รูปใบนั้นมีเพียงเงาคนรางๆ พอจะมองออกว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เหมือนแอบถ่าย
‘คิดถึงเธอเหลือเกิน… (เฟยปู้ซือทา)’ ชื่อบัญชีวีแชตของเวินเซ่าชิงคือเฟยปู้ซือทา แต่เขียนด้วยอักษรอีกตัวที่ออกเสียงเหมือนกัน ภาษาอังกฤษหมายถึง Febuxostat (เฟบบูโซสตัส) ชื่อประหลาดมาก ฟังดูเหมือนชื่อยา ฉงหรงเคยถามเรื่องนี้กับจงเจิน จงเจินบอกเธอว่าเป็นชื่อยาจริงๆ รักษาภาวะกรดยูริกเกินในเลือดที่มีอาการปวดเกาต์ ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดอะไรมาก เห็นว่าหมอเอาชื่อยามาใช้เป็นชื่อบัญชีวีแชตเป็นเรื่องปกติ
ตอนนี้ดูแล้ว มีเจตนาอื่นแฝงสินะ เธอนึกถึงที่จงเจินเคยบอกว่าเขามีคนที่ชอบแล้ว ผู้หญิงในรูปก็คือคนคนนั้นสินะ
ฉงหรงซึมไปทันที
ใกล้ถึงวันคริสต์มาสแล้ว อากาศหนาวมากกว่าเดิม อุณหภูมิลดลงอย่างต่อเนื่อง ทุกเช้าก่อนออกจากบ้านฉงหรงจะไปให้อาหารรั่งอี๋รั่ง กลางคืนเลิกงานแล้วจะพามันลงไปเดินเล่นหนึ่งรอบ บางครั้งก็ส่งวีแชตไปถามเวินเซ่าชิงเรื่องนั้นเรื่องนี้ เป็นห่วงว่าเขาจะติดเชื้อ วันเวลาผ่านไปเร็วมาก เร็วจนฉงหรงเข้าใจว่าเธอกลับไปสู่วันเวลาที่ไม่มีเวินเซ่าชิงอีกครั้ง
วันศุกร์เป็นวันที่ยุ่งจนแทบไม่มีเวลาพัก ฉงหรงงานยุ่งทั้งวัน พูดจนปากแห้งลิ้นแห้ง เมื่อเธอจัดการเอกสารเสร็จเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ในสำนักงานทนายความก็เหลือเธอคนเดียวแล้ว พื้นที่ทำงานที่ใหญ่มากมีเพียงส่วนของเธอที่ไฟยังเปิดอยู่ เธอรู้สึกอ่อนเพลียขึ้นมาทันที ความอ่อนล้าก็บุกโจมตีตามมา
ฉงหรงขับรถออกจากลานจอดรถ ตอนเปิดหน้าต่างแตะบัตรเปิดที่กั้น ลมเย็นกระโชกเข้ามาจนเธอไอ
ยามที่ประตูสำนักงานทนายความยื่นหน้าเข้ามาถาม “คุณทนายฉง เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ฉงหรงโบกมือ เลื่อนกระจกขึ้นแล้วรีบขับออกไป
คงเพราะว่าคืนนี้ลมแรง คนเดินเท้าจึงน้อยกว่าปกติหลายเท่า ฉงหรงกลับมาถึงประตูชุมชนก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กินอาหารเย็น เธอมองซูเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงครู่หนึ่ง ไม่มีความรู้สึกอยากกินอะไรเลยสักนิด จึงถอนหายใจแล้วเดินออกจากที่จอดรถ
เพิ่งจะออกจากลิฟต์เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ประตูฝั่งตรงข้ามก็เปิดออกจากด้านใน เวินเซ่าชิงปรากฏตัวขึ้นที่ข้างประตู ถือฝักข้าวโพดที่มีไอร้อนกรุ่นอยู่ในมือ รั่งอี๋รั่งก็ตามออกมา มันยืดคอมองเธอ ปากคาบฝักข้าวโพดเหมือนกัน
เวินเซ่าชิงยิ้มให้เธอพลางโบกฝักข้าวโพดในมือ “อยากกินมั้ย”
กลิ่นหอมหวานของเมล็ดข้าวโพดผิวกรอบปะทะจมูกในทันที กระตุ้นต่อมรับรสของเธอ เขายืนห่างออกไปไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง ใส่เสื้อยืดกางเกงลำลอง คลุมเสื้อคาร์ดิแกนผ่าหน้าไว้แบบง่ายๆ ท่าทางอ่อนโยนเหมือนทุกครั้งที่เจอ เหมือนไม่เคยไปจากที่นี่
วินาทีที่เธอเห็นเขา ไม่รู้ว่าทำไมความรู้สึกโกรธจึงหายไป จากนั้นก็ไม่พูดอะไร หันเดินกลับไปทางบ้านตัวเอง หลังจากหยิบลูกกุญแจออกมาก็ถอนหายใจ หมุนตัวกลับแต่หลุบตาไม่มองเขา “เอาของไปเก็บแล้วจะเข้าไป”
เธอทั้งหนาวทั้งหิว เมื่อประตูฝั่งตรงข้ามเปิดออก กลิ่นหอมและไออุ่นแผ่ออกมา ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับบ้านที่มีแต่กลิ่นอายเย็นเยียบของตัวเอง มันหลอกล่อให้เดินไปด้านนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อครู่เธอใช้พลังแค่ไหนเพื่อห้ามตัวเองไม่ให้เดินไปด้านนั้น เดิมทีฉงหรงคิดจะปฏิเสธ แต่โดยเนื้อแท้แล้วเธอไม่มีความกล้าที่จะเปิดประตูเผชิญกับความอ้างว้าง
ดูเหมือนเวินเซ่าชิงจะมองออกว่าฉงหรงมีอะไรบางอย่างผิดปกติ เขาไม่พูดอะไร หันมาสั่งรั่งอี๋รั่งว่า “แกรออยู่ตรงนี้ก่อน” แล้วถือฝักข้าวโพดเดินกลับเข้าบ้าน
รั่งอี๋รั่งเชื่อฟังมาก เดินไปสองสามก้าวแล้วหมอบอยู่กลางทางเดิน ปัดหางไปมาอย่างอารมณ์ดี