ฉงหรงเก็บของ ล้างหน้าเสร็จแล้วเดินออกมาก็เห็นรั่งอี๋รั่งหมอบอยู่ข้างประตูกำลังรอ ประตูด้านหลังมันเปิดแง้มไว้ พอจะเห็นแสงไฟอบอุ่นกับเงาร่างของเวินเซ่าชิงอยู่ด้านใน
เธอเข้ามาก็ตรงไปนั่งที่หน้าโต๊ะอาหารเอง เวินเซ่าชิงเดินออกจากห้องครัวยกฝักข้าวโพดแสนอร่อยมาหนึ่งจาน เลือกฝักที่ปิ้งสวยๆ ให้เธอ “วันนี้ตอนออกจากโรงพยาบาลเห็นขายอยู่ริมถนนก็เลยซื้อกลับมาลองทำดู ชิมดูแล้วรสชาติดีนะ”
ฉงหรงรับมาแต่ไม่ได้กินทันที รั่งอี๋รั่งหมอบอยู่ข้างเท้าเวินเซ่าชิง คายข้าวโพดออกจากปากลงบนพื้นแล้วก็เอาแต่จ้องหน้าหญิงสาว
ฉงหรงงงงวย เธอเหนื่อยและหิวซ่ก สมองมึนเบลอ ถือฝักข้าวโพดเหม่อค้างอยู่ในมือพลางถามว่า “ฝักของฉันอร่อยกว่าหรือ”
นานทีปีหนที่เวินเซ่าชิงจะไม่ยั่วโมโห เขาหัวเราะเบาๆ ตอบว่า “มันรอกินพร้อมคุณ”
“จริงหรือ” ฉงหรงกัดหนึ่งคำแล้วมองรั่งอี๋รั่ง เห็นมันก้มหน้ากินทันที
เวินเซ่าชิงหัวเราะ “ดูท่าหลายวันนี้คุณกับมันอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนม”
ฉงหรงไม่รับรู้ กัดไปหลายคำ ในที่สุดก็เงยหน้ามองเขา “คุณไม่มีปัญหาอะไรแล้วใช่มั้ย”
“อืม” เวินเซ่าชิงพยักหน้า “วันนี้ผลตรวจออกมาแล้ว ไม่ติดเชื้อ”
“ดีแล้ว” ฉงหรงตอบเสียงเบาๆ สั้นๆ แล้วไม่พูดอะไรอีก ก้มหน้ากินข้าวโพดเงียบๆ
ดูเหมือนเวินเซ่าชิงจะพบว่าเธอค่อนข้างซึมเซาจึงเย้าว่า “คุณยังไม่แน่ใจว่าผมติดเชื้อหรือเปล่าก็กล้ากินของของผมด้วยเหรอ”
ฉงหรงเหนื่อยจนไม่อยากใช้สมอง เธอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาแบบเครื่องจักร “ฉันฉีดวัคซีนตับอักเสบบีแล้ว ยังค้นข้อมูลเพิ่มเติมด้วย การสัมผัสกับผู้เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบบีก็ไม่แน่ว่าจะติดเชื้อ คุณดูสามีภรรยาสิ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี โอกาสที่จะแพร่เชื้อให้คู่สมรสต่ำมาก ต่อให้ติดเชื้อจริงๆ…” ฉงหรงขมวดคิ้วทันที หลุบตาเหมือนกำลังครุ่นคิดปัญหานี้อย่างจริงจัง แต่สมองเธอสับสนมาก เธอจึงเลิกคิด เม้มปากพูดต่อว่า “ตับอักเสบบีก็ไม่มีอะไรน่ากลัว แต่เวลามีลูกอาจจะเจอปัญหา…”
เธอยิ่งพูดยิ่งออกทะเล เวินเซ่าชิงกลั้นหัวเราะ “คิดไปไกลมากจริงๆ คิดถึงปัญหาการมีลูกด้วย”
ทันใดนั้นความฮึกเหิมอย่างเด็ดเดี่ยวก็ปรากฏขึ้นในใจฉงหรง เธอขยับมุมปาก แต่เมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปากก็ถูกกลืนกลับลงไป
สายตาของเวินเซ่าชิงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเธอตลอดเวลา ความเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของเธอก็ไม่พ้นจากสายตาเขา “อยากจะพูดอะไร”
ฉงหรงเงยหน้า เหม่อมองใบหน้าเขา อยู่ดีๆ สมองก็ไม่ทำงาน เพราะความคิดชั่วแล่นทำให้คำพูดซึ่งอยู่ที่ก้นบึ้งของหัวใจหลุดออกมาอย่างไหลลื่น
“แค่นี้ธรรมดามาก กระทั่งชื่อเด็กฉันก็ตั้งเรียบร้อยแล้ว”
เวินเซ่าชิงไม่ตกใจแม้แต่น้อย ยิ้มน้อยๆ ปลอบเสียงเบาๆ คล้ายกลัวจะทำให้เธอตกใจตื่น “ชื่ออะไร”
“ชื่อ…” ฉงหรงมองรอยยิ้มของเขาแล้วก็ตกใจสะดุ้ง เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองกำลังพูดอะไร จึงรีบพูดแก้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ลูกฉันจะชื่ออะไร ทำไมต้องบอกคุณด้วย”
แววตาเวินเซ่าชิงฉายความรู้สึกเสียดาย แต่ก็ไม่เซ้าซี้อีก เปลี่ยนไปถามว่า “แล้วไม่ทราบว่าลูกของคุณทนายฉงแซ่อะไร”
ฉงหรงรู้สึกว่าเรื่องที่ลึกซึ้งที่สุดไม่ใช่แต่งงานแล้วใช้แซ่คุณนำหน้าชื่อฉัน ต่อให้ฉันกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันก็จะจินตนาการถึงทารกในครรภ์เป็นของคุณกับฉัน เข้าใจตามจิตใต้สำนึกว่าเด็กแซ่เดียวกับคุณ