ดูเหมือนเซียวจื่อยวนจะยังไม่หนำใจ “คิดถึงชีวิตในอนาคตของนาย มันคงยากลำบากน่าดู ทนายความเชี่ยวชาญอะไรที่สุด หาช่องโหว่ ขยี้จุดอ่อน จุดระเบิด เชี่ยวชาญการรบแบบประวิงเวลาที่สุด รู้เรื่องราวต่างๆ ในโลกดี รู้จังหวะรุกรับ เวลาปะทะคารมก็เจอแต่ของแข็ง ไม่มียอมๆ หยวนๆ ไม่รู้ว่าวิชาแพทย์ของหมอเวินรับมือไหวมั้ย นายเจอคนที่ฝีมือทัดเทียมกันแล้ว”
เวินเซ่าชิงครุ่นคิดอย่างละเอียด พบว่าตอนที่ฉงหรงอยู่กับเขา เธอไม่มีท่าทางแบบนั้นเลย กลับเป็นฝ่ายถูกเขาบีบจนหน้าแดงขมวดคิ้ว โอนอ่อนว่านอนสอนง่าย คิดแบบนี้เขาก็สบายใจมาก
เซียวจื่อยวนเห็นอีกฝ่ายยิ้มแย้มอารมณ์ดีก็อดแดกดันไม่ได้ “ถูกกักตัวยังหัวเราะได้อีก ไม่รู้ว่ามีความสุขอะไรนักหนา”
เวินเซ่าชิงไม่แยแสแม้แต่น้อย “เซียวจื่อยวน นายแก่แล้ว ไม่เข้าใจหัวใจของคนที่กำลังมีความรักหรอก”
เซียวจื่อยวนทำหน้าล้อเลียน “ความรัก? รักข้างเดียวล่ะสิไม่ว่า วันนั้นทนายความคนนั้นประกาศสถานะกับนายอย่างชัดเจนว่าเป็นแค่เพื่อนบ้านเท่านั้นนะ”
เวินเซ่าชิงไม่ให้ความสำคัญ “ตอนนั้นสุยอี้ก็บอกว่านายเป็นแค่รุ่นพี่เท่านั้นเหมือนกันนะ ตอนนี้เป็นไงล่ะ ถูกหลอกพากลับบ้านแล้วใช่มั้ย”
พอพูดถึงชื่อนี้เซียวจื่อยวนก็หน้าบานยิ้มแฉ่ง เวินเซ่าชิงทนเลี่ยนไม่ไหว ไล่เขาออกไปจากห้องคนไข้
ตอนนี้คุณทนายฉงที่ถูกผู้ชายสองคนพาดพิงถึงกำลังนั่งหอบแฮกๆ อยู่บนเก้าอี้ยาวในสวนชุมชน จ้องตากับรั่งอี๋รั่ง เธอโบกโยเกิร์ตที่เพิ่งซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ตไปมาต่อหน้ามัน “อยากกินมั้ย”
รั่งอี๋รั่งเห่าหนึ่งที ฉงหรงฉีกฝาออกวางไว้ตรงหน้าเจ้าหมาขาว ถอนหายใจมองดูมัน “เจ้าของกำลังถูกกักตัว แต่แกยังกินอย่างมีความสุขขนาดนี้”
รั่งอี๋รั่งยังคงตั้งหน้าตั้งตาเลียโยเกิร์ตจนขนข้างปากเลอะเทอะ ฉงหรงรอจนมันกินเสร็จแล้วก็ลุกขึ้น “เอาล่ะ กินเสร็จแล้วก็กลับบ้านกันเถอะ!”
ฉงหรงส่งรั่งอี๋รั่งกลับบ้าน จัดน้ำกับอาหารให้มันแล้วก็จะกลับบ้าน แต่พอเดินมาถึงข้างประตูก็นึกอะไรขึ้นได้ “ต้องเปิดไฟให้ด้วยมั้ย”
เจ้าหมาเห่าหนึ่งที ฉงหรงไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไร “ต้องหรือไม่ต้อง?”
เธอพูดพร้อมกับปิดไฟแล้วก็เปิดไฟอย่างเร็ว ทดสอบปฏิกิริยาของรั่งอี๋รั่ง แต่เจ้าหมาโง่ตัวนี้เอาแต่นั่งนิ่งๆ ดูเธอ
ฉงหรงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นปิดไฟนะ ประหยัดพลังงานรักษาสิ่งแวดล้อม พรุ่งนี้เจอกัน”
คืนนั้นฉงหรงนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา เห็นญาติผู้พี่ของเวินเซ่าชิงในรายการข่าวจึงรู้ว่าทำไมรู้สึกคุ้นตามาก!
อายุน้อยแค่นี้ก็ได้ตำแหน่งนี้แล้ว เส้นสายของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ถ้าอย่างนั้น…แล้วเวินเซ่าชิงญาติผู้น้องของเขาล่ะ คงไม่ใช่เด็กครอบครัวธรรมดาด้วยสินะ
ทันใดนั้นเธอก็พบว่าตัวเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเวินเซ่าชิงเลย นอกจากรู้ชื่อของเขา รู้ว่าเขาเป็นหมอ เรื่องอื่นๆ ไม่รู้อะไรเลย ความคิดแบบนี้ทำให้ฉงหรงจิตตกเล็กน้อย
เธอเปิดวีแชต แตะเปิดข้อความเสียงที่เมื่อครู่เวินเซ่าชิงส่งมา เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น เสียงนั้นทุ้มสะอาด พูดพร้อมกับกลั้วหัวเราะเหมือนตัวจริงของเขา ฟังเสียงก็ดูเหมือนเขาไม่กลุ้มใจกับการต้องถูกกักตัว
เธอฟังซ้ำหลายรอบแล้วนึกขึ้นได้ว่าต้องไปดูหน้าเพจของเขา เขาไม่ค่อยได้โพสต์ไทม์ไลน์ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับรั่งอี๋รั่ง นิ้วมือเธอเลื่อนลงมาเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดกึก นั่นเป็นไทม์ไลน์กรุ๊ปเพื่อนกลุ่มแรกของเขา โพสต์เมื่อหลายปีก่อน มีตัวหนังสือไม่กี่ตัวกับรูปหนึ่งรูป เขียนว่า
‘คิดถึงเธอเหลือเกิน ไม่ใช่ไม่คิดถึงเธอ’