ซย่าหมิ่นมองเรือนสามประสานแห่งนี้แล้วคิดว่าต่อให้ตกทุกข์ได้ยากอย่างไร อย่างน้อยครอบครัวของนางก็ยังมีหลังคาคุ้มหัว
“พี่ใหญ่ พี่รอง วันนี้กลับมาเร็วจังเลย ป้าอิ๋นฮวาเอาข้าวขาวหนึ่งหม้อกับกับข้าวอีกนิดหน่อยที่ลูกค้ากินไม่หมดกลับมาจากโรงเตี๊ยมด้วย กินข้าวกันได้เลย”
ซย่าเจวี้ยน น้องสาวคนสุดท้องอายุสิบสี่ผู้มีใบหน้ากลมป้อมและน่ารักน่าชังวิ่งออกมาต้อนรับพวกนาง
ซย่าหมิ่นเห็นน้องสาวคนนี้ทีไรเป็นต้องนึกถึงขนมสายไหมขาวฟู ใครเห็นเป็นต้องอยากกัดสักคำ ข้อดีเพียงอย่างเดียวที่ได้ข้ามมิติเวลามาก็คือลูกสาวคนเดียวอย่างนางได้มีน้องชายน้องสาวอย่างที่อยากมีมานานเสียที
“ในเมื่อมีข้าวขาว เช่นนั้นข้าผัดอะไรง่ายๆ อีกสักอย่างแล้วกัน” นางพูดพลางช่วยซย่าจื้อเข็นรถเข้ามาในบ้าน
ซย่าเจวี้ยนเดินตามมาอย่างตื่นเต้นดีใจ
“คุณหนูหมิ่น คุณชายจื้อ กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” ป้าอิ๋นฮวาเห็นสองพี่น้องกลับมาก็รีบวางมือจากงานเย็บปักแล้วส่งเสียงทักทาย
บิดาของซย่าหมิ่นเคยมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตป้าอิ๋นฮวาเอาไว้ พอสามีตายนางจึงอยู่ทำงานในร้านยาก่วงจี้เรื่อยมา กระทั่งร้านยาก่วงจี้ปิดตัวลง ทั้งที่นางมีโอกาสให้ลูกสาวที่แต่งงานแล้วรับไปอยู่ด้วยอย่างสุขสบาย แต่นางกลับยินดีอยู่ในสกุลซย่าต่อเพื่อดูแลทุกคน ซย่าหมิ่นซาบซึ้งในจุดนี้อย่างมาก
ลำพังตัวนางคนเดียวจะเอาปัญญาที่ใดมาเลี้ยงดูเด็กตั้งสี่คน ก็ได้ป้าอิ๋นฮวานี่ล่ะไปรับจ้างล้างจานในโรงเตี๊ยม พอได้ค่าแรงนิดๆ หน่อยๆ ซ้ำยังสามารถห่ออาหารที่ลูกค้ากินไม่หมดกลับบ้าน นอกจากนั้นป้าอิ๋นฮวายังมักจะรับงานเย็บปักถักร้อยกลับมาทำ เพิ่มรายได้ให้ครอบครัว ประกอบกับตัวนางเองก็ขึ้นเขาไปขุดสมุนไพรมาขายตามร้านยาเล็กๆ เป็นระยะ บ้านสกุลซย่าจึงพอประคับประคองกันไปได้
“ป้าอิ๋นฮวา ขอบคุณมากที่วันนี้เอาของอร่อยกลับมาอีกแล้ว ข้าขอไปล้างมือก่อน เดี๋ยวจะมาผัดกับข้าว” ซย่าหมิ่นกางนิ้วมือทั้งสองข้าง บนมือมีรอยแผลที่เกิดจากตอนขุดสมุนไพร นางพูดพลางเดินไปทางครัว
ป้าอิ๋นฮวาคว้ามือนางเอาไว้ก่อนที่นางจะเดินเข้าครัวพร้อมขมวดคิ้ว “ตายแล้ว คุณหนูหมิ่นของป้า ไปทำท่าใดมือถึงกลายเป็นเช่นนี้ นอกจากจะเป็นแผลแล้วยังสากกร้าน วันนี้ไม่ต้องผัดกับข้าวแล้วเจ้าค่ะ ป้าทำเอง”
ซย่าหมิ่นหัวเราะเสียงดังอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่”
ป้าอิ๋นฮวาอายุมากแล้ว ต่อมรับรสไม่ค่อยดี มักจะทำกับข้าวออกมาเค็มเกินหรือหวานเกิน ดังนั้นนางจึงเข้าครัวเองเสมอ โชคดีที่การทำกับข้าวบ้านๆ ไม่กี่อย่างนั้นไม่เกินแรงนาง
“จะไม่เป็นไรได้อย่างไรกันเล่า มือของสตรีสำคัญมากนะเจ้าคะ” หญิงสูงวัยถอนหายใจเฮือก “หากไม่เพราะคุณชายยง ป่านนี้คุณหนูก็ได้ออกเรือนไปอย่างมีหน้ามีตานานแล้ว ไม่ต้องมาลำบากเช่นนี้ อีกทั้งยังต้องทำกับข้าวเอง…เฮ้อ ต้องทำอย่างไรดีนะ คุณหนูอายุสิบแปดเข้าไปแล้ว ชื่อเสียงของร้านยาก่วงจี้ตกต่ำเหลือเกิน มิหนำซ้ำคุณหนูยังออกไปตั้งแผงรักษาคนอีก จะได้แต่งงานกับคนดีๆ ได้อย่างไร…”
ซย่าหมิ่นไม่อยากแต่งงานเลยแม้แต่นิดเดียว นางเพิ่งอายุสิบแปดเท่านั้น ยังสาวสะพรั่งกำลังดี นางไม่ได้เสียสตินี่ถึงได้อยากแต่งงาน แล้วอีกอย่างนางยังต้องกอบกู้ร้านยาก่วงจี้ ยังต้องเลี้ยงดูน้องๆ กับหลานๆ ยุ่งออกจะตายไป
นางจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเป็นเรื่องอื่นทันที “ป้าอิ๋นฮวา เสียงเอ๋อร์กับเฉี่ยวเอ๋อร์ไปที่ใดเสียแล้วล่ะ เหตุใดไม่เห็นเลย”
ซย่าเจวี้ยนร้องว้าย ท่าทางเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้ “เมื่อครู่ข้าเห็นพวกเขาเล่นดินอยู่หลังบ้าน ข้าจะไปเรียกมาเดี๋ยวนี้…”
ซย่าหมิ่นห้ามน้องสาวเอาไว้ “ดูท่าคงเล่นจนมอมแมมอีกแล้ว ข้าไปจับตัวกลับมาเองดีกว่า”