ค่ำคืนในฤดูหนาว อุณหภูมิค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว แถมยังมีลมอีก ฉงหรงเปิดหน้าต่างทดสอบอุณหภูมิข้างนอก ก่อนจะใส่เสื้อขนเป็ดพันผ้าพันคอแล้วก็พารั่งอี๋รั่งลงไปข้างล่าง
พอลงมาถึงข้างล่าง ฉงหรงก็เสียใจที่พามันลงมา ไม่ใช่เธอพาหมามาเดินเล่น แต่เป็นหมาพาเธอมาเดินเล่นต่างหาก รั่งอี๋รั่งคงจะไม่ได้ลงมาเดินเล่นนานมาก มันเลยเชิดคอหูตั้งวิ่งเหมือนหมาบ้าในเขตชุมชนสามรอบ ฉงหรงถือสายจูงถูกลากจนขาแทบหลุด หยิบมือถือมาก็ขี้เกียจจะพิมพ์ตัวหนังสือ จึงส่งข้อความเสียงพร้อมหอบแฮกๆ
“เมื่อกี้พูดผิดไป ต้องจ่ายเรตค่าปรึกษาคูณสามให้ฉัน!”
เวินเซ่าชิงฟังแล้วหัวเราะร่า เสียงเธอมีเสียงลมแทรกเข้ามาด้วย ไม่เยือกเย็นระวังตัวเหมือนเวลาปกติ เหมือนกำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่อนจบยังได้ยินเสียงเห่าของรั่งอี๋รั่ง ดูท่าเธอกับมันเข้ากันได้ดี
เซียวจื่อยวนวางผลไม้ลง มองชายหนุ่ม “เป็นขนาดนี้แล้วยังหัวเราะออกอีก”
เวินเซ่าชิงวางมือถือ “ทำไมถึงมีเวลาว่างมาเยี่ยมได้”
เซียวจื่อยวนหัวเราะหึๆ “อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง วันนี้อาอี้อยู่เวรดึก ฉันเอาซุปมาให้เธอ ก็เลยแวะมาเยี่ยมนายแป๊บนึงต่างหาก”
เวินเซ่าชิงตอบไปสองคำว่า “เหอะๆ” เขาถือมีดปอกผลไม้ไว้ในมือแต่ไม่ปอก เอาแต่จับเล่นอยู่ในมือแล้วถามขึ้นมาลอยๆ “คิดว่าเธอเป็นยังไงบ้าง”
สายตาของเซียวจื่อยวนเบนจากหน้าจอทีวีมาที่ใบหน้าญาติผู้น้อง “ใคร เพื่อนบ้านน่ะเหรอ ไม่ค่อยได้สังเกต ตามีไว้มองแต่อาอี้”
เวินเซ่าชิงเอียนจนขว้างส้มใส่อีกฝ่าย “รู้ใช่มั้ยว่าเธอคือใคร”
เซียวจื่อยวนรับส้มเอาไว้แล้วย้อนคิดแบบจริงจัง “ดูแล้วก็เป็นแบบคนที่คลุกคลีในวงการกฎหมาย ฉลาดเฉลียวเป็นตัวของตัวเอง ความคิดเปิดกว้างมีเหตุผล เท่มาก ทัศนะที่มีต่อปัญหาไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงทั่วไป เป็นทนายสายว่าความสินะ รู้สึกว่าปากคอไม่เบาเลย อีกหน่อยเวลานายสองคนทะเลาะกันแล้วจะรู้สึก”
เวินเซ่าชิงยกมุมปาก “กับเธอน่ะ ไม่ทะเลาะกันหรอก”
“อย่าเพิ่งมั่นใจขนาดนั้น” เซียวจื่อยวนเอียงคอหรี่ตามอง “หลินเฉินรู้มั้ยว่าตอนนี้นายเป็นเพื่อนบ้านกับเธอ”
“ก็อยากบอกเขานะ แต่เขาไม่ให้โอกาสเลย” เวินเซ่าชิงขมวดคิ้ว “ทำไมชอบพูดถึงหลินเฉิน”
เปลือกส้มบางๆ ลื่นหลุดจากมือเซียวจื่อยวน เขาตอบเสียงเนิบนาบ “หลินเฉินรู้จักกับอาอี้ตั้งแต่เด็ก อาอี้เป็นคนให้ความสำคัญกับอดีต แม้เธอจะเข้าใจดีว่าเรื่องความรักฝืนใจกันไม่ได้ แต่หลินเฉินเอาแต่พเนจรอยู่ข้างนอกแบบนี้ เธอก็เป็นห่วง”
เวินเซ่าชิงทำเสียงจึ๊กจั๊กเดาะลิ้นพลางทำหน้าประหลาดใจ “เมียตัวเองห่วงผู้ชายอื่น แหม หัวหน้าเซียว ใจกว้างจริงๆ”
เวินเซ่าชิงตอนเด็กๆ ใสซื่อบริสุทธิ์ น่าเสียดายที่เขาต้องกลายเป็นคนปากร้ายเพราะญาติผู้พี่คนนี้ คนหนึ่งเย็นชาหน้านิ่ง อีกคนสง่าภูมิฐาน ต่างกลายเป็นตัวแสบปากร้ายไปหมด
เซียวจื่อยวนได้ยินก็ไม่โมโห เขาอมยิ้ม “ใช่เลย เมียฉันเป็นคนใส่ใจมิตรภาพน้ำใจไมตรี ไม่รู้ว่าเพื่อนบ้านของนายมีน้ำใจต่อหลินเฉินด้วยหรือเปล่า ฟังชัดๆ นะ เป็นเพื่อนบ้าน ไม่ใช่เมีย และก็ไม่ใช่แฟนด้วย”
มือที่ถือมีดปอกผลไม้ของเวินเซ่าชิงหยุดชะงัก ปิดปากอย่างรู้สถานการณ์