“ไม่ต้องรีบนะ จะกลับบริษัทเดี๋ยวนี้แหละ” ฟางไหลหยางตอบกลับอย่างหมดความอดทน สุดท้ายก็ต่อว่าเฉินตั๋ว “ไม่สงบเอาซะเลย แล้วจะทำงานยังไงล่ะ”
ด้วยหวาดกลัวว่าหัวหน้าจะกลับมาเจอกับเฉินตั๋วที่อยู่ในภาวะรับมือไม่ไหว ก็รู้สึกว่าตัวเองรีบร้อนยิ่งกว่าฟางไหลหยางเสียอีก
เป็นผู้ช่วยให้กับเถ้าแก่ที่เอาแต่ใจตัวเองทั้งยังเผด็จการและเย็นชา เฉินตั๋วรู้สึกว่าอายุสั้นไปเป็นสิบปี
เมื่อคิดถึงที่ไปเขาฟางซานครั้งก่อน เพื่อไม่ให้ความจริงที่ฟางไหลหยางไม่มีเพื่อนแพร่งพรายต่อหน้าคุณเหมียว เขาเรียกเจ้านายว่า ‘หยางจื่อ’ จนถูกเจ้านายหักเงินโบนัสปลายปี เฉินตั๋วรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมขึ้นมาทันที ก็ได้แต่หวังว่าความสัมพันธ์ของเจ้านายกับคุณเหมียวจะพัฒนาไปข้างหน้า เขาจะได้สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับคุณเหมียวได้ เมื่อมีที่พึ่ง ต่อไปก็ไม่ต้องถูกหักโบนัสตามใจชอบแล้ว
ตอนนี้เฉินตั๋วไม่ได้สังเกตเลยว่าผู้เป็นนายของเขาอาจจะหักโบนัสของเขามากขึ้นเพราะสนิทสนมกับเหมียวเหมี่ยวมากเกินไปก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลังจากมีข่าวดาราถูกผู้จัดการสวมเขา ฟางไหลหยางก็ยิ่งระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น
เหมียวเหมี่ยวขับรถกลับบ้านในสภาพที่แทบจะใจลอยมาตลอดทาง
ในฐานะผู้หิวโหยและชื่นชอบการกิน ของหวานหนึ่งจานกับชานมแก้วหนึ่งไม่เพียงพอต่อการปลอบขวัญเธอในเวลานี้ ยิ่งเธอเสียใจเท่าไรกระเพาะก็ยิ่งว่างเปล่าเท่านั้น
เหมียวเหมี่ยวกลับมาที่บ้าน นำอาหารเม็ดของเสี่ยวทู่ ขนมนมเนย และวัตถุดิบสำหรับทำอาหารที่ตัวเองซื้อมาจัดวางให้เรียบร้อย แล้วก็รีบเผ่นลงจากอาคารไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวทันที เสียง ‘กรุ๊งกริ๊ง’ ดังขึ้นครั้งหนึ่ง เธอก็นั่งฟุบอยู่ที่โต๊ะประจำที่มุมร้านด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาอาหาร หวงหรูหรูไปเรียนหนังสือไม่ได้อยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว เจิ้งหลินเทียนยกเท้าขึ้นนั่งงอตัวดูวิดีโออยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์เก็บเงิน พอเห็นเหมียวเหมี่ยวพุ่งตัวเข้ามาในร้านก๋วยเตี๋ยวด้วยความหงอยเหงาเศร้าซึมแล้วฟุบลงบนโต๊ะ ก็รีบร้อนปิดวิดีโอแล้ววิ่งเข้ามาไต่ถาม “พี่เหมียว เป็นอะไรไปเหรอครับ”
เหมียวเหมี่ยวเบะปาก แล้วกลอกตาใส่เขา “เรื่องของผู้หญิง อย่ายุ่งนักเลยน่า”
“โธ่ ก็ผมเป็นห่วงพี่นี่นา” เจิ้งหลินเทียนจิ้มแขนของเธอ “พวกเราสนิทกันขนาดนี้แล้ว เล่าความในใจกับหรูหรูตลอดแต่ไม่คุยกับผมได้ไงล่ะ เห็นผมเป็นเพื่อนสนิทของพี่หรือเปล่า”
เจิ้งหลินเทียนไม่ได้พักแขนทั้งสองของตนเลย คอยจัดแต่งผมสีแดงที่เขาเพิ่งย้อมมาใหม่อยู่บ่อยๆ ผมแต่ละเส้นถูกฉีดด้วยสเปรย์ ตั้งตรงโด่เด่ชี้ขึ้นฟ้า มองดูแล้วเท่สมาร์ตอย่างคนมีเงิน
เหมียวเหมี่ยวจ้องมองผมสั้นสีแดงที่เจิ้งหลินเทียนเพิ่งย้อมมาใหม่แล้วฉีกยิ้มมุมปาก “นายย้อมผมแดงให้กลับไปเหมือนเดิมก่อนแล้วค่อยว่ากัน นายเป็น ‘ชนเผ่าจั้งอ้าย’* หรือไง”
“ไม่เอาหรอก! เพิ่งจะย้อมมาวันนี้เอง หล่อจะตาย!” เจิ้งหลินเทียนขยุ้มศีรษะเอาไว้ด้วยสองมือ
“เถ้าแก่ไม่ว่าเลยหรือไง เป็นพ่อครัวแล้วยังจะมาย้อมสีผมอีก”
“สวมหมวกทำครัวแล้วใครจะไปเห็นล่ะ” เจิ้งหลินเทียนหัวรั้นหาเหตุผลข้างๆ คูๆ
ชายร่างสูงใหญ่ออกมาจากประตูครัว คล้อยตามเหมียวเหมี่ยวด้วยเสียงเคร่งขรึม “เหมียวเหมี่ยวพูดถูกแล้ว นายย้อมผมกลับไปเหมือนเดิมซะ”
เจิ้งหลินเทียนร้องขอ “อาจารย์ครับ ผมจ่ายค่าย้อมผมไปสองร้อยกว่าหยวนเลยนะ น่าเสียดายออก”
“สีสันฉูดฉาดเกินไปจะมีผลกระทบกับการลิ้มรสได้ แถมยังดูสกปรกด้วย อีกอย่างผมของนายก็ยาวเกินไป จะทำให้ร่วงได้ง่าย ถูกลูกค้าฟ้องร้องได้เลยนะ อีกเดี๋ยวจะพานายไปไถให้เกรียน เหมาะกับพ่อครัวที่สุดแล้วล่ะ” หานต้งใบหน้าเย็นชา
เจิ้งหลินเทียนร้องไห้เสียใจ วิ่งเข้าไปกอดเอวของหานต้งเอาไว้ “อาจารย์ครับ อาจารย์ไว้ผมเกรียนก็อย่าให้ผมต้องไว้ด้วยเลยนะครับ อาจารย์ดูดีมาตั้งแต่เกิด ไถหัวเกรียนก็ยังน่ามอง แต่ไม่ใช่กับผม หัวผมเป็นทรงเรียวแหลมนะครับ! ผมไม่อยากเป็นนักโทษ” ขณะที่เจิ้งหลินเทียนอ้อนวอนอยู่ก็ไม่ลืมที่จะประจบประแจงและทับถมตัวเอง
“ไปเคี่ยวซุปไก่เลยนะ” หานต้งดึงมือของเขาออกจากเอวตัวเอง สีหน้ามึนตึงพลางชี้ไปยังห้องครัว
เจิ้งหลินเทียนก้มหน้าลงรับเคราะห์กรรมทันที ลากเท้าเข้าไปในห้องครัวด้วยใบหน้าโศกเศร้า ไม่มีทางเลือกอื่น เป็นอาจารย์หนึ่งวันเท่ากับเป็นพ่อไปตลอดชีวิต ไฉนเลยอาจารย์ผู้นี้จะเที่ยงธรรม
ขณะที่หานต้งเดินเฉียดไหล่เขาไป เจิ้งหลินเทียนกลับเหลือบมองหานต้งพลางส่งสายตาให้ มือขวาค่อยๆ ยกสูงขึ้น แอบกำหมัดไว้ เอ่ยด้วยเสียงเบา “สู้เขานะครับอาจารย์!”
หานต้งจ้องมองเขาอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เจิ้งหลินเทียนยักไหล่ทำสีหน้าชั่วร้ายแล้วหลบเข้าไปในครัว
“เคี่ยวซุปเสร็จแล้ว ฉันจะพานายไปโกนผม” หานต้งตอกย้ำตามหลังไป
“โธ่…” เจิ้งหลินเทียนส่งเสียงร้องไห้โวยวายด้วยความทุกข์ทรมาน
เหมียวเหมี่ยวใจสั่นพลางเกาที่ใบหน้า “เกินไปหน่อยหรือเปล่าคะ”
หานต้งถอดหมวกทำครัวออกแล้วเสียบเอาไว้ที่เข็มขัด ก่อนจะเดินมานั่งฝั่งตรงกันข้ามกับเหมียวเหมี่ยว “ถ้าไม่ขัดเกลานิสัยแบบนี้ของเขา ต่อไปฝึกงานจบแล้วจะเสียเปรียบได้นะ”