ชายหนุ่มไม่สนใจ ยังพูดต่อไป “ก็แค่ผมรู้ว่าคุณชอบผมเท่านั้นเอง ชายโสดหญิงโสด ผมว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกไม่ดี ไม่ใช่เรื่องน่าขายหน้า…”
เวินเซ่าชิงเจอจุดอ่อนก็ปักมีดฉึกเข้าที่สีข้างของฉงหรง เธอขนพองทันที “เงียบเลย! อย่าพูดอีก!”
ถึงตอนนี้ฉงหรงจึงรู้ตัวว่าอาหารค่ำคืนนี้ความจริงคืองานเลี้ยงลวงมาเชือดชัดๆ
เวินเซ่าชิงไม่สนใจอาการโมโหของเธอ สีหน้าเขาจริงจัง เลือกใช้ศัพท์วิชาการเริ่มต้นร่ายเหลวไหล “โดยทั่วไปแล้ว ก่อนที่คนไข้จะยอมรับว่าตัวเองป่วยจะมีอาการทางจิตใจห้าระยะ อาการแบบเดียวกับที่คุณไม่สามารถยอมรับว่าชอบผม”
ฉงหรงอัดอั้นจนหน้าแดงก่ำ “ฉันชอบคุณที่ไหนกัน!”
เวินเซ่าชิงเลิกคิ้วสรุปว่า “อาการระยะแรก ระยะปฏิเสธ ไม่ยอมรับความจริง”
ฉงหรงโกรธจัด “เหลวไหล!”
เวินเซ่าชิงพอใจมากกับการตอบสนองของเธอ “ระยะที่สอง ระยะโกรธ หลักๆ แล้วผู้ป่วยจะแสดงอาการโกรธ โมโห ระบายอารมณ์ต่อคนใกล้ชิดรอบตัวของเขา”
ฉงหรงชูสองมือ “ก็ได้ ฉันถอนคำพูดเมื่อกี้ ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย”
เวินเซ่าชิงพยักหน้า “ระยะประนีประนอม ผู้ป่วยที่ยอมรับความจริงจะแสดงท่าทีเป็นมิตร”
“…” ฉงหรงปิดหน้า พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
ชายหนุ่มกล่าวต่อ “ระยะวิตกกังวล ผู้ป่วยจะแสดงอาการท้อแท้อย่างรุนแรง รู้สึกเศร้า หดหู่ เฉยเมย”
ฉงหรงสูดหายใจลึกมาก เงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยประกายตาซึมเซาก่อนจะลุกขึ้นยืน “คุณจะพูดอะไรก็ตามใจคุณ ฉันกินเสร็จแล้ว เหนื่อยมาก กลับก่อนล่ะ”
เวินเซ่าชิงมองเธอแล้วก็สรุปของเขาต่อไป “ระยะสุดท้าย โดยทั่วไปแล้วผู้ป่วยจะยอมรับความจริง ชอบอยู่คนเดียว ชอบนอน”
ฉงหรงหันกลับมาถลึงตาใส่ “คุณจะเอายังไงกันแน่?!”
“ผู้ป่วยบางคนจะแสดงอาการสติแจ่มใสก่อนตาย พยายามดิ้นรนครั้งสุดท้าย”
“…”
ฉงหรงรู้สึกอ่อนแรงไปทั้งตัว เธอไม่รู้ว่าการพูดอย่างคล่องแคล่ว พูดจาฉะฉานมีเหตุมีผลที่เธอใช้ในเวลาทำงานหายไปไหนหมด ทั้งๆ ที่รู้ว่าตอนเรียนหนังสือเธอเป็นกำลังหลักของทีมโต้วาทีมหาวิทยาลัย ระบบความคิดชัดเจน ปฏิกิริยาว่องไว มีตรรกะเป็นระเบียบแบบแผน แล้วทำไมตอนนี้ทุกครั้งถึงพ่ายแพ้หมดรูปอยู่ในมือคนฆ่าสัตว์มืออาชีพ?
เวินเซ่าชิงพูดถูกอยู่เรื่องหนึ่ง ถ้าเธอเยือกเย็นนิ่งเฉยสักหน่อย แบบนี้เขาก็ไม่รู้สึกสนุกที่จะเย้าเธอ ไม่ว่ารั่งอี๋รั่งหรือเวินเซ่าชิง หลักข้างต้นใช้ได้จริง
พอคิดได้แบบนี้ฉงหรงก็รีบย้อนกลับมาที่โต๊ะอาหาร ถือตะเกียบกินข้าวต่อ
ช่วงเวลาต่อมาไม่ว่าเวินเซ่าชิงพูดอะไร เธอก็ไม่รับลูกต่อ ตั้งรับด้วยการยิ้มและการเงียบตลอดเวลา
เวินเซ่าชิงก็รู้ดีว่าไม่ควรต้อนคนจนตรอก ในที่สุดอาหารมื้อนี้จึงนับว่ากินเสร็จอย่างสงบ ไร้เหตุรุนแรง