X
    Categories: Blue Bridge สะพานรักสีน้ำเงินWith Loveทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน Blue Bridge สะพานรักสีน้ำเงิน บทที่ 2

หน้าที่แล้ว1 of 6

บทที่ 2

กระเป๋าเดินทางยังวางอยู่บนพื้นห้องโดยไม่ได้จัดของ จะได้ลดความยุ่งยากในการเก็บ

รุ่งเช้าวันถัดมา จ้าวหนานเซียวไปถึงสนามบิน

เฉินซงหนานสะพายกระเป๋าใบใหญ่รออยู่ที่ทางเข้าแล้ว กำลังมองซ้ายมองขวา พอเห็นเธอปรากฏตัว ดวงตาก็สว่างวาบ วิ่งเข้ามาแย่งเธอถือกระเป๋าเดินทาง

“ฉันถือเองได้”

“ไม่เป็นไร ผมมือว่างอยู่!” เฉินซงหนานลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปข้างในแล้ว

บนเครื่องบิน เธอขอผ้าห่มจากแอร์โฮสเตสมาคลุมลงบนตัวแล้วพิงพนักเก้าอี้งีบหลับ

ที่จริงเมื่อคืนนี้เธอปิดไฟเข้านอนตั้งแต่ยังไม่ถึงสี่ทุ่ม แต่ว่านาฬิกาชีวภาพรวนโดยสิ้นเชิง ถ้าคนเราจะมีของสิ่งนี้อยู่จริงล่ะก็นะ เธอไม่สามารถหลับได้สักที ภายหลังจึงลุกขึ้นมาอ่านข้อมูลของสะพานใหญ่ชิงหลิ่งที่ห้องหนังสือ อ่านจนดึกดื่นค่อยกลับไปขึ้นเตียงนอนอีกครั้ง

สองชั่วโมงกว่าให้หลัง เครื่องบินลงจอดที่ท่าอากาศยาน คนทั้งสองวนอ้อมภายในเมืองยี่สิบกว่ากิโลเมตรมาถึงสถานีรถไฟของเมืองนี้ แล้วขึ้นรถไฟไปยังอำเภอ Y ที่มีสะพานใหญ่ ระหว่างทางแวะหยุดตามสถานีน้อยใหญ่ต่างๆ ในที่สุดก็มาถึงอำเภอตอนบ่ายสองโมงกว่า เจอคนจากทางฝ่ายบริหารจัดการของทางหลวงพิเศษที่อยู่ในท้องถิ่นมารับ

อีกฝ่ายแซ่เหยียน เป็นเลขานุการสำนักบริหารจัดการ ตอนที่เพิ่งเจอกันยังนึกว่าเฉินซงหนานเป็นวิศวกรที่สถาบันออกแบบส่งมา พอรู้ว่าเข้าใจผิดคนก็เก้อเขินเล็กน้อย รีบขอโทษเป็นชุด

“ขออภัยจริงๆ วิศวกรจ้าว ต้องโทษผมที่ตาไม่ดี คุณอย่าถือสาเลยนะ”

สถานการณ์แบบนี้จ้าวหนานเซียวเคยชินเสียแล้ว ยิ้มพลางบอกว่าไม่เป็นไร

เลขาฯ เหยียนมองดูเวลา “เริ่มเย็นแล้ว ถ้างั้นวันนี้พักผ่อนในตัวอำเภอก่อนหนึ่งคืน พรุ่งนี้ผมค่อยส่งพวกคุณไปนะ”

จ้าวหนานเซียวถามว่าเดินทางไปต้องใช้เวลาเท่าไหร่

“ทางด่วนปิดไปแล้ว ไปถนนหลักใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง”

“ไปกันเลยเถอะ” จ้าวหนานเซียวพูด

เลขาฯ เหยียนเห็นเธอยืนกรานเช่นนั้นจึงตกลง แล้วนำทางไปอย่างเป็นกันเอง

บนถนนหลักมีรถก่อสร้างมากมายแล่นอยู่ รวมกับสภาพอากาศแห้งแล้ง ฝุ่นดินปลิวคลุ้ง รถคันเล็กแทรกตัวไปมาระหว่างรถก่อสร้าง ตอนบ่ายสี่โมงกว่าๆ ค่อยเลี้ยวเข้าถนนในอำเภอที่มีรถน้อยลงบ้าง มาถึงหมู่บ้านชิงหลิ่ง

ในสถานที่นั้นมีคนงานสวมหมวกนิรภัยที่มีสัญลักษณ์ของเครือเจจีกรุ๊ปกำลังทำงานกันวุ่น รถตักดินและรถก่อสร้างแล่นไปมาไม่หยุด จัดการกับหินและดินโคลนที่ร่วงลงมากองเป็นภูเขาที่ใต้สะพาน คนงานเห็นมีคนมาจึงรีบเรียกผู้จัดการ

ผู้จัดการชื่อว่าหยางผิงฝู อายุสี่สิบกว่าๆ รีบเข้ามาหา และก็เป็นเช่นเดียวกับเลขาฯ เหยียนที่ในตอนแรกนึกว่าเฉินซงหนานคือผู้รับผิดชอบงาน

เฉินซงหนานรีบแก้ไข บอกว่าตนเองเป็นผู้ช่วย

หยางผิงฝูตกตะลึง จ้องมองจ้าวหนานเซียว คนงานก็หยุดทำงาน จับกลุ่มกันสองสามคนล้อมเข้ามา มองประเมินเธอขึ้นลงแล้วสุมหัวกระซิบกระซาบ

จ้าวหนานเซียวทั้งตัวแต่งกายด้วยเสื้อนอกตัวหลวม กางเกงยีนกับรองเท้ากีฬา ดูแล้วไม่ข่มคนจริงๆ

“เป็นผู้หญิงเหรอ”

“เธออายุเท่าไหร่ เพิ่งจบมั้ง เธอรู้เรื่องไหม…”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนงานลอยมาไม่หยุด

เลขาฯ เหยียนกระแอมทีหนึ่ง ตีหน้าขรึม “เอาล่ะ วิศวกรจ้าวนั่งเครื่องบินมาไกลจากปักกิ่ง ยังไม่ได้พักก็ตรงมาที่นี่เลย ผมจะบอกพวกคุณให้นะ เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สถาบันออกแบบส่งมา! พวกคุณงึมงำอะไรกัน”

พวกคนงานถูกคำว่า ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ อุดปากไปแล้ว

เลขาฯ เหยียนดูเหมือนจะสนิทกับผู้จัดการ รีบพูดเร่งรัด “เหล่าหยาง นายบอกรายละเอียดสถานการณ์ให้วิศวกรจ้าวหน่อย!”

หยางผิงฝูดูเหมือนหมดความอดทนเล็กน้อย

สะพานทางด่วนเส้นนี้ด้านล่างเชื่อมกับถนนของอำเภอ ด้านหนึ่งแขวนเอียงตามแนวภูเขา ภูมิประเทศลาดชัน เริ่มแรกที่ออกแบบยึดตามหลักที่ตัวภูเขาธรรมชาติจะไม่เสียหายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใช้แผนพาดสะพานข้ามผ่านเพื่อปรับระยะ ลดการก่อกวนถนนเส้นที่ถูกตัดผ่าน ช่วงก่อนหน้านี้พื้นที่ตรงนี้ประสบกับฝนตกติดต่อกันอย่างที่น้อยครั้งจะมี สภาพอากาศที่ไม่ดีในช่วงหนึ่งเดือนมานี้ทำให้เกิดอุบัติเหตุดินถล่มบนภูเขา หินผาขนาดใหญ่ที่หนักหลายตันสองสามก้อนกลิ้งหล่นลงมาอย่างต่อเนื่องจากยอดเขาสูงร้อยเมตรที่ชันเจ็ดสิบองศา ทำให้สะพานเกิดความเสียหายอย่างที่ใช้สายตาประเมินได้

ผู้จัดการแซ่หยางคนนี้คงจะยุ่งมากจริงๆ หรือไม่ก็ไม่เห็นความสำคัญของเธอ พอรายงานอย่างรีบเร่งเสร็จก็พูดเหมือนท่องหนังสือมาว่า “การถล่มของตัวภูเขาได้สิ้นสุดลงและสงบลงแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีได้ยืนยันว่าไม่มีปัญหาแล้ว ดินที่ถล่มลงมาเย็นนี้ก็ขนย้ายเสร็จ รบกวนวิศวกรจ้าวรีบไปสำรวจ กำหนดแผนงาน พวกเราจะได้รีบก่อสร้าง!” กล่าวจบก็ทิ้งเธอไว้แล้วจากไป

เลขาฯ เหยียนรีบอธิบาย “ทางด่วนสายนี้ก่อนหน้านี้ได้รับการดูแลสร้างสะพานถนนจากเครือเจจีกรุ๊ป คุณน่าจะรู้จักเจจีดีกว่าผม รัฐวิสาหกิจ ใหญ่ในห้าร้อยอันดับต้นของโลก การสร้างสะพานถนนไม่ใช่ไม่มีฝ่ายก่อสร้างที่มีความสามารถ เพียงแต่ลูกน้องคนทำงานที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้ เป็นคนหยาบๆ กลุ่มหนึ่ง วิศวกรจ้าวอย่าถือสาเลยนะ” เขาเปลี่ยนเรื่องพูด “แต่ว่าที่นี่อยู่บนถนนเส้นหลักพอดี ทางด่วนปิดหนึ่งวันก็เป็นความเสียหายหนึ่งวัน คำร้องต่อระยะเวลาก่อสร้างเร่งด่วนจริงๆ ต้องรบกวนคุณด้วย”

สถานการณ์ที่หยางผิงฝูรายงานมานั้นจ้าวหนานเซียวทราบหมดแล้วตั้งแต่ก่อนมา เธอไม่พูดอะไร สวมหมวกนิรภัยแล้วเรียกเฉินซงหนานเพื่อเริ่มสำรวจสถานที่ ทำงานวุ่นจนฟ้ามืด ประเมินขั้นต้นว่าหินที่ตกลงมาสร้างความเสียหายจากการปะทะอย่างใหญ่หลวงต่อฐานถนน เสาค้ำสะพานหมายเลขสี่และห้า คานรูปกล่อง ฐานราวเหล็กป้องกันสะพานลูกฟูกส่วนใน และรั้วป้องกันการกระแทกส่วนนอก

ด้านข้างเลยไปไม่กี่ร้อยเมตรมีโรงเรียนประถมระดับหมู่บ้านที่คนย้ายออกไปแล้ว คนงานต่อไฟฟ้าไปชั่วคราว พักอยู่ในอาคารโรงเรียนตอนกลางคืน

ทางไปอำเภอค่อนข้างไกล จ้าวหนานเซียวปฏิเสธคำเชิญของเลขาฯ เหยียนอย่างสุภาพ เธอเก็บกวาดห้องว่างกับเฉินซงหนานคนละห้อง แล้วย้ายเข้าไปอยู่ท่ามกลางเสียงอึกทึกจากรถก่อสร้างที่ขนย้ายดินตลอดคืน

 

เป็นอย่างที่หยางผิงฝูบอกจริงๆ พวกเขาทำงานเร็วมาก เช้าวันที่สองก็เก็บกวาดดินที่อยู่รอบสะพานใหญ่จนสะอาดเกลี้ยง ในสถานที่ก็มีบุคลากรทางเทคนิคสองคนมาช่วย คนงานในทีมก่อสร้างว่างแล้วก็เตร็ดเตร่อยู่แถวนั้น มุงดูจ้าวหนานเซียวพาคนปีนขึ้นปีนลงสะพาน ถือสมุดจดบันทึกประเมินผลไม่หยุด

ตอนบ่าย เธอเรียกคนงานสองสามคนไปช่วยทดสอบน้ำหนักบรรทุกคงที่

มุงดูอยู่ครึ่งค่อนวันแล้ว คนงานเลิกวิพากษ์วิจารณ์รูปลักษณ์ของเธอเหมือนอย่างเมื่อวานตอนที่เธอเพิ่งมาถึง พอได้ยินว่าเธอต้องการคนก็ต่างอาสาด้วยความยินดี แย่งกันเข้ามาช่วย

ขณะที่กำลังทดสอบวางแม่แรงลงบนแท่นหัวเข็ม พอตั้งเสาคานแล้วคนงานที่ขับรถก็ทำตามคำสั่งขับรถไปยังจุดทดสอบช้าๆ ระบบแปลงความดันและระบบสำรวจการเคลื่อนตัวของทิศทางก็ได้ติดตั้งเรียบร้อยแล้ว จ้าวหนานเซียวทางหนึ่งบันทึกค่าตัวเลข ทางหนึ่งออกคำสั่งให้เพิ่มแรงกดดัน อยู่ๆ ผู้จัดการหยางก็โผล่เข้ามาขัดจังหวะการทดสอบ

“ผมว่านะวิศวกรจ้าว คุณช่วยรีบหน่อยได้ไหม คุณจะทำอย่างนี้อีกนานแค่ไหน งานแบบนี้พวกเราทำมาเยอะแล้ว ให้หลับตาทำก็ไม่มีทางพลาด! คุณเองก็ไม่เห็นต้องทำให้มันยุ่งยากขนาดนี้ เซ็นชื่อซะ เราจะได้เริ่มทำงาน คุณก็จะได้กลับไปเร็วหน่อย!”

คนรอบข้างต่างหยุดชะงัก มองดูจ้าวหนานเซียว

จ้าวหนานเซียวบันทึกค่าตัวเลขลงในสมุดโน้ตต่อ ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามามอง “คุณสามารถเริ่มก่อสร้างได้ทันที ฉันเองก็สามารถไปได้ทันที แต่ฉันจะไม่เซ็นชื่อ ดูว่าคุณจะทำยังไง”

สีหน้าเขาดูไม่ได้เล็กน้อย ยืนเงียบไม่ส่งเสียงสักคำ

จ้าวหนานเซียวหันหน้าไป “ทำต่อ!”

พวกคนงานได้สติก็รับคำ “ครับ” ทีหนึ่ง

“พรุ่งนี้ก็จะได้ผลประเมินขั้นต้น!” เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็บอกหยางผิงฝู

หยางผิงฝูปากเอ่ยพึมพำคำหนึ่งแล้วก็จากไปอย่างขุ่นเคือง

เย็นวันนั้นในห้องทำงานเก่าโทรมที่กลายเป็นที่พักชั่วคราว จ้าวหนานเซียวอาศัยแสงสลัวจากไฟหลอดไส้สีขาวขนาดยี่สิบห้าวัตต์ นั่งอยู่หน้าโต๊ะเรียนชำรุดที่ใช้อิฐหนุนขาข้างหนึ่ง เปิดสมุดโน้ตก้มทำงานจนดึกดื่น

 

วันต่อมาบุคคลอย่างเลขาฯ เหยียนและหยางผิงฝูก็ได้ฟังผลการตรวจสอบและแผนการซ่อมบำรุงของจ้าวหนานเซียวในห้องเรียนที่ว่างเปล่าของโรงเรียน ทั้งสองจ้องมองกันทีหนึ่ง ก่อนจะออกไปโดยไม่ส่งเสียงใดๆ สักคำ

ผ่านไปครู่หนึ่งเลขาฯ เหยียนก็เข้ามา ปิดประตูแล้วยิ้มพลางพูดขึ้น “วิศวกรจ้าว ขอปรึกษาคุณเรื่องหนึ่งหน่อย ขั้นตอนการซ่อมบำรุงพื้นสะพาน เสาสะพาน และรั้วกั้นพวกนั้นที่คุณเสนอมาไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น แต่ว่าคานรูปกล่องจะเปลี่ยนแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์เป็นเหล็กข้ออ้อยแทนได้รึเปล่า คุณอย่าเข้าใจผิดนะ ผมไม่ได้สงสัยอะไรในคุณภาพ” เลขาฯ เหยียนบอก “คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สถาบันออกแบบส่งมา คำแนะนำคงไม่ผิดพลาดอยู่แล้ว แต่พื้นที่ที่เกี่ยวข้องไม่นับว่าน้อยเลย พวกเราก็ต้องพิจารณาต้นทุนใช่ไหมล่ะ ผมได้ยินบุคลากรทางเทคนิคบอกว่าปัญหาแบบนี้ปกติจะใช้เหล็กข้ออ้อยเสริมความแข็งแรง ไม่เคยมีปัญหามาก่อน ลูกน้องก็ใช้กันจนคล่องมือ สะดวกกว่า”

จ้าวหนานเซียวบอกอีกฝ่าย “คานรูปกล่องจัดเป็นโครงสร้างอัดแรงประเภท A เกณฑ์การออกแบบทางด่วนในตอนแรกคือต้องเพียงพอต่อปริมาณการจราจรของรถโดยสารคันเล็กหนึ่งหมื่นห้าพันคันถึงสามหมื่นคันต่อวันโดยประมาณ และสะพานใหญ่ท่อนนี้ตั้งอยู่ในศูนย์กลางการเชื่อมต่อ ส่วนที่ได้รับความเสียหายยังอยู่ในตำแหน่งสำคัญที่รองรับแรง เมื่อพิจารณาจากหลายด้านรวมกับผลวัดระดับการตรวจประเมินความเสียหาย ฉันเชื่อว่าควรจะใช้แผ่นคาร์บอนไฟเบอร์เสริมความแข็งแรง แบบนี้จะคงทนกว่าเหล็กข้ออ้อย แน่นอนว่าคำแนะนำของฉันในตอนนี้อาจจะไม่ใช่คำแนะนำท้ายสุด ฉันจะส่งรายงานไปให้บริษัททำการตรวจสอบ สุดท้ายถึงจะได้ผลสรุป”

เลขาฯ เหยียนพยักหน้า ทำสีหน้าลำบากใจอีกครั้ง “เรื่องนี้ผมรู้ แต่ผมก็รู้ว่ารายงานของคุณต้องให้ความสำคัญกับการปรึกษา…ดูจากแผนงานของคุณ ไม่ใช่แค่ต้นทุนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ระยะเวลาก่อสร้างก็ต้องยืดออก พวกเราเสียหายมากนะ…”

“ฉันเข้าใจ แต่ต้องขออภัยด้วย สำหรับฉันแล้ว มาตรฐานความปลอดภัยมาก่อน ไม่มีช่องทางให้บ่ายเบี่ยง นอกจากว่าผู้ประกอบการจะตัดความสัมพันธ์ตัวแทนกับบริษัทฉัน”

“ได้ๆ ผมทราบแล้ว ผมจะกลับไปรายงานหัวหน้าเดี๋ยวนี้ล่ะ วิศวกรจ้าวคุณทำงานต่อเถอะ”

เลขาฯ เหยียนหัวเราะแหะๆ หยิบเอกสารแล้วรีบออกไป

ฟ้ามืดแล้ว จ้าวหนานเซียวกลับจากไซต์ก่อสร้างของสะพานใหญ่ไปยังที่พัก หลังจากปิดประตู เปิดสมุดโน้ตทำงาน อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู เธอจึงลุกขึ้นไปเปิดดู

“ผู้จัดการหยาง? มีอะไรคะ”

หยางผิงฝูเปลี่ยนท่าทีขาดความอดทนที่มีต่อเธอเมื่อสองวันก่อน ทั่วใบหน้าระบายยิ้ม ชี้เข้าไปข้างใน “วิศวกรจ้าว ผมเข้าไปได้ไหม”

จ้าวหนานเซียวเปิดประตูให้กว้างขึ้น หยางผิงฝูแทรกตัวเข้ามา ยิ้มพลางพูด “วิศวกรจ้าว เรียกผมว่าเหล่าหยางก็พอ เมื่อสองวันก่อนผมทำกิริยาไม่ค่อยดีกับคุณเท่าไหร่ ผมเสียใจมาก เป็นความผิดของผมเอง ตอนนี้มาขอโทษคุณ ผมเป็นคนหยาบกร้าน ไม่ค่อยอ่านหนังสือเท่าไหร่ คุณอย่าถือสาหาความกับผมเลยนะ” กล่าวจบก็โค้งตัวให้เธอ

จ้าวหนานเซียวห้ามไว้ “ไม่เป็นไร แต่ละฝ่ายก็มีหน้าที่ของตัวเอง ทุกคนต่างมีเรื่องลำบาก ฉันเข้าใจค่ะ”

“วิศวกรจ้าวช่างเข้าใจคนจริงๆ!”

หยางผิงฝูเอ่ยชมอีกสองสามคำ มองดูสถานที่ที่เธอพักแล้วก็ส่ายศีรษะ “วิศวกรจ้าว คุณเดินทางมาไกลเพื่อกำกับพวกเราทำงาน แล้วยังให้คุณพักในที่แบบนี้อีก ลำบากคุณจริงๆ ผมไม่มีวิธีแสดงออก สินน้ำใจเล็กน้อยนี้ไม่อาจแทนความเคารพได้ หวังว่าคุณจะไม่รังเกียจ” กล่าวจบก็หยิบซองจดหมายออกมาซองหนึ่ง “…วิศวกรจ้าวคุณวางใจได้ ออกไปแล้วผมจะลืมทุกอย่างให้หมด คุณพักผ่อนเถอะ ผมไปแล้ว ไม่รบกวนคุณแล้ว” เขาวางของแล้วก็หมุนตัวตั้งท่าจะไป

สำนักงานใหญ่ของเครือเจจีกรุ๊ปอยู่ที่ปักกิ่ง มีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับคุณตาของจ้าวหนานเซียว คุณตาของเธอไม่เพียงแต่เคยเป็นหัวหน้าวิศวกรของเครือ ประธานใหญ่ของเครือตอนยังหนุ่มก่อนที่จะเข้าเกณฑ์ทหารทางรถไฟก็เคยเป็นนักเรียนของคุณตา ตอนนี้คุณตาอายุมากแล้ว แม้จะออกจากงานแล้ว แต่ก็ยังเป็นที่ปรึกษาทางเทคนิคของเครืออยู่

เจจีเป็นคู่ค้าทางธุรกิจของสถาบันออกแบบมานาน หลายปีมานี้ทั้งสองฝ่ายได้ทำโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของประเทศร่วมกันไม่น้อย สำหรับบริษัทแห่งนี้จ้าวหนานเซียวย่อมไม่รู้สึกว่าเป็นคนอื่นคนไกล แค่คนงานของบริษัทในเครือเจจีกรุ๊ปที่อยู่ในสังกัดก็มีแสนกว่าคนแล้ว การมาก่อสร้างในสถานที่โดยปัจจุบันทันด่วนแบบนี้จึงว่าจ้างคนใต้สังกัด เลี่ยงไม่ได้ที่จะเกี่ยวโยงถึงความสัมพันธ์ทางผลประโยชน์บางอย่างของฝ่ายก่อสร้างที่เป็นเจ้าของหรือไม่ก็ผู้จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์

จ้าวหนานเซียวไม่ใช่มือใหม่ที่เพิ่งออกจากรั้วมหาวิทยาลัย การที่หยางผิงฝูมาหาตอนนี้ หญิงสาวก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายมาทำอะไร

“เดี๋ยวก่อน!”

เธอเรียกคนไว้ หยิบซองจดหมายส่งคืนไป “เหล่าหยาง เอากลับไปเถอะ”

หยางผิงฝูดูเหมือนจะคาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว มือล้วงเข้าไปในอกเสื้อเหมือนจะหยิบมาเพิ่ม

จ้าวหนานเซียวพูด “ฉันยังคงยืนยันคำเดิม ทางฉันนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแผนได้”

หยางผิงฝูหยุดมือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ มองเธออยู่นาน ก่อนจะรับซองจดหมายคืนแล้วหันหลังจากไป

จ้าวหนานเซียวปิดประตูแล้วกลับไปนั่ง

ค่ำคืนล่วงไปช้าๆ

บริเวณรอบข้างเงียบสงบลง เสียงเอะอะโวยวายจากการเล่นไพ่ของวิศวกรที่พักอยู่ห้องตรงข้ามเงียบหายไปแล้ว ในหูแค่มีเสียงลมหวีดหวิวที่พัดอย่างบ้าคลั่งจากที่ไกลดังเข้ามาแว่วๆ

จ้าวหนานเซียวนวดขมับสองข้างที่ปวดหนึบ ยืนขึ้นมาเตรียมจะต้มน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วเข้านอน พลันได้ยินเสียงแปลกประหลาดเบาๆ ดังมาจากทางหน้าต่างจึงหันไปดู เห็นบนพื้นข้างหน้าต่างมีงูเลื้อยอยู่ตัวหนึ่ง

เธอไม่ได้เพิ่งมาไซต์ก่อสร้างเป็นครั้งแรก และก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พบเจองู แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าแม้งูตัวนี้จะหนังดำลายเขียว รูปลักษณ์น่าพรั่นพรึง แต่ชื่อสามัญคืองูไช่ฮวา** เป็นงูที่พบได้ทั่วไปตามชนบท ต่อให้คนถูกกัดก็เพียงเจ็บแผลเลือดออก ไม่มีพิษอะไร

หญิงสาวมองไปที่หน้าต่าง

อาคารเรียนเก่าโทรม กระจกหน้าต่างแตกไม่มีชิ้นดี วันนั้นตอนที่เข้ามาพัก เฉินซงหนานได้ช่วยตอกกระดานไม้ให้แล้วนำฟิล์มพลาสติกทึบแสงจากไซต์ก่อสร้างมาปิดทั้งหน้าต่างไว้ ทำเป็นม่านคลุม

เธอจำได้แม่นยำว่าได้ห่อฟิล์มพลาสติกไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีจุดที่เป็นช่องโหว่ แต่ว่าตอนนี้มุมที่ไม่เตะตาทางซ้ายมุมหนึ่งกลับขาดออก และมีรูเล็กๆ รูหนึ่ง

จ้าวหนานเซียวไม่ส่งเสียงใดๆ หยิบแท่งเหล็กที่ใช้ยันประตูตอนนอนหลับขึ้นมา เล็งแล้วก็กดงูที่อยู่บนพื้น จากนั้นเดินไปที่ประตูแล้วเปิดออก

มีคนงานคนหนึ่งเกาะประตูกำลังฟังความเคลื่อนไหวข้างใน พอเห็นประตูเปิดออกแล้วมีเธอยืนอยู่หลังประตูก็สะดุ้งตกใจ หันหน้าแล้ววิ่งหนีไป

“หยุดนะ!” จ้าวหนานเซียวตะโกนคำหนึ่ง

คนงานหยุดฝีเท้าแล้วเดินคอตกกลับมา

“วิศวกรจ้าว ดึกขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่นอน ผมแค่ผ่านทางมาเฉยๆ เอ่อ ในห้องคุณมีงูหรือครับ ผมช่วยจับให้!”

คนงานจะเข้ามาจับงู จ้าวหนานเซียวปราดมองนอกประตูแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดหมายเลขโทรออกอย่างไม่รีบร้อนแต่ก็ไม่ชักช้า

“110 ใช่ไหม ฉันจะแจ้งตำรวจ มีคนจงใจปล่อยงูเข้ามาในที่พักฉันกลางดึก…”

เธอยังพูดไม่ทันจบ หยางผิงฝูก็โผล่ออกมาจากมุมหนึ่งที่นอกประตูก่อนจะแย่งมือถือไปจากเธอแล้ววางสาย โค้งคำนับให้เธอไม่หยุด “คุณจ้าว! คุณผู้หญิง! ผมขอล่ะ! ผมผิดไปแล้ว! ผมก็ไม่มีทางเลือก ทุกคนต้องกินข้าว ผมเป็นแค่คนงานเล็กๆ คนหนึ่ง ผมจะไปตัดสินใจอะไรได้ คุณยกโทษให้ผมเถอะ!”

จ้าวหนานเซียวพูดอย่างเย็นชาว่า “คนอื่นจะยังไงฉันไม่สน งานออกแบบโครงสร้างที่อยู่ในมือฉันจะไม่มีการอะลุ่มอล่วยแม้แต่นิดเดียว คุณตัดสินใจไม่ได้ก็ไปเรียกคนที่ตัดสินใจได้มา!”

ขณะที่หยางผิงฝูกำลังลังเลก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์เธอดังขึ้นมา เขาปราดมองหน้าจอรอบหนึ่ง รีบพยักหน้า “ได้ๆ พรุ่งนี้เช้าผมจะติดต่อเบื้องบน เบื้องบนว่าไง ผมก็ทำตามนั้น!”

จ้าวหนานเซียวค่อยรับสายโทรศัพท์ที่ดึงกลับมาได้ “ไม่มีอะไรแล้วค่ะ เมื่อครู่นี้เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดค่ะ ขอโทษที่รบกวนนะคะ”

เมื่อเห็นเธอวางสาย หยางผิงฝูก็ถอนใจโล่งอก ทั้งรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย

เดิมคิดว่าผู้หญิงที่มาจากเมืองแบบนี้พอเจองูอยู่ในที่พักกลางดึกจะต้องตกใจขวัญหนีดีฝ่อ ถึงตอนนั้นเขาจะได้ช่วยเธอจับงูแล้วขู่ว่าที่นี่มักจะมีงูพิษผ่านไปผ่านมา เคยกัดคนบาดเจ็บมาก่อน ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอยังกล้าอยู่ต่อแล้วสู้กับเขา นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคืนนี้ได้พบเจอกับตอแข็งของจริง ใช้ไม่ได้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง

เฉินซงหนานที่อยู่ห้องข้างๆ ตกใจตื่นขึ้นมาจากความฝัน เปิดประตูวิ่งออกมา เห็นหยางผิงฝูถืองูเดินก้มหน้าสิ้นหวังจากไปก็ตกใจอย่างมาก

“วิศวกรจ้าว เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมในห้องคุณถึงมีงู คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ไม่เป็นไร เรื่องไม่คาดฝันเล็กน้อย จัดการแล้ว นายพักผ่อนเถอะ” จ้าวหนานเซียวปิดประตูลง

 

แผนงานยังไม่ได้ยืนยันขั้นสุดท้าย เพื่อเร่งระยะเวลาก่อสร้าง วันรุ่งขึ้นทีมก่อสร้างจึงเริ่มเจาะพื้นสะพานส่วนที่เสียหายก่อน เที่ยงของวันถัดไปจ้าวหนานเซียวกำลังกินข้าวอยู่ในห้องแห่งหนึ่งของโรงเรียนที่ใช้เป็นโรงอาหารไซต์ก่อสร้าง เฉินซงหนานก็ถือกล่องข้าวเดินมานั่งข้างๆ แล้วส่งนมกล่องให้เธอ

“เมื่อกี้ผมเห็นร้านเล็กๆ ในหมู่บ้านมีขายนมวัว ผมเลยแวะซื้อให้คุณหนึ่งลัง ที่เหลือวางไว้หลังประตูห้องคุณแล้วนะครับ”

“ขอบคุณ ราคาเท่าไหร่ ฉันกลับไปแล้วจะจ่ายเงินให้”

“ไม่ต้องๆ ของไม่แพง!” เฉินซงหนานรีบโบกมือปัด

“ฉันควรจ่าย” จ้าวหนานเซียวยิ้ม

เฉินซงหนานมองเธอ อ้าปากราวกับอยากจะพูดอะไร สุดท้ายก็ไม่ได้พูด เพียงเจาะหลอดให้แล้วยื่นไปตรงหน้าหญิงสาว “นี่ครับ”

ความจริงจ้าวหนานเซียวไม่ค่อยชินกับการที่ผู้ช่วยเอาใจใส่และสุภาพขนาดนี้ แต่ของส่งมาแล้ว จะไม่รับก็ไม่ได้

เธอก้มลง เพิ่งดูดไปได้แค่คำเดียวก็ได้ยินเสียงเรียกตนเองแว่วเข้ามา “วิศวกรจ้าว!” พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นหยางผิงฝูพูดคุยกับคนคนหนึ่งพลางเดินมาทางนี้

ชายคนนั้นยังหนุ่มอยู่มาก ประเมินด้วยตาไม่ควรเกินยี่สิบห้าปี รูปร่างสูง ขายาว สวมเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำเงินเข้มธรรมดาๆ

จ้าวหนานเซียวกวาดสายตามองใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วก็ต้องหยุดชะงัก

หน้าผากเอิบอิ่ม คิ้วเชิดขึ้น ดวงตาดอกท้อที่งดงามอย่างยิ่งยวดราวกับใช้พู่กันวาดที่เพียงพอให้ผู้หญิงอิจฉา แววตาลึกล้ำ ดั้งจมูกเป็นสัน…นอกจากเส้นผมที่เปลี่ยนเป็นตัดสั้น และผิวที่คล้ำกว่าคนในความทรงจำคนนั้นแล้ว การรับรู้ของเธอในตอนแรกก็คือวันนี้ที่นี่ตัวเธอได้พบกับคนที่หน้าตาคล้ายกับคนคนหนึ่งเป๊ะ

แม้ตั้งแต่เล็กจนโตจะไม่เคยชอบคนคนนั้นมาก่อน แต่จ้าวหนานเซียวก็ยอมรับว่าหน้าตาของคนคนนั้นโดดเด่นอย่างยิ่ง ทั้งยังเปล่งประกายราวกับส่องแสงได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ทำให้คนมองเขาตั้งแต่แรกเห็น

ตอนที่เธอมองอีกฝ่าย คนคนนั้นก็เหมือนจะสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมาจากข้างหน้าจึงหันมา ในเวลากระชั้นชิดเธอถอนสายตาไม่ทัน สายตาทั้งสองจึงประสานกัน

นัยน์ตาของเขาค้างเล็กน้อย ฝีเท้าเชื่องช้าลง สุดท้ายก็หยุดไป

“วิศวกรสวี เธอก็คือวิศวกรจ้าวจากสถาบันออกแบบที่ผมเพิ่งบอกคุณไป”

หยางผิงฝูเห็นเขาหยุดจ้องจ้าวหนานเซียวจึงรีบแนะนำ

วิศวกรสวี? เป็นเขาจริงด้วย!

ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าจะได้เจอคนสารเลวแซ่สวีคนนั้นที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้วที่นี่ในวันนี้

เขากลับมาประเทศจีนตอนไหน แล้วก็สรุปว่าทำงานในสายนี้จริงๆ เหรอ

จ้าวหนานเซียวรู้สึกเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ดังนั้นจึงสำลักนมในปากที่ยังไม่ทันกลืนลงไป ไอขึ้นมาแล้วลนลานหันหลังไป

เฉินซงหนานเห็นแล้วก็รีบรับนมวัวที่อยู่ในมือเธอไป ก่อนจะยื่นกระดาษเช็ดปากส่งให้ “วิศวกรจ้าวคุณเป็นอะไร นมวัวมีปัญหาอะไรรึเปล่า”

จ้าวหนานเซียวรู้สึกอับอาย รับกระดาษไปปิดปากแล้วพยายามหยุดไอ โบกไม้โบกมือ ยืนขึ้นแล้วหันกลับไป

“นี่คือวิศวกรสวีที่มาจากสำนักงานใหญ่ประจำพื้นที่ของเรา รับผิดชอบโครงการนี้ เพิ่งมาถึง” ผู้จัดการแนะนำอีกฝ่ายให้เธอ

ตอนที่จ้าวหนานเซียวไอ ชายหนุ่มจ้องมองเงาหลังของเธอตลอดเวลา ตอนนี้สายตาทั้งสองข้างค่อยละออกจากร่างของหญิงสาวในที่สุด มองดูเฉินซงหนานที่มีสีหน้าเป็นห่วงและยังยืนอยู่ข้างๆ เธอก็หรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นค่อยก้าวเข้ามาตรงหน้า

“เรียกผมว่าสวีซู่ก็พอ วิศวกรที่รับผิดชอบงานนี้ติดธุระชั่วคราว พอดีผมว่างอยู่ เลยให้ผมมาแทน ขอโทษด้วยที่มาช้า หวังว่าจะไม่ถ่วงการทำงานของคุณ”

“วิศวกรจ้าว ขอฝากตัวด้วย”

ใบหน้าของเขาผุดรอยยิ้มบางๆ ดูมีพิธีรีตอง พอพูดจบก็โค้งให้เธอเล็กน้อย เป็นฝ่ายยื่นมือที่มีนิ้วเรียวยาวออกมาก่อน รอให้เธอตอบรับ

 

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 29 .. 64 เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 6

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: