บทที่สาม
วันนี้ลู่ซื่อตระเตรียมเนื้อสัตว์ห้าชนิดเป็นเครื่องถวายบูชา นำพาผู้ติดตามกลุ่มหนึ่งพร้อมด้วยมู่ฝูหลันออกนอกเมืองไปลงเรือ แล้วมุ่งหน้าสู่เขาจวินซานเพื่อเซ่นไหว้เทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ตำหนักศาล เป็นการแสดงความขอบคุณที่คุ้มครองให้สามีของตนพ้นเคราะห์ในวันนั้นมาได้
เมื่อทำพิธีเสร็จแล้วพี่สะใภ้กับน้องสาวสามีก็ออกมาแล้วลงเขา มู่ฝูหลันเอ่ยถามขึ้น “พี่สะใภ้ อาจารย์อยู่บนเขาหรือไม่เจ้าคะ ถ้าอยู่ ข้าจะไปเยี่ยมเยียนท่านผู้อาวุโสสักหน่อย”
อาจารย์ของนางแซ่หลี่เป็นหมอชื่อดังในแผ่นดิน ใครๆ ล้วนเรียกขานเขาว่า ‘เฒ่าโอสถหลี่’ เมื่อครั้งวัยหนุ่มเคยเป็นหมอหลวงในพระราชวัง ภายหลังเขาออกจากวังหลวงแล้วออกท่องไปทั่วทุกสารทิศ ทางหนึ่งแต่งตำราแพทย์ ทางหนึ่งเป็นหมอรักษาชาวบ้าน หลายปีก่อนเขารอนแรมมาถึงทะเลสาบต้งถิงแล้วชื่นชอบทิวทัศน์ธรรมชาติของที่แห่งนี้ จึงปลูกกระท่อมอาศัยอยู่บนเขาจวินซาน
บิดาของมู่ฝูหลันเลื่อมใสในความสามารถของเขา เดินทางมาเยี่ยมคารวะด้วยตนเองและเริ่มไปมาหาสู่ เฒ่าโอสถเห็นธิดาอ๋องอายุน้อยๆ ก็แสดงความสนใจต่อยาสมุนไพรของตน ทั้งพึงใจที่นางฉลาดเฉลียว จึงรับเป็นลูกศิษย์ครึ่งตัว สอนวิชาแพทย์ให้นางบางส่วนยามว่าง
ตอนมู่ฝูหลันออกเรือน อาจารย์ของนางยังอยู่ที่เขาจวินซาน
ลู่ซื่อพูดยิ้มๆ “เจ้าออกเรือนได้ไม่นาน เฒ่าโอสถก็ลงเขาไปเช่นกัน ไม่รู้จะกลับมาวันใด”
มู่ฝูหลันกล่าว “พี่สะใภ้กลับเข้าเมืองก่อนเถอะ ข้าจะไปดูแปลงสมุนไพรที่เรือนของอาจารย์สักหน่อยเจ้าค่ะ”
ลู่ซื่อรู้ถึงความเกี่ยวข้องระหว่างน้องสาวสามีกับเฒ่าโอสถดี นางจึงพยักหน้า “ก็ดี เช่นนั้นข้ากลับเข้าเมืองก่อน เจ้าก็กลับมาเร็วๆ นะ”
มู่ฝูหลันรับคำแล้วมองส่งลู่ซื่อลงเขา ส่วนตนเองลัดเลาะไปตามเส้นทางบนภูเขาจนมาถึงที่พำนักของอาจารย์ เป็นเรือนที่ซ่อนตัวอยู่กลางเขา ใช้ไม้ไผ่สานเป็นรั้วล้อมกระท่อมหลายหลัง มีแปลงสมุนไพรขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง
แม้อาจารย์ลงเขาไปแล้ว แต่ยังทิ้งเด็กรับใช้คนหนึ่งนามว่า ‘อาต้า’ คอยอยู่เฝ้าที่นี่ดูแลแปลงสมุนไพร
อาต้าเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกอาจารย์เก็บมาเลี้ยงจนโต นิสัยซื่อตรงหัวอ่อน เขาทำงานง่วนอยู่ที่หลังเรือน เมื่อเห็นธิดาอ๋องมาถึงก็ตื่นเต้นดีใจเหลือจะกล่าว รีบวางจอบลงแล้ววิ่งออกมาต้อนรับ
มู่ฝูหลันบอกเขาว่าไม่ต้องสนใจตนแล้วไปที่แปลงสมุนไพรช่วยจัดเรียงต้นสมุนไพรที่เพิ่งเด็ดใหม่ๆ วางผึ่งแดด นางง่วนอยู่กับงานจนผ่านไปครึ่งวันโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
แม่นมมู่เริ่มพูดเร่งให้นางกลับเมือง
ดวงตะวันคล้อยลงทางทิศตะวันตก มู่ฝูหลันก็รู้ว่าสมควรกลับได้แล้ว นางพูดกำชับอาต้าให้ดูแลแปลงสมุนไพรให้ดี จากนั้นล้างมือออกจากกระท่อม ยกขบวนลงเขาไป ตอนเดินผ่านต้นสนเก่าแก่ต้นหนึ่ง จูอวี๋สาวใช้ของนางพลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านหญิง พวกเขาพูดกันว่าต้นสนเก่าแก่นี้เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีคนดั้นด้นมากราบไหว้มันถึงที่นี่มากมาย ในเมื่อพวกเราผ่านมาแล้วก็ไปไหว้กันเถอะเจ้าค่ะ”
รากของต้นสนต้นนี้หยั่งลึกลงพื้นตรงริมผาเลื้อยพาดพันกันไปมา แผ่กิ่งก้านสาขาผลิใบดกดื่น แม้ลมภูเขาพัดกระหน่ำ มันก็ยังยืนตระหง่านมั่นคงข้ามผ่านกาลเวลามานับร้อยนับพันปี
มู่ฝูหลันหยุดฝีเท้าทอดสายตามองอยู่ไกลๆ ครู่หนึ่ง
“เย็นมากแล้ว ลงเขาเถอะ”
นางพูดจบแล้วดึงสายตากลับ หมุนกายก้าวลงบันไดสู่เชิงเขาต่อไป