บทที่ 69
เฝิงจื่อหยางโทรศัพท์มาหา
ท่าทางเขาไม่ได้อารมณ์ดีสบายๆ เหมือนก่อนหน้านี้ที่เคยเป็น ทันทีที่ต่อสายติดก็เอ่ยด้วยเสียงแห้งผาก
“เสี่ยวหนิงเอ๋อร์”
ชูหนิงตกใจกับน้ำเสียงเช่นนี้ของเขา นิ้วของเธอที่ตอนแรกยังจิ้มเขี่ยๆ อยู่บนหน้าอกของอิ๋งจิ่งก็หยุดนิ่ง เธอถามเขา
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
อิ๋งจิ่งเหลือบมองดูชื่อที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือแล้วเกิดความรู้สึกไม่พอใจ เอานิ้วของชูหนิงกลับมาวางบนหน้าอกตัวเองอีกครั้งด้วยท่าทีฉุนเฉียว
ชูหนิงเตะเขาเบาๆ ใต้ผ้าห่มแล้วก็ลุกขึ้นลงจากเตียง
เธอไม่ได้สวมเสื้อผ้า เท้าเปลือยเปล่า เอวบางร่างน้อย และยังมีรอยนิ้วมือแดงๆ อยู่บนนั้นด้วยเล็กน้อย
ชูหนิงเป็นคนที่สวยมาจากภายใน บุคลิกรูปร่างดี อิ๋งจิ่งเห็นแล้วก็รู้สึกอึดอัดหอบหายใจแฮกๆ อยู่บนหมอน
เฝิงจื่อหยางพูดแค่ไม่กี่คำ สีหน้าท่าทีชูหนิงก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง “พวกนายสองคนคุยกันดีๆ อย่าวู่วามเด็ดขาด ต้องให้ฉันช่วยอธิบายไหม”
“เธออย่ามา ฉันแก้ปัญหาเองได้” เฝิงจื่อหยางสุดจะทนกับเสียงตะโกนกรีดร้องที่ดังอยู่ข้างหู ตอนนี้เขากำลังหงุดหงิดงุ่นง่านใจ สะบัดเสื้อคลุมกันลมออกไป เอามือเท้าเอวข้างหนึ่ง ท่าทางเต็มทนสุดๆ
“ฉันเอาช่วงเวลาสาววัยรุ่นของตัวเองไปแลกกับจิตใจที่เหี้ยมโหดของนายชัดๆ!”
“ถ้าไม่พอใจก็ปล่อยฉันไปสิ เธอเห็นฉันเป็นอะไร!”
ฝั่งนั้นมีเสียงผู้หญิงดังแทรกเข้ามา อารมณ์รุนแรงและพลุ่งพล่าน
ชูหนิงไม่ได้ฟังจนจบทั้งหมด เฝิงจื่อหยางก็วางสายไป
อิ๋งจิ่งเกาะติดเข้ามาจากด้านหลัง กอดเธอไว้และจูบบนไหล่ของเธอ “กล้านะ อ่อยเล่นกับคู่หมั้นคนก่อนต่อหน้าแฟนคนปัจจุบัน”
ชูหนิงถูกเขาจุ๊บจนจั๊กจี้ เบนตัวหลบทันที “เจ้าหมอนี่แปลกๆ แฮะ”
อิ๋งจิ่งมีความรู้สึกไม่พอใจต่อเฝิงจื่อหยาง ก็เลยพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี “คุณห่วงเขา”
ชูหนิงชำเลืองมองเขา “ทำไมนายใจแคบขนาดนี้”
“ใครใช้ให้เขาเคยเป็นคู่หมั้นของคุณกันล่ะ ถึงจะแค่เป็นแบบปลอมๆ ก็เถอะ”
ชูหนิงจนปัญญากับเขา “ขี้หึง”
ก็แค่แสดงออกด้วยคำพูดสนุกปากเท่านั้น เมื่อผ่านพ้นไปแล้วอิ๋งจิ่งก็ยังคิดแทนเธอแล้วเอ่ยถาม
“เกิดอะไรขึ้นกับเขา”
“เขามีแฟนสาวคนหนึ่ง ก็…ก็คือว่า…” ชูหนิงทำเสียงกระแอม สุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากจะอธิบาย
“แอบคบกัน” อิ๋งจิ่งพูดออกมาตรงๆ
ชูหนิงพยักหน้าอย่างหวาดๆ “อือ ช่วงนี้ทั้งสองคนมีเรื่องกันรุนแรงมาก”
เมื่อฟังจบแล้วอิ๋งจิ่งมีท่าทีสงบนิ่งมาก “ถ้าไปต่อไม่ได้แล้วจริงๆ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะมัดไว้ให้อยู่ร่วมกัน แต่ถ้ามีความรู้สึกต่อกันจริงๆ ระหว่างคบกันต่อให้ทรมานแค่ไหนก็ยังจะได้ผลลัพธ์ที่ดี”
ชูหนิงพูดอย่างร่าเริง “โอ้ คุณครูอิ๋ง”
“คุณต่างหากที่เป็นคุณครูของผม” อิ๋งจิ่งยักคิ้วให้เธอ พูดด้วยจังหวะสบายๆ ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป “แต่ว่าเมื่อกี้นี้คุณครูสอนเสียงดังไปหน่อย ได้อารมณ์สยิวมากเลย”
“…” ชูหนิงกลั้นหายใจ สงบใจไม่ลง ขึงตาจ้องเขาแต่สีหน้าดันแดงแปร๊ด
ว่าด้วยเรื่องความไร้ยางอาย ผู้ชายเป็นต่อกว่านิดหน่อยเสมอ
เพิ่งผ่านเวลาสองทุ่ม ห้วงราตรีปกคลุมเข้ามาเงียบๆ
ทั้งสองคนอยู่ตัวติดกันนานมากจนเบื่อ ท้องก็เริ่มส่งเสียงร้องโครกคราก ขณะคิดจะออกไปหาอาหารกิน เฝิงจื่อหยางก็โทรศัพท์มาอีกแล้ว
ชูหนิงกับอิ๋งจิ่งกำลังคอยลิฟต์ โอบกอดพูดคุยหัวเราะคิกคักกันอยู่ เมื่อรับสายแล้วฟังเพียงไม่กี่คำ สีหน้าของชูหนิงก็เปลี่ยนไป
“ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
หลังวางสายเธอหันหน้ากลับไปหาอิ๋งจิ่งแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ “นายไปทานเองเถอะ ขอโทษนะ ฉันต้องไปหาเขาหน่อย”
น้อยนักที่จะมีช่วงเวลาที่ชูหนิงตื่นตระหนกแบบนี้
“คุณอย่าลนลาน” อิ๋งจิ่งกดไหล่ของเธอไว้ เหมือนให้การปลอบโยนเต็มที่ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”
“แฟนของเฝิงจื่อหยางโดนกระตุ้นอารมณ์ บอกว่าจะไปพูดคุยอธิบายเหตุผลกับผู้ใหญ่ของทั้งสองครอบครัว เฝิงจื่อหยางรีบเดินทางไปที่นั่นแล้ว” นี่ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ชูหนิงเผยสีหน้าลำบากใจ “ครอบครัวตระกูลเฝิงเข้าร่วมงานเลี้ยงกันในวันนี้” เธอเว้นวรรคเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “แม่ฉันก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมด้วย”
อิ๋งจิ่งพูดทันทีว่า “ผมจะไปกับคุณด้วย”
“ไม่ต้อง วุ่นวายเกินไป แม่ของฉัน…” ชูหนิงส่งเสียงถอนใจ “ให้ฉันไปดูลาดเลาเหตุการณ์ก่อนได้ไหม”
อิ๋งจิ่งเข้าใจในเหตุผลจึงไม่สร้างปัญหาวุ่นวายเพิ่มให้เธอ รีบพูดตอบทันที “โอเค คุณขับรถช้าๆ ระวังหน่อยนะ”
ประตูลิฟต์เปิดออก
“เฮ้” อิ๋งจิ่งดึงมือของชูหนิงเอาไว้ “เจอเรื่องอะไรอย่าเพิ่งตื่นตกใจ ถ้ามีอะไรโทรศัพท์หาผมนะ”
เมื่อถึงช่วงเวลาที่สำคัญ คนคนนี้กลับมีท่าทีสุขุมและอารมณ์นิ่งได้จริงๆ สายตาของอิ๋งจิ่งแน่วแน่มาก ไม่มีอาการตื่นตระหนก พอมองแล้วก็ให้ความรู้สึกใจสงบมาก