X
    Categories: Blue Bridge สะพานรักสีน้ำเงินWith Loveทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน Blue Bridge สะพานรักสีน้ำเงิน บทที่ 1

หน้าที่แล้ว1 of 7

บทที่ 1

ม่านหน้าต่างปิดไว้อย่างมิดชิด แสงไฟในห้องมืดสลัว เสียงตืด…ตืด…ดังมาจากโต๊ะข้างหัวเตียง

จ้าวหนานเซียวตื่นขึ้นจากความฝันอันวุ่นวาย รู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย

เธอหลับตาแล้วนอนต่ออีกสักพัก ก่อนจะยื่นมือไปคลำหาโทรศัพท์แล้วปิดเสียง ลุกขึ้นลงจากเตียง เท้าเปล่าย่ำไปบนพื้นที่ให้สัมผัสเย็นเฉียบเดินไปถึงหน้าต่างแล้วเปิดม่านบังแสงขึ้น

แสงอาทิตย์ยามเช้าพลันสาดเข้ามาในห้อง

หญิงสาวเปิดเครื่องเสียงที่พ่อทิ้งไว้ให้ตั้งแต่สิบกว่าปีก่อน เธอเลือกบทเพลงเดอะโฟร์ซีซั่นส์ของวิวัลดี แล้วก็เข้าไปอาบน้ำ แต่งหน้าอย่างง่าย ตามด้วยเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อที่แขวนอยู่ในตู้ที่แทบจะมีแต่สีดำและเทาโทนเดียวกันทั้งแถวขึ้นมาหนึ่งตัวแล้วสวมใส่

คงเป็นเพราะช่วงก่อนหน้านี้เธอทำงานข้างนอกมาเหนื่อยๆ และเมื่อคืนยังเข้านอนดึก หลังจากตื่นขึ้นมาแล้ว แม้ความรู้สึกปวดหัวจะบรรเทาลง แต่ยังคงรู้สึกไม่อยากอาหาร

ท้องที่ว่างเปล่าคงไม่มีทางไปต่อกรกับปริมาณงานของหนึ่งวันที่จะตามมาในวันนี้ได้ จ้าวหนานเซียวจึงดื่มนมกับขนมปังสองแผ่น จากนั้นก็เติมลิปสติกลงบนริมฝีปากที่ออกจะซีดเล็กน้อยให้หน้าของตนดูมีชีวิตชีวาขึ้นหน่อย ค่อยตรวจดูรายงานที่เมื่อคืนทำเสร็จตอนตีสอง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีปัญหาก็ใส่เอกสารและรายงานข้อมูลทั้งหมดลงในกระเป๋าเอกสารหนังวัวทรงสี่เหลี่ยมสีดำใบใหญ่ ก่อนจะถือเดินออกไปจากห้องหนังสือ

กระเป๋าเอกสารใบนี้เธอเริ่มใช้มาตั้งแต่สมัยทำงานหลังเรียนจบ เป็นของที่คุณตามอบให้ ไม่มียี่ห้อ แต่ว่าแบ่งช่องได้เหมาะสม ทำให้ใช้งานสะดวก มันติดตามเธอไปมาระหว่างที่ทำงานกับไซต์ก่อสร้างเป็นเวลาสี่ปีแล้ว โดนทั้งลมฝนและการลากถูขีดข่วน แต่นอกจากส่วนก้นกระเป๋าที่ไม่มีใครเห็นจะมีรอยถลอกประปราย ส่วนอื่นก็ยังคงอยู่ในสภาพดี

“คุณจ้าว ไปทำงานเหรอครับ หลายวันก่อนไม่เห็นคุณเลย ไปทำงานต่างเมืองอีกแล้วเหรอ”

เหล่าเฉายามประจำที่พักอาศัยยังคงพูดเหน่อติดสำเนียงบ้านเกิด คุณจ้าวคนนี้เป็นหนึ่งในผู้พักอาศัยจำนวนไม่กี่คนที่ยอมตอบกลับความเป็นมิตรของเขาตั้งแต่เขามาเป็นยามให้ที่นี่ ดังนั้นทุกครั้งที่เห็นเธอ เขามักจะดีใจ

จ้าวหนานเซียวยิ้มและพยักหน้าให้พลางควานหาคีย์การ์ดในกระเป๋า

“ผมเปิดให้!” เหล่าเฉารีบเข้ามาช่วยเธอเปิดประตู

จ้าวหนานเซียวกล่าวขอบคุณแล้วเดินออกไป

ในเขตที่พักอาศัยแห่งนี้ ขอเพียงเธอไม่ไปทำงานต่างเมือง ในทุกวันทำงานก็แทบจะเป็นเธอที่เป็นคนเริ่มต้นกิจวัตรประจำวันในเวลาเช้าตรู่อย่างนี้

ต้องขอบคุณความโชคดีของแม่ที่ทำให้เธอได้มาพักอาศัยในห้องบนถนนเส้นเอ้อร์หวนซี* ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เพิ่งเรียนจบและได้เงินเดือนเพียงห้าหกหมื่นต่อปี ที่นี่อยู่ห่างจากที่ทำงานไม่ไกล ตอนเช้าไม่จำเป็นต้องช่วงชิงเวลาเพื่อรีบไปทำงาน

หากฝนไม่ตก เธอมักจะเดินไป ระหว่างทางก็จะคิดถึงเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องงาน เรื่องชีวิต ผ่านไปยี่สิบสามสิบนาทีไม่นานก็ถึงแล้ว

ฤดูใบไม้ร่วงในเมืองกรุงมักจะมาโดยไม่ทันให้คนตั้งตัว เธอจำได้ว่าตอนที่จากไปเมื่อครึ่งเดือนก่อนอากาศยังร้อนจนต้องเปิดแอร์ แต่พอฝนตกไปสองรอบ ใบของต้นอู๋ถง ข้างทางก็เจือด้วยสีของฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้ที่เปลี่ยนสีร่วงพลิ้วปลิวลงมาจากกิ่งจนพนักงานทำความสะอาดตามกวาดไม่ทัน เธอเดินผ่านทางเท้าที่มีใบไม้แห้งร่วงหล่นมาถึงหน้าประตูหลักของสถาบันรวม

ที่นี่คือสถาบันออกแบบอากาศยานอันเก่าแก่ที่ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่แล้ว พอพัฒนามาถึงตอนนี้ แค่สถาบันออกแบบในสังกัดก็ปาเข้าไปเกือบยี่สิบแห่ง ฝ่ายสะพานทางหลวงที่เธอทำงานอยู่เป็นเพียงแค่หนึ่งในนั้น และภายในสถาบันสะพานทางหลวงยังแบ่งอย่างละเอียดเป็นฝ่ายออกแบบที่หนึ่ง สอง สาม อีกมากมาย สะพานเป็นจุดแข็งมานาน ความสามารถของสายอาชีพจัดอยู่ในแนวหน้าของประเทศ หลายปีมานี้ได้เข้าร่วมโครงการวิศวกรรมสำคัญระดับประเทศมากมาย ได้รับชื่อเสียงเกียรติยศนับไม่ถ้วน

หลังเรียนจบเธอก็เข้ามาในประตูบานนี้ด้วยผลคะแนนสอบสมัครงานอันดับหนึ่ง และเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่มาสมัครเข้าฝ่ายสะพานทางหลวงในตอนนั้น ภายในเวลาปีกว่าขณะที่คนที่เข้ามาพร้อมกันเริ่มทยอยไปทำอย่างอื่น เธอกลับวาดผังก่อสร้างอยู่เกือบทุกวัน เธอเคยได้รับมอบหมายให้วาดตอม่อตับริม ใช้เวลาวาดทั้งหมดครึ่งปีเต็ม วาดจนภายหลังในฝันมีแต่ตอม่อตับริมชนิดหนักและชนิดเบา ทั้งทรงเหลี่ยม ทรงตัวยู แบบหันหลังเข้า และแบบฟันเจาะลอยไปมา ผ่านไปสามสี่ปีดูเหมือนความเหน็ดเหนื่อยของเธอจะได้รับผลตอบแทน บนมุมโต๊ะปรากฏป้ายของหัวหน้าทีม

เธอน่าจะเป็นหัวหน้าทีมที่อายุน้อยที่สุดในสถาบันสะพานทางหลวง แต่ว่าไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวที่อยู่ในหน่วยวิจัย หัวหน้าทีมอย่างเธอก็มีลูกน้องจำนวนหนึ่ง หัวหน้าฝ่ายส่งนักศึกษาจบใหม่ชื่อเฉินซงหนานที่เพิ่งรับเข้ามาในปีนี้ให้เป็นผู้ช่วยเธอ นอกจากนี้ยังส่งนักศึกษาฝึกงานปีสี่สองคนมาให้เธอดูแล

จ้าวหนานเซียวเดินไปยังห้องทำงาน

ในสถาบันออกแบบ มีเพียงผู้ที่คนอื่นเรียกว่า ‘หัวหน้าแผนก…’ ถึงจะมีห้องทำงานแยกได้ เธอยังใช้ห้องทำงานร่วมกับคนอื่นอีกทั้งหมดเจ็ดแปดคน

ห่างจากเวลาเข้างานอยู่สิบกว่านาที เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ยังไม่มา แต่ว่านักศึกษาฝึกงานทั้งสองของเธอมาแล้ว คนหนึ่งเป็นผู้หญิง คนหนึ่งเป็นผู้ชาย น่าจะเป็นแฟนกัน ทั้งสองกำลังเช็ดโต๊ะและหันหลังให้กับประตู ไม่ได้สังเกตว่าเธอมาถึงแล้ว

นักศึกษาหญิงบ่น “มันสองเดือนกว่าแล้วนะที่ต้องมาเช็ดโต๊ะเทน้ำให้พวกเขา เดี๋ยวจะไปอยู่แล้ว ยังไม่ทันได้เรียนอะไรเลย! ตอนที่วิศวกรจ้าวอยู่ วันๆ เอาแต่ให้ฉันวาดผังก่อสร้าง อย่างอื่นไม่เห็นจะสอน! ที่พวกเราเรียนคือการออกแบบสะพานนะ!”

นักศึกษาชายปลอบว่าวิศวกรจ้าวน่าจะยุ่ง นักศึกษาหญิงก็พูดว่า “ช่างเถอะ ตัวเธอเองก็ไม่ได้รับงานออกแบบนี่นะ! ออกไปทำงานรอบนี้ไม่ใช่ว่าต้องไปตรวจดูสะพานเก่าหรือไง ฉันเข้าใจแล้วล่ะว่าทีมของเราทำแต่งานเบ็ดเตล็ด พวกเราก็ทำงานเบ็ดเตล็ดให้คนที่ทำงานเบ็ดเตล็ด ถือว่าเราดวงซวยเอง!”

บ่นไปหลายประโยคแล้ว อารมณ์ของนักศึกษาหญิงดูเหมือนจะดีขึ้น เธอลดเสียงลงคุยกับแฟน “นี่ นายว่าวิศวกรจ้าวอายุเท่าไหร่แล้ว”

“ไม่รู้สิ” นักศึกษาชายส่ายหน้า “ฉันว่าน่าจะแก่กว่าเธอแค่ไม่กี่ปีเองมั้ง แค่แต่งตัวดูมีอายุ…”

นักศึกษาหญิงส่งเสียงแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ฟาดผ้าขี้ริ้วใส่แฟนหนุ่ม

“อะไรของนาย ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้นสักหน่อย! ที่สำคัญ เธอหน้าตาถือว่างั้นๆ ได้ยินว่าแม้แต่แฟนสักคนยังไม่มี! ไม่ต้องพูดก็เห็นอยู่ว่าเธอทำงานตั้งแต่เช้ายันเย็นอย่างกับไปติดหนี้เขามาแล้วไม่คืน ผู้ชายที่ไหนจะมาสนใจเธอ หรือว่าเธอจะเป็นสาวขึ้นคาน ขาดฮอร์โมน…นายห้ามมาแช่งฉันเด็ดขาด ดูแก่กว่าฉันแค่ไม่กี่ปีงั้นเหรอ แต่ฉันไม่อยากกลายเป็นแบบเธอในอีกหลายปีข้างหน้า…”

นักศึกษาหญิงหันไปโดยไม่ได้ตั้งใจ นัยน์ตาพลันเบิกกว้าง ใบหน้าแดงก่ำ บีบผ้าขี้ริ้วในมือแน่น รู้สึกทำอะไรไม่ถูก

“วิศวกรจ้าวกลับมาจากต่างเมืองแล้วหรือครับ อรุณสวัสดิ์!” นักศึกษาชายได้สติ รีบทักทายอย่างลนลาน

จ้าวหนานเซียวพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปในห้อง

เฉินซงหนานผู้ช่วยของเธอมาถึงในไม่ช้า

เขาจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกับจ้าวหนานเซียว เป็นมหาวิทยาลัยระดับท็อปหนึ่งในแปดมหาวิทยาลัยเก่าอ่อนกว่าเธอไม่กี่ปี นับเป็นรุ่นน้อง เด็กหนุ่มมีผิวขาว เครื่องหน้างดงาม กิริยาสุภาพเรียบร้อย มาทำงานที่สถาบันได้ครึ่งปีก็ได้ชื่อว่าเป็นเนื้อสดน้อยแม้แต่จ้าวหนานเซียวที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องซุบซิบนินทายังรู้ สาวๆ จากสถาบันวางแผนภูมิทัศน์และสถาบันวางผังเมืองที่เป็นเพื่อนบ้านหลายคนสนใจในตัวเขา หลังจากที่เขามาแล้ว พวกเธอก็มักจะใช้โอกาสส่งเอกสารมาป้วนเปี้ยนอยู่บ่อยๆ

“เตรียมข้อมูลเรียบร้อยหรือยัง” จ้าวหนานเซียวถามเขา

“เรียบร้อยแล้ว! วิศวกรจ้าวดูก่อนสิ ถ้ามีปัญหาอะไร ผมจะได้แก้ไขเดี๋ยวนี้เลย!”

เฉินซงหนานหยิบข้อมูลที่เมื่อคืนจัดทำไว้ออกมาจากกระเป๋าสะพายหลัง

จ้าวหนานเซียวรับมา เดินไปถึงโต๊ะทำงานก็นั่งลงแล้วเปิดคอมพิวเตอร์ ตรวจสอบเอกสาร

 

เก้าโมง เพื่อนร่วมงานทยอยกันมาถึง ทักทายและคุยเล่นกับจ้าวหนานเซียวรวมทั้งถามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงาน ผ่านไปไม่นานก็ต่างหันไปยุ่งกับงานของตัวเอง

สถาบันออกแบบอากาศยานเปลี่ยนระบบองค์กรเป็นแบบบริษัทซึ่งจะไม่เลี้ยงคนไม่ทำงาน

เพาเวอร์พ้อยต์ของเฉินซงหนานทำออกมาใช้ได้ อย่างน้อยก็บรรลุความต้องการของจ้าวหนานเซียว

สิบโมง ที่ทำงานเปิดประชุมฟังรายงานของเธอ

“เสี่ยวจ้าวกลับมาเมื่อวานนี้หรือ เป็นไงบ้าง งานครั้งนี้ราบรื่นดีไหม”

หลังจากหัวหน้าฝ่ายเกานั่งลงก็หยิบถ้วยชาและถามยิ้มๆ

หัวหน้าฝ่ายจบจากโรงเรียนการก่อสร้างเพื่ออุตสาหกรรมและประชาชนตั้งแต่หลายปีก่อน เขามีใบหน้าอ้วนกลม ยิ้มแล้วดูเหมือนพระสังกัจจายน์ ดูเป็นคนใจดีน่าคบหามาก

“ค่ะ กลับมาเมื่อวาน ก็ดีค่ะ” จ้าวหนานเซียวตอบง่ายๆ ประโยคหนึ่ง

เธอไปทำงานข้างนอกครั้งนี้เป็นการไปยังเมือง T ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมเก่าแก่ที่อยู่ใกล้เพียงไม่กี่ร้อยกิโลเมตร ที่นั่นมีสะพานเหล็กทวิประสงค์สร้างขึ้นในปลายทศวรรษที่แปดสิบ หลายปีมานี้รถที่ข้ามสะพานในแต่ละวันมีปริมาณมาก ในบรรดารถเหล่านั้นยังมีรถขนส่งถ่านที่บรรทุกเกินขนาด บวกกับระยะเวลาการใช้งานที่นานแล้วจึงเกิดปัญหาขึ้น รัฐบาลของเมือง T ไว้วางใจให้ทางสถาบันไปตรวจสอบและเสริมความแข็งแกร่ง เมื่อเดือนที่แล้วงานชิ้นนี้จึงตกมาถึงมือของจ้าวหนานเซียว

คนมากันเยอะแล้ว เธอเปิดไฟล์ขึ้นจอ อธิบายสภาพการณ์ภายนอกของสะพานที่เสื่อมก่อน ค่อยรายงานสภาพจากการตรวจสอบตามความเป็นจริง ประกอบด้วยผลชี้วัดด้านต่างๆ อย่างความแข็งแรงของคอนกรีต ระดับของค่าคาร์บอน ความหนาของชั้นที่หุ้มเหล็กเส้น และรูปร่างของสะพาน

“…นี่คือผลจากการตรวจสอบวัดค่าแล้วนำมาทำการคิดคำนวณ ตำแหน่งหลักที่ได้รับแรงกดของสะพานก็นำมาแยกทดสอบค่าน้ำหนักบรรทุกคงที่และน้ำหนักบรรทุกจรมีรัฐบาลท้องถิ่นและบุคลากรทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย การทำงานจึงราบรื่นดี”

หัวหน้าฝ่ายเกาฟังอย่างตั้งใจแล้วพยักหน้า “แล้วข้อสรุปของคุณคือ?”

“บนตัวสะพานพื้นถนนเสียหายค่อนข้างรุนแรง รอยร้าวกว้างเกินมาตรฐาน ประเมินว่าอยู่ในระดับ D ไม่ผ่านเกณฑ์ จำเป็นต้องซ่อมแซมครั้งใหญ่ สะพานฝั่งใต้อยู่ระดับ C สภาพการณ์อยู่ในเกณฑ์ แต่ว่าเพื่อป้องกันความเสียหายภายหลัง จำเป็นต้องดำเนินการตรวจสอบเฉพาะจุดและซ่อมบำรุงนิดหน่อย สะพานฝั่งเหนืออยู่ระดับ B สภาพการณ์ถือว่าดี แค่ดูแลรักษาเป็นประจำก็ได้แล้ว…นี่คือรายงานค่าสถิติที่บุคลากรทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องเซ็นชื่อให้”

จ้าวหนานเซียวให้เฉินซงหนานแจกเอกสารที่ถ่ายมาออกไป

หัวหน้าฝ่ายเกาพลิกดู ใบหน้าปรากฏแววพึงพอใจ ยิ้มแล้วเอ่ย “ดีมาก รายงานถูกต้องครบถ้วน ค่าสถิติแม่นยำ ผมไม่มีปัญหาอะไร พวกคุณล่ะ” เขามองไปรอบองค์ประชุม

ทุกคนพากันแสดงออกว่าไม่มีความเห็นแย้ง

หัวหน้าฝ่ายเกาพยักหน้า “ทางการเร่งรัดมาก บอกว่าตรงนั้นเป็นแหล่งคมนาคมสำคัญในท้องถิ่น หวังว่าจะแก้ไขได้โดยเร็ว ในเมื่อมีข้อสรุปแล้ว ขั้นต่อไปก็ต้องซ่อมแซมเสริมความแข็งแรง เอายังไง พวกคุณคนไหนอยากไป”

ในห้องประชุมขนาดใหญ่พลันเงียบเสียงลงทันที

งานซ่อมแซมเสริมความแข็งแรงให้สะพานเก่าอย่างนี้ พูดให้ไม่น่าฟังก็คืองานเก็บกวาด ระยะเวลาก่อสร้างก็ไม่ใช่สั้นๆ ส่วนมากนานเป็นปี ถึงจะบอกว่าไม่ต้องอยู่ที่ไซต์ก่อสร้างตลอดระยะเวลา แต่พอรับงานมาแล้ว เมื่อนำวันที่ต้องไปทำงานข้างนอกมาบวกกันก็ไม่ต่ำกว่าเดือนสองเดือน ไปทำงานข้างนอกได้ค่าตอบแทนจำกัดน้อยนิด อยู่ในสถาบันยังได้ค่าประสบการณ์ จึงไม่มีใครอยากอาสาทำงานนี้

คนในห้องประชุมเบนสายตาไปที่จ้าวหนานเซียวอีกครั้งโดยไม่ได้นัดหมาย

รอยยิ้มบนใบหน้าอ้วนกลมของหัวหน้าฝ่ายเกายิ่งเพิ่มความเป็นกันเองขึ้น “เสี่ยวจ้าว ในเมื่อการตรวจสอบก่อนหน้านี้คุณเป็นคนรับผิดชอบ ถ้างั้นส่วนที่เหลือก็ให้คุณจัดการต่อได้ไหม มีปัญหาอะไรมาคุยกับผม เดี๋ยวผมช่วยคุณจัดการ!”

งานสายนี้ก็มีกฎของงานสายนี้ คือให้ความสำคัญกับคำพูดของผู้อาวุโส แน่นอนว่าเธอเข้าใจดี

เธอยังโสด ในกลุ่มที่เรียกว่า ‘กระดูกสันหลัง’ ก็มีแต่เธอที่อายุน้อยที่สุด เงินเดือนต่ำสุด ตอนที่ได้รับงานนี้ก็รู้อยู่แล้วว่าตนต้องเป็นคนทำส่วนที่เหลือ

ขณะกำลังจะตอบ ประตูห้องประชุมก็มีคนเคาะ เลขาฯ จางของสถาบันสะพานทางหลวงยื่นศีรษะเข้ามา “หัวหน้าฝ่ายเกา ผู้อำนวยการเรียกคุณไปพบ”

หัวหน้าฝ่ายเกาให้ทุกคนรอ เขาออกไปแล้วสักพักค่อยกลับเข้ามา นั่งลงและพูดขึ้น “ดีที่พวกคุณอยู่ครบ มีเรื่องแทรกเข้ามา เมื่อกี้นี้ ผอ. หูเรียกผมไปเพื่อมอบหมายงานชิ้นใหม่ ที่ต่างเมืองมีสะพานทางด่วนที่ตัวสะพานได้รับความเสียหายจากก้อนหินใหญ่ของดินภูเขาถล่มที่ร่วงลงมา เพื่อความปลอดภัยจึงได้แต่ปิดถนนชั่วคราว ทางด่วนนั้นก่อนหน้านี้สถาบันเราเป็นคนออกแบบ สัญญามีระบุให้ตามดูแลรักษาในภายหลัง ตอนนี้พวกเราต้องรีบส่งคนไปสำรวจเพื่อให้การสนับสนุนทางเทคนิคกับทางผู้ก่อสร้าง พวกคุณใครจะไป”

“อยู่ที่ไหน” วิศวกรหลิวถาม

หัวหน้าฝ่ายเกาบอกที่ตั้งที่แน่ชัด

สะพานใหญ่ชิงหลิ่ง มณฑล A จุดเกิดเหตุห่างจากเมืองที่มีสนามบินที่ใกล้ที่สุดสองสามร้อยกิโลเมตร ยังไม่มีรถไฟความเร็วสูงผ่าน มีแต่รถไฟธรรมดาไปถึงเมืองเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุหลายสิบกิโลเมตร

ทุกคนนิ่งเงียบไปอีกครั้ง

หัวหน้าฝ่ายเกานัยน์ตาเป็นประกาย สาดไปทางวิศวกรเสิ่นที่อยู่ด้านข้างจ้าวหนานเซียว “เหล่าเสิ่น ถ้างั้นคุณไปไหม คุณน่าจะมีประสบการณ์การปรับปรุงสะพานชำรุดที่เกิดจากอุบัติเหตุ”

วิศวกรเสิ่นแสดงสีหน้าลำบากใจ “หัวหน้าฝ่าย ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากไป ที่จริงคือช่วงนี้ไม่ค่อยสะดวกเดินทางไกล ภรรยาผมตอบสนองคำเรียกร้องของชาติ ช่วงนี้เพิ่งจะคลอดครรภ์ที่สอง สุขภาพผู้ใหญ่ที่บ้านก็ไม่ดี ต้องให้ผมดูแล”

หัวหน้าฝ่ายเกายอมแพ้ มองไปทางวิศวกรเจียง วิศวกรเจียงบอกว่าในมือตนเองตอนนี้มีโปรเจ็กต์สร้างเมืองชิ้นสำคัญที่ต้องดูแล เจียดไปทำอย่างอื่นไม่ได้

หัวหน้าฝ่ายเกามองไปที่หลินหยาง

หลินหยางกลับมาจากการเรียนต่างประเทศที่สแตนฟอร์ด เผยแพร่วิทยานิพนธ์มากมาย วิทยานิพนธ์หลายชิ้นได้เก็บรวมเข้าอีไอ* ความสามารถในการค้นคว้าโดดเด่น ว่ากันว่าเป็นผู้บริหารระดับสูงอายุน้อยที่ทางองค์กรตั้งใจบ่มเพาะ ไม่เพียงแค่ในสถาบันสะพานทางหลวง แต่เป็นที่รู้จักกันดีในสถาบันรวม

หลินหยางทำคอให้โล่ง

“หัวหน้าฝ่าย คุณก็รู้ว่าช่วงนี้ผมกำลังมีหัวข้อศึกษาใหม่ร่วมกับศูนย์วิจัยการออกแบบวางผังเมืองใหม่ ในมือมีนักศึกษาอยู่เจ็ดแปดคน ต่างกำลังรอหัวข้อนี้เพื่อเขียนวิทยานิพนธ์จบการศึกษา นักศึกษาเรียนจบไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่เกี่ยวพันกับทั้งชีวิต ยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบพวกเขาใช่ไหม แต่ว่า…” เขาหยุดไป แล้วจ้องมองจ้าวหนานเซียว “ผมสามารถรับงานก่อนหน้านี้ของวิศวกรจ้าวไปพร้อมกันได้ ช่วยลดภาระให้เธอสักหน่อย วิศวกรจ้าว คุณว่ายังไง”

เขามองจ้าวหนานเซียวพลางยิ้ม

หลายปีก่อนตอนที่จ้าวหนานเซียวเพิ่งเข้ามาในสถาบันสะพานทางหลวง ผิวขาวสวยงาม เส้นผมยังไม่ได้ตัดออก เป็นคนสวยอย่างแท้จริง หลินหยางเห็นครั้งแรกก็ตกตะลึงในความสวย ตามจีบทันที พอจีบไม่ติด ภายหลังจึงปฏิบัติต่อเธอด้วยท่าทีเฉยชาอย่างในตอนนี้

หัวหน้าฝ่ายเกาลังเลเล็กน้อย หันไปทางจ้าวหนานเซียว

“เสี่ยวจ้าว ถ้างั้นขอรบกวนคุณหน่อย คุณไปได้ไหม”

ทุกคนต่างก็หันมามองเธอ

จ้าวหนานเซียวถอนใจช้าๆ แล้วยิ้ม “หัวหน้าฝ่ายคุณว่ามาเถอะ ฉันไม่มีปัญหา”

“ได้ งั้นเอาตามนี้แล้วกัน คุณฝากฝังเรื่องให้เสี่ยวหลิน ค่อยไปทำความเข้าใจสถานการณ์กับเลขาฯ จาง เตรียมตัวให้พร้อม วันนี้กลับเร็วหน่อย บ่ายนี้ให้คุณหยุดไปพักผ่อน แล้วพรุ่งนี้ออกเดินทาง”

ธุระสะสางแล้ว หัวหน้าฝ่ายเกาค่อนข้างดีใจ ยกถ้วยชาขึ้นจิบดังอึกแล้วพูดพลางหัวเราะร่า

“คนหนุ่มสาวน่ะต้องฝึกฝนเยอะๆ นี่คือความไว้วางใจที่ฝ่ายมีต่อคุณ! คว้าโอกาสที่ยากจะหาได้ไว้ให้ดี ตั้งใจทำงาน เป็นการเพิ่มความสามารถของตัวเองอย่างหนึ่งนะ!”

ในห้องประชุมสุดท้ายเหลือแต่จ้าวหนานเซียวกับหลินหยาง และยังมีเฉินซงหนานอีกคน

หลินหยางนั่งไขว่ห้าง จัดกระดุมแต่งแขนของเสื้อเชิ้ตแอร์เมสสีดำที่ใส่มาวันนี้ให้เรียบร้อย ยิ้มพลางพูด “วิศวกรจ้าว หัวหน้าฝ่ายให้ความสำคัญกับคุณจริงๆ นะ คุณเรียนจบแล้วก็เข้ามาที่นี่ได้สามสี่ปีแล้วใช่ไหม ตอนนี้วางใจปล่อยให้คุณไปคนเดียวแล้ว ก็นะ สายงานอย่างพวกเรานี่ การปฏิบัติจริงสำคัญที่สุด พวกวุฒิการศึกษาต่างๆ กลับไม่สำคัญเลย”

จ้าวหนานเซียวไม่มีประวัติการศึกษาที่เมืองนอก และไม่ได้เรียนปริญญาโทในประเทศ เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้วก็ทำงานทันที

เธอไม่ตอบคำ หันไปทางเฉินซงหนาน “เสี่ยวเฉิน เอาข้อมูลทั้งหมดของสะพานเหล็กสาธารณะทวิประสงค์เมือง T กับวิธีการติดต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องให้วิศวกรหลิน”

“รับทราบ” เฉินซงหนานตอบเธอ

“วิศวกรหลิน ถ้าทางคุณมีปัญหาอะไรภายหลังล่ะก็ ติดต่อฉันได้ตลอดเลยนะ ฉันยังมีธุระ ไปก่อนล่ะ” พูดจบจ้าวหนานเซียวก็เดินออกจากห้องประชุมไป

 

ยุ่งวุ่นวายตลอดทั้งเช้า ตอนเที่ยงเพื่อนร่วมงานไปกินข้าวกันหมดแล้ว จ้าวหนานเซียวยังนั่งอยู่กับที่อ่านข้อมูลเกี่ยวกับสะพานใหญ่ชิงหลิ่งที่เพิ่งได้รับมา

เหลืออีกแค่นิดเดียว เธอตั้งใจจะอ่านให้จบค่อยไป ตอนบ่ายไม่เข้ามา แล้วคืนนี้ก็เข้านอนเร็วหน่อย

นักศึกษาชายที่ฝึกงานพานักศึกษาหญิงเข้ามาหาอย่างระมัดระวัง อยากจะพูดอะไรแต่ก็ต้องชะงัก

“ฉันยังต้องไปทำงานข้างนอก กว่าจะกลับมาพวกเธอก็น่าจะไปแล้ว ฉันฝากเธอสองคนไว้ให้วิศวกรเจียงแล้ว เขาจะดูแลพวกเธอต่อ การประเมินผลฝึกงานให้พวกเธอไปหาเขา” จ้าวหนานเซียวพูด

“ขอบคุณครับ! ขอบคุณวิศวกรจ้าว เมื่อกี้พวกเราไปรายงานตัวกับวิศวกรเจียงแล้ว”

นักศึกษาชายรีบกล่าวขอบคุณ มองดูนักศึกษาหญิงที่หลบอยู่ข้างหลังตนทีหนึ่ง

“วิศวกรจ้าว เมื่อเช้าต้องขอโทษจริงๆ เธอพูดจาเหลวไหล และเธอก็สำนึกผิดแล้ว เธอมาขอโทษคุณ อยากให้คุณเป็นผู้ใหญ่ใจดี อย่าถือสาเลยนะครับ” เขาลากแฟนสาวออกมา

นักศึกษาหญิงมองจ้าวหนานเซียวอย่างขลาดกลัว พูดเสียงค่อยว่า “ขอโทษค่ะวิศวกรจ้าว…เมื่อเช้าฉันไม่ควรพูดแบบนั้น…ฉันขอโทษคุณ…”

สายตาของจ้าวหนานเซียวยังคงอยู่ที่ไฟล์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่หยุดเม้าส์ที่อยู่ในมือ

“วิศวกรระดับสูงสี่คนของฝ่ายสำรวจและออกแบบแซ่อะไรกันบ้าง บอกได้ไหม” เธอถาม…อย่างกะทันหันไปหน่อย

นักศึกษาหญิงชะงัก สายตาฉายแววงุนงง แต่ก็ยังตอบเบาๆ “หัวหน้าฝ่ายแซ่เติ้ง ลูกฝ่ายมีวิศวกรหวัง…”

นักศึกษาชายเสริม “ยังมีวิศวกรจาง แล้วก็…” เขาหยุดไป

จ้าวหนานเซียวเงยหน้าขึ้นในที่สุด มองดูคนสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง

“ฉันไม่ถามแล้วว่าพวกเธอรู้ชื่อเต็มๆ ของพวกเขากันรึเปล่า มาได้สองเดือนกว่าแล้ว ตอนนี้จะไปอยู่แล้ว แม้แต่วิศวกรระดับสูงคนสำคัญของแผนกที่ติดต่อด้วยมากที่สุดในทุกวันยังรู้ไม่ครบ จะต้องให้สอนอะไร”

นักศึกษาทั้งสองนัยน์ตาฉายแววกระดาก

“ซีเอดี เอสยู โฟโต้ชอป อินดีไซน์ เพจเมกเกอร์ การใช้ซอฟต์แวร์พื้นฐานในการทำงานพวกนี้ทำได้เป็นยังไงแล้วบ้าง”

นักศึกษาทั้งสองมองวิศวกรจ้าวพลางพูดเสียงค่อย “พอประมาณแล้ว…”

“เมื่อกี้ฉันดูผังที่พวกเธอวาดในหลายวันมานี้ บอกตามตรงว่ายังขาดตกอีกไม่น้อยนะ”

นักศึกษาทั้งสองหน้าแดง

“ฉันดูนักศึกษาฝึกงาน ปกติแล้วจะให้อีกฝ่ายช่วยฉันร่างภาพแปลนให้เสร็จเป็นอย่างแรก ทำแบบนี้จะได้เห็นถึงความสามารถในการวาดแปลนขั้นพื้นฐานกับดูว่ารอบคอบใส่ใจรึเปล่า ที่จริงการออกแบบแบบจำลองภาพสามมิติแนวตั้งโดยใช้แปลนก่อสร้างเป็นทักษะในการออกแบบและใช้ซอฟต์แวร์พื้นฐาน ทำไมถึงให้พวกเธอวาดภาพทุกวันน่ะหรือ นี่คือสกิลพื้นฐานของงานสายนี้

หัดวาดภาพที่ดีได้แล้ว จะสบายไปตลอดชีวิต นี่คือคำแนะนำที่ศาสตราจารย์จากคณะวิศวฯ ชี้แนะฉันตอนที่ฉันเพิ่งเริ่มทำงาน ฉันบอกต่อให้พวกเธอ ถ้าพวกเธออยากจะยึดงานนี้เป็นอาชีพไปตลอดชีวิตจริงๆ”

จ้าวหนานเซียวพูดจบก็อ่านข้อมูลเสร็จแล้วปิดคอมพิวเตอร์

“ออกจากมหา’ลัยก็จะไม่มีใครมีหน้าที่สอนพวกเธอในสิ่งที่พวกเธอควรทำให้เป็นตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาอีกแล้ว พวกเธอมาเช็ดโต๊ะให้ทุกคนตั้งแต่เช้าทุกวัน ทำตัวน่าชื่นชม แต่ความจริงแล้วพวกเธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ เรื่องพวกนี้มีคนทำได้ ที่จริงแล้วงานทุกสายก็มีคนเก่งที่มีความคิดสร้างสรรค์มากมาย แต่ตัวเองจะเป็นคนเก่งรึเปล่า เรียนหนังสือมาสิบกว่าปีแล้วในใจก็น่าจะรู้ดีนะ ถ้าไม่ใช่ ทางที่ดีก็อย่าตั้งเป้าหมายไว้สูงจนเกินไป…สิ่งที่คนเพิ่งเรียนจบต้องการมากที่สุด คือการอยู่กับความเป็นจริงและการลงมือทำ”

นักศึกษาหญิงสองตาแดงก่ำแล้ว ดูเหมือนใกล้จะร้องไห้เต็มที นักศึกษาชายก็หน้าแดงไปถึงใบหู พยักหน้าไม่หยุด “ครับๆ วิศวกรจ้าวพูดถูก พวกเราจะจำไว้ครับ!”

เขาหยุดไปสักครู่ มองดูเธอเก็บของอย่างระมัดระวัง

“หลังพวกเราเรียนจบก็อยากจะอยู่ต่อถ้าเป็นไปได้ ประสบการณ์การฝึกงานที่สถาบันนี้สำคัญกับเรามากจริงๆ ครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่ก็อยากให้คุณเป็นผู้ใหญ่ใจดี ช่วยพูดเรื่องดีๆ กับทางวิศวกรเจียงให้เราได้ไหมครับ”

จ้าวหนานเซียวลูบหน้าผาก

“วางใจเถอะ ไม่มีใครเอาเรื่องพวกเธอหรอก ไม่เป็นไรแล้ว ไปเถอะ”

นักศึกษาทั้งสองค่อยถอนใจโล่งอก

“ขอบคุณวิศวกรจ้าว! งั้นพวกเราไปก่อนนะ!”

นักศึกษาชายรีบพานักศึกษาหญิงจากไป

จ้าวหนานเซียวมองดูเงาหลังของนักศึกษาทั้งสองคน

“เดี๋ยวก่อน!”

พวกเขาหยุดฝีเท้า หันมามองเธอ สีหน้าส่อแววแตกตื่น

“เธอส่งเรซูเม่สมัครงานผิดมาที่อีเมลของฉัน” จ้าวหนานเซียวพูดกับนักศึกษาชาย

นักศึกษาชายร้อง “อา” กำลังจะพูดขอโทษ จ้าวหนานเซียวกลับโบกมือให้

“ฉันแนะนำให้เธอตรวจเรซูเม่ให้ละเอียดอีกรอบ ส่วนที่เป็นข้อความถ้ามีไปลอกจากที่ไหนมาล่ะก็ ทางที่ดีใช้ภาษาของตัวเองเรียบเรียงสักหน่อย งานสายนี้วงการแคบ ทุกคนรู้จักกันหมด แล้วก็พวกภาษาสวยหรูเกี่ยวกับกิจกรรมมหาวิทยาลัยไม่จำเป็นต้องพร่ำเพ้อมากเกิน ตำแหน่งในงานสายนี้ยึดตามความเป็นจริง รับเด็กใหม่ ไม่ได้อยากได้คนมาบริหารองค์กร สิ่งที่เธอต้องเน้นในจดหมายสมัครงานก็คือทนความลำบากได้และยินยอมทำงานล่วงเวลา ง่ายๆ แค่นี้เอง แนะนำเฉยๆ ถือว่าให้คำปรึกษา”

เธอลุกขึ้นแล้วเดินผ่านข้างคนสองคนที่กำลังตกตะลึงไป เห็นเฉินซงหนานยืนอยู่ที่ประตู ราวกับรอมาได้สักพักแล้ว เมื่อเห็นเธอออกมาก็รีบเข้ามาหา บอกว่าจองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว เที่ยวบินรอบพรุ่งนี้เช้า

ข้อมูลเที่ยวบินที่เขาส่งมา เธอเห็นตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว

“วิศวกรจ้าว พรุ่งนี้เช้าให้ผมไปรับคุณนะ เที่ยวบินเช้า ทางจากบ้านคุณไปสนามบินค่อนข้างไกล” เขาพูดอีก

“ไม่ต้องหรอก เราไปเจอกันที่สนามบินเลย” จ้าวหนานเซียวบอกลาเขา ขณะกำลังจะไปแล้วก็ได้ยินเสียงคนตะโกนจากข้างหลัง

“วิศวกรจ้าว!”

จ้าวหนานเซียวหยุดฝีเท้าแล้วหันไป

นักศึกษาฝึกงานชายตามออกมา โค้งอย่างนอบน้อมให้เธอหนึ่งครั้ง “ขอบคุณที่สอนพวกเราในช่วงเวลานี้ ขอให้คุณทำงานได้อย่างราบรื่นครับ”

จ้าวหนานเซียวยิ้มแล้วพยักหน้า “พวกเธอก็พยายามเข้านะ”

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 27 .. 64 เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 7

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: