนินตรงหน้า จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมาด้วยความเก้อเขิน “ให้ตายสิ ฉันใช้กระดาษทิชชูของพวกคุณหมดถุงเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่กินเสร็จแล้วเหรอ” หานต้งเอ่ยถาม
เหมียวเหมี่ยวพยักหน้า ทว่าหานต้งก็ยังคงทำหน้านิ่งไร้ความรู้สึก นัยน์ตาไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวของอารมณ์ใดๆ กระทั่งมองมาที่เธอก็ยังไร้ความรู้สึก เขาเม้มริมฝีปาก บนคางมีตอหนวดขึ้นเล็กน้อย เหมือนกับที่หวงหรูหรูกล่าวเอาไว้ไม่มีผิด ความจริงแล้วเถ้าแก่เป็นคนหล่อใช้ได้เลยล่ะ
เหมียวเหมี่ยวอดยิ้มออกมาไม่ได้ หานต้งซ่อนความรู้สึกเอาไว้ลึกเสียเหลือเกิน “ขอบคุณนะคะเถ้าแก่ ฉันอารมณ์ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ”
“อร่อยหรือเปล่า” หานต้งกลับถามออกมาอย่างนั้น
เหมียวเหมี่ยวนิ่งอึ้ง สุดท้ายก็เบิกบานใจเหมือนอย่างทุกครั้ง หยีตาเป็นรอยยิ้มเจิดจ้า “ค่ะ อร่อย ยังไงอาหารที่เถ้าแก่ทำก็อร่อยที่สุดจริงๆ ค่ะ”
เถ้าแก่ที่ใช้อาหารเลิศรสปลอบประโลมคนอื่น ช่วยให้ผ่อนคลายความรู้สึก ช่างเป็นพ่อครัวที่เจ๋งที่สุดในโลกจริงๆ!
เหมียวเหมี่ยวดีอกดีใจ ใคร่ครวญว่าจะให้อะไรเป็นของขวัญที่เถ้าแก่ดูแลเธอเป็นอย่างดี
เจิ้งหลินเทียนฟุบอยู่เยื้องกับประตูครัว แอบจ้องเงาหลังของหานต้ง คิดในใจ ไม้นี้ของอาจารย์มีแค่พี่เหมียวที่กินเผ็ดเก่งเท่านั้นที่จะเข้าใจ เป็นคนอื่นคงคิดว่าถูกอาจารย์แกล้งอยู่แน่ๆ จะต้องเปลี่ยนสีหน้าทันทีอย่างแน่นอน
แต่ว่า…คนใสซื่ออย่างพี่เหมียวจะไปรับรู้ถึงความรู้สึกของอาจารย์ได้ยังไง