X
    Categories: Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์With Loveทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์ บทที่ 59

หน้าที่แล้ว1 of 3

บทที่ 59

ตอนที่พวกเขาออกมาจากโรงหนังก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงกว่าแล้ว เมื่อเดินเตร็ดเตร่สักพักหนึ่งก็ถึงเวลามื้อค่ำ แต่ขณะที่ชูหลี่กับเจียงอวี่เฉิงกำลังปรึกษากันว่าเย็นนี้จะกินปิ้งย่างหรืออาหารญี่ปุ่นอยู่นั้น โจ้วชวนกลับงอแงจะกลับบ้าน

“ใต้เตียงบ้านนายมีทองคำแท่งเหรอ ถึงต้องกลับไปเฝ้าทุกวัน” เจียงอวี่เฉิงมองโจ้วชวนอย่างรังเกียจ “นายมีดีกว่าผู้ชายที่หมกตัวอยู่ในบ้านทั้งวันแค่เรื่องทักษะในการเขียนเท่านั้นแหละ”

“ไม่จริงหรอกค่ะ ผู้ชายที่หมกตัวอยู่ในบ้านทั้งวันสมัยนี้อย่างน้อยก็ใช้กล้องดิจิตอล แต่งรูป ตัดต่อวิดีโอ ทำป้ายไฟเป็น ถ้าเสียงเพราะยังร้องเพลงได้อีกด้วย” ชูหลี่นับนิ้ว “แล้วถ้าไปถ่ายรูปสวยๆ ให้บรรดาหญิงสาวที่งานคอสเพลย์ก็ต้องคอยแบกอุปกรณ์ตากลมตากฝน เพราะฉะนั้นก็ต้องมีแรงเยอะด้วย…”

ชูหลี่ลดมือลงและมองไปทางโจ้วชวนเงียบๆ

โจ้วชวนมองเธอ ก่อนจะพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ “ผมสามารถใช้มือเดียวแบกกล้องดิจิตอลได้ รวมทั้งขาตั้งด้วย”

ชูหลี่ “…”

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าผมจะอุ้มคุณไหวหรอกนะ ยายตัวกลม แถมเมื่อกี้ยังกล้ากินช็อกโกแลตชิ้นใหญ่อีก

ในขณะที่ชูหลี่และโจ้วชวนกำลังจ้องกันอย่างเงียบเชียบ เจียงอวี่เฉิงก็ดึงเรื่องที่กำลังจะออกทะเลไปไกลกลับมาทันที เขายื่นมือมาสะกิดโจ้วชวนเบาๆ

“จะรีบกลับบ้านทำไม วันนี้นอกจากฉันจะมาดูหนังกับเจ้าลิงน้อยแล้ว ยังต้องคุยเรื่องสัญญาตีพิมพ์ ‘สวนสนุกที่หายไป’ อีก…เรื่องที่เจ้าลิงน้อยสัญญาในโรงหนังเป็นเรื่องที่ฉันหวังมานานแล้ว นายอย่ายุ่งไม่เข้าเรื่องสิ”

โจ้วชวนมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านข้างเขาครู่หนึ่ง “ฉันอยากกลับบ้าน เพราะที่บ้านมีคนทำอาหารให้กิน”

“…”

มือชูหลี่ที่จับกระเป๋าเริ่มเกร็ง รูม่านตาหดเล็กลง ขณะที่หญิงสาวจ้องตาโจ้วชวนก็ได้ยินเจียงอวี่เฉิงพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจดังมาจากด้านหลัง

“นายจ้างแม่บ้านทำอาหารเหรอ ไม่สั่งกินแล้วเหรอ ดีแล้วล่ะ บอกนายตั้งนานแล้วว่าสั่งกินประจำมันไม่ดีนะ รสก็จัด ไขมันก็เยอะ ไม่ดีต่อสุขภาพ…”

“บลาๆๆ” โจ้วชวนพูดอย่างไร้อารมณ์ “อย่ามาทำเหมือนเป็นผู้ปกครองฉันได้ไหม ฉันกับนายน่ะรุ่นราวคราวเดียวกันนะ แล้วฉันก็ไม่ได้จ้างแม่บ้านด้วย แค่มีคนมาทำอาหารให้กิน แถมยังช่วยดูต้นฉบับ พาหมาไปเดินเล่น และดูโทรทัศน์เป็นเพื่อน…”

“ช่วยดูต้นฉบับ พาหมาไปเดินเล่น และดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนเหรอ” เจียงอวี่เฉิงอึ้ง มองโจ้วชวนราวกับเขาเป็นมนุษย์ต่างดาว “นายมีแฟนแล้วจริงเหรอ”

ชูหลี่ค่อยๆ ถอยไปอยู่ด้านหลังเจียงอวี่เฉิง จากนั้นก็เริ่มทำไม้ทำมือบอกให้โจ้วชวนหยุดพูด อย่าเอาแต่พูดจาเรื่อยเปื่อยไร้สาระ แต่ชายหนุ่มกลับมองเธอเป็นอากาศ เบือนหน้าหนีอย่างหน้าตาเฉย…

ชูหลี่โมโหจนกระทืบเท้า!

ในตอนนี้เองเจียงอวี่เฉิงที่ไม่รู้เลยว่าด้านหลังกำลังเกิดอะไรขึ้น แถมยังช็อกอยู่ก็เอ่ยปาก “ถึงว่า…เมื่อวานตอนอยู่บ้านแต่งตัวซะเว่อร์เชียว ที่แท้มีความรักแล้วสิท่า”

โจ้วชวนชะงักไป “ฉันแต่งตัวแบบนั้นเพราะอยากแต่ง อยู่บ้านจะแต่งตัวดีหน่อยไม่ได้เหรอ ใครตั้งกฎกัน ดูแลตัวเองทุกวินาทีมันผิดด้วยหรือไง”

เจียงอวี่เฉิงไม่ได้ฟังคำแก้ตัวข้างๆ คูๆ ของเขา “อย่างน้อยสี่สิบแปดชั่วโมงก่อนหน้านี้ ฉันคิดว่านายไม่ชอบมนุษย์เสียอีก…”

“ถ้ามนุษย์น่ารำคาญแบบนายทุกคนก็เป็นเรื่องปกติมากไม่ใช่เหรอที่ฉันจะสะอิดสะเอียนมนุษย์”

เจียงอวี่เฉิงไม่สนใจกับท่าทีเย้ยหยันของเขา “แล้วแฟนนายเป็นใคร ฉันรู้จักไหม นักเขียนหรือว่านักวาด บนเวยป๋อเขาพูดกันว่านักวาดหน้าปก ‘หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว’ คอยเปย์นายอยู่ ตอนแรกฉันยังไม่เชื่อ แต่พอลองคิดดูก็คงเพิ่งเป็นแฟนกันได้ไม่นาน…นี่ แม่นางเจี่ยนเหรอ”

โจ้วชวนยิ้มอย่างดูถูก “แม่นางเจี่ยนเหรอ คนพรรค์นั้นเรียกว่ามนุษย์ได้ด้วยหรือไง”

“งั้นนายบอกมาสิว่าเป็นใคร”

โจ้วชวนขยับปากราวกับไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกเจียงอวี่เฉิงพาออกนอกเรื่องแล้ว อันที่จริงเขาไม่ควรยอมรับเรื่อง ‘การมีอยู่ของแฟนสาว’ มากกว่า ‘แฟนสาวเป็นมนุษย์ไหม ใช่แม่นางเจี่ยนหรือไม่’…เมื่อเห็นโจ้วชวนทำท่าจริงจังเหมือนจะตอบ ชูหลี่ก็เริ่มหน้าแดง รีบหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความ…

หลังจากนั้นหนึ่งวินาทีก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยท่าทีดุดัน โทรศัพท์มือถือในมือของโจ้วชวนมีเสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น ชายหนุ่มจึงหยิบขึ้นมาดูครู่หนึ่งก็เห็นยายมนุษย์กล้วยส่งข้อความถึงเขา

 

อย่าพล่ามไปเรื่อย!!! ระวังคำพูดด้วยค่ะ!! เดี๋ยวจะทำลายความบริสุทธิ์ของคนอื่น!!!!!’ 

โจ้วชวน “…”

พูดอะไร แถมยังพิมพ์เครื่องหมายตกใจมาเยอะแยะขนาดนั้น ขู่ใครกัน

โจ้วชวนหยิบมือถือขึ้นมา รักษาสีหน้าให้นิ่งไว้ พิมพ์ตอบกลับโดยใช้ความเร็วแบบคนที่ทำงานเขียนหนังสือ

 

ทำไม ก่อนหน้านี้ยังจับมือผมไม่ยอมปล่อยอยู่เลย น้ำตาแทบจะอาบสองแก้มเพื่อให้ผมเชื่อคุณ ทำเป็นสาบานต่อสวรรค์ว่าจะทำผลงานออกมาให้ดีจนฟ้าดินสะเทือน ที่แท้แค่รู้สึกทอดถอนใจหลังจากดูหนังจบ พอเดินออกมาจากโรงหนังได้แป๊บเดียว ความฮึกเหิมก็หายวับไปเลย แม้แต่มื้อเย็นก็จะไม่ทำให้กินแล้ว แถมยังไม่พาหมาไปเดินเล่นอีก ดีที่ผมไม่รับปากคุณทันที ไม่งั้นตอนนี้หัวใจคงแตกสลายไปแล้ว

 

ชูหลี่ “…”

หัวใจคุณจะแตกสลาย!!!!

คุณมีหัวใจด้วยเหรอ

“คุยกันอยู่ดีๆ ทำไมถึงพิมพ์ข้อความล่ะ แฟนนายทักมาเหรอ”

โจ้วชวนตอบอย่างไม่ลังเล “คนทรยศน่ะ”

ชูหลี่ “…”

เจียงอวี่เฉิง “?”

โจ้วชวนมองไปยังชูหลี่ หลังจากนั้นก็ดูเหม่อลอย ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง…เขาเม้มปากไม่พูดไม่จา ชายหนุ่มพิมพ์สี่คำสุดท้ายบนมือถือ ก่อนจะยัดมันลงในกระเป๋าเสื้อแล้วจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเย็นชา

“ที่ออกจากบ้านเพราะจะมาดูหนัง ตอนนี้ดูหนังเสร็จแล้ว ฉันกลับบ้านละ”

ชูหลี่ก้มลงมองดูมือถือ หน้าจอแจ้งเตือนข้อความใหม่ซึ่งมีเพียงสี่พยางค์ กลับบ้านกับผม

เป็นประโยคคำสั่งและไม่ยอมผ่อนปรนใดๆ ทั้งสิ้น

ชูหลี่มองมือถือพลางคิดแล้วคิดอีก งั้นตอนเย็นจะทำอะไรกินล่ะ ไม่บอกก่อนนี่นาว่าจะกินที่บ้าน ยังไม่ได้ซื้อของเลย ในตู้เย็นยังมีอะไรเหลือบ้างนะ ขณะที่กำลังนึกอยู่ว่าเหลือมันฝรั่งกี่ลูก อยู่ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่าในถุงผ้าที่เธอกอดไว้แน่นมีสัญญาตีพิมพ์ ‘สวนสนุกที่หายไป’ ของเจียงอวี่เฉิงกำลังรอเซ็น

ชูหลี่นิ่งไปแล้วจึงเงยหน้าขึ้น เธอโบกมือให้โจ้วชวนและพูดประโยคหนึ่งที่นับว่ากล้าหาญมากที่สุดตั้งแต่เริ่มทำงานมา

“แล้วพบกันค่ะอาจารย์ เดินระวังด้วยนะคะ”

โจ้วชวนพยายามหยิบกุญแจออกมา เขาเงยหน้าขึ้นมองชูหลี่…

ราวกับหัวใจเขาแตกสลายไปแล้วจริงๆ

…แต่ก็ไม่ เพราะหลังจากนั้นสามนาทีชูหลี่ก็ได้รับข้อความใหม่สองข้อความ…

 

กอดสัญญาเน่าๆ ของคุณไว้ แล้วคืนนี้ก็หาที่นอนใต้สะพานลอยกับแก๊งพี่น้องขอทานเสีย เพราะผมจะไม่มีวันเปิดประตูให้คุณ

อย่าคิดแอบปีนเข้ามา ข้างในหมาดุ ไม่งั้นผมจะแจ้งตำรวจ

เมื่อส่งเด็กนักเรียนที่งอแงจะกลับบ้านไปเฝ้าทองคำแท่งแล้ว ชูหลี่กับเจียงอวี่เฉิงก็หาร้านอาหารนั่งคุยกัน

เจียงอวี่เฉิงสั่งกาแฟมาหนึ่งแก้ว ส่วนชูหลี่หยิบสัญญาตีพิมพ์ ‘สวนสนุกที่หายไป’ ส่งให้เขา หลังจากที่ชายหนุ่มหยิบมาเปิดอ่านดู เธอก็รู้สึกหวั่นใจไม่ใช่น้อย เพราะจำนวนตีพิมพ์ครั้งแรกเท่ากับ ‘หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว’ ของโจ้วชวน แต่วันนั้น Mr. L เผลอพูดว่าสำนักพิมพ์ซินตุ้นเคยเสนอจำนวนตีพิมพ์ครั้งแรกให้เจียงอวี่เฉิงถึงแสนกว่าเล่ม

เป็นไปตามที่คาดไว้ หลังจากที่อ่านเนื้อหาสำคัญในสัญญาจบลงอย่างรวดเร็ว เจียงอวี่เฉิงก็ปิดสัญญา ยกกาแฟตรงหน้าขึ้นดื่ม ริมฝีปากยกยิ้มบางพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ผมคิดว่าคุณน่าจะเดาได้ว่าผมอยากจะพูดอะไร” ชูหลี่ขยับปาก แต่เจียงอวี่เฉิงกลับพูดขัดขึ้นมา “และผมก็เดาได้เหมือนกันว่าคุณอยากพูดอะไร…สำนักพิมพ์หยวนเยวี่ยมีกิจการยิ่งใหญ่ จำนวนตีพิมพ์ครั้งแรกไม่มากไม่เป็นไร ที่สำคัญคือพวกคุณขายได้ ขอแค่ขายได้ก็พิมพ์ต่อไปได้ แล้วก็ให้ค่าลิขสิทธิ์ที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้จากการพิมพ์จำหน่ายกับผม โจ้วชวนเองก็ถูกเกลี้ยกล่อมแบบนี้ใช่ไหม”

ชูหลี่ “…”

ดูท่าพ่อนักแสดงก็คงไปปรับทุกข์กับคนอื่นอยู่เหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เต็มใจเซ็นสัญญาตีพิมพ์ฉบับนี้มากแค่ไหน

“พูดแบบนี้กับคนอย่างโจ้วชวนเหมาะสมที่สุดแล้ว เขาน่ะนะ ศักดิ์ศรีค้ำคอ ทั้งยังอวดดีคิดว่าคนอื่นไม่เข้าใจ มั่นใจในตัวเองซะเกินเบอร์” เจียงอวี่เฉิงยิ้มเยาะ “ถ้าคุณถามเขาว่าสามารถขายได้มากเท่าไร เขาอาจจะบอกคุณว่าถึงคุณพิมพ์ครั้งแรกสามแสนเล่ม เขาก็ขายหมดได้ ที่ยอมเซ็นสัญญาตีพิมพ์ ‘หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว’ ให้คุณ ถ้าบอกว่าเขามั่นใจใน บ.ก. คนใหม่อย่างคุณ ควรบอกว่าเขามั่นใจในตัวเองจะดีกว่า” เขาพูดต่อไป “แต่ผมไม่เหมือนกัน นับตั้งแต่ ‘สวนสัตว์ที่หายไป’ เล่มแรกสร้างยอดขายเป็นประวัติการณ์ให้กับนักเขียนมือใหม่อย่างผม เล่มที่สอง เล่มที่สาม และทุกเล่มล้วนเป็นผลงานชิ้นโบแดงในสายตาทุกคน หนังสือถูกวางไว้บนตำแหน่งหนังสือขายดีในร้าน แต่ความจริงแล้วทุกเล่มกำลังดิ่งลงเหว” เจียงอวี่เฉิงมองตาชูหลี่ “จนกระทั่งตีพิมพ์นิยายครั้งที่แล้วก็ผ่านมาสองปี ยอดตีพิมพ์ครั้งแรกสองแสนเล่ม ตอนนี้ดูเหมือนว่ายังขายไม่หมด ยังค้างสต็อกอยู่เลย มหกรรมลดราคาวันคนโสด* มาถึงทีไร สำนักพิมพ์ก็ขายลดกระหน่ำราวกับกระโดดตึกทุกที เห็นแล้วผมปวดใจ…”

พอคิดว่าทุกปีเจียงอวี่เฉิงจะช่วยโพสต์โฆษณาขายหนังสือในมหกรรมลดราคาวันคนโสด ชูหลี่ก็พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

“ทุกครั้งที่พวกเขาขอให้ช่วยโพสต์โฆษณาเพื่อล้างสต็อกหนังสือในโรงพิมพ์ ผมก็ยิ้มและตอบตกลง มันเหมือนกับ…มีคนจะตบหน้าคุณ คุณไม่เต็มใจ แต่กลับต้องยื่นหน้าออกไปยังไงยังงั้น ช่วยไม่ได้ ใจอ่อนเองนี่นา ตีพิมพ์นิยายก็แค่ใช้เงิน จะสูงส่งไปกว่าคนงานแบกอิฐสักเท่าไรกันเชียว”

เสียงของเจียงอวี่เฉิงราบเรียบ มุมปากยิ้มอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนที่เขาพูดว่า ‘ลดกระหน่ำราวกับกระโดดตึกในมหกรรมลดราคาวันคนโสด’ ก็ถึงกับยิ้มเยาะออกมาพลางยกมือข้างหนึ่งลูบหน้า…

ลึกลงไปแล้วรอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มแห่งความเศร้า

การแสดงออกทางสีหน้าราวกับที่กระโดดตึกนั้นเป็นตัวเขาเอง ไม่ใช่หนังสือของเขา

…ราวกับหลายปีมานี้ที่เขาแบกชื่อเสียง ‘นักเขียนนิยายขายดี’ ไว้นั้น เขาต้องผ่าน พบเจอ หรือรับมือกับอะไรมาบ้าง คงมีแค่ตัวเขาเท่านั้นที่รู้

“แต่ว่าผมเคยบอกแล้วว่าจะให้โอกาสคุณนะชูหลี่” ชายหนุ่มผู้อบอุ่นและสง่าวางมือลง เขามองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้าม “สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในมุมมืดมักจะถูกสิ่งมีชีวิตที่เติบโตภายใต้แสงสว่างดึงดูด โจ้วชวนเป็นอย่างนั้น ผมก็เหมือนกัน…” เขาโน้มตัวลงเล็กน้อยพร้อมกับส่งสัญญาตรงหน้าคืนให้กับชูหลี่ “ดังนั้นผมจะยังไม่เซ็นสัญญาฉบับนี้กับคุณ แต่ผมยินดีจะให้โอกาสคุณครั้งหนึ่ง สิบห้าวันจากนี้หลัง ‘หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว’ ของโจ้วชวนวางจำหน่าย จงใช้ตัวเลขที่น่าพอใจมาโน้มน้าวให้ผมเซ็นสัญญา”

ชูหลี่ก้มมองสัญญาที่ถูกเลื่อนมาไว้ตรงหน้า…เห็นรอยจางๆ ของข้อต่อนิ้วมือที่ติดอยู่บนสัญญา เห็นได้ชัดว่านิ้วมือของเขาเรียวยาว

“ก่อนหน้าคุณสัญญาไว้ว่าจะไม่ให้นักเขียนตกเป็นเครื่องสังเวยให้กับความมีชื่อเสียงอีกต่อไปแล้ว…” เจียงอวี่เฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ถ้าอย่างนั้นทำให้ผมเห็นจิตวิญญาณในการเป็น บ.ก. ของคุณ ถ้าแม้แต่นักเขียนผู้โด่งดังอย่างโจ้วชวนคุณยังจัดการไม่ได้ ก็คงช่วยผมที่ใกล้เน่าอยู่ในโลงออกมาไม่ได้เหมือนกัน”

 

* มหกรรมลดราคาวันคนโสด (Double 11 Shopping Festival) จัดขึ้นในวันที่ 11 พฤศจิกายนซึ่งเป็นวันคนโสดของทุกปี มีต้นกำเนิดจากแพลตฟอร์ม Tmall เมื่อปี พ.ศ. 2552 และกลายเป็นมหกรรมลดราคาสินค้าที่แพร่หลายไปทั่วโลกในเวลาต่อมา

 

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 5 .. 66 เวลา 12.00 .

 

 

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: