ฉงหรงฟังเงียบๆ ย้อนคิดไปถึงวันที่เธอกลับมาจากต่างประเทศเพื่อมาทำงาน พ่อของเธอยืนอยู่ในห้องหนังสือบอกเธอว่า ‘กฎหมายมีเพื่อสนับสนุนคนดีกำราบคนพาล บทบัญญัติคือศรัทธายิ่งใหญ่แห่งปวงชน ทนายความส่วนใหญ่ทำคดี ในขณะที่ทนายความที่ดีทำตัวเป็นมนุษย์ที่ดี จากทนายความธรรมดาไปถึงทนายความที่ดีก็คือขั้นตอนการไปสู่การเป็นมนุษย์ที่ดี กวัดแกว่งดาบแห่งกฎหมาย ถือตาชั่งแห่งความยุติธรรม ทนายความมิใช่เป็นตัวแทนของคุณธรรม ทนายความก็เป็นคน มีเลือดมีเนื้อ ไม่อยากให้ถูกทำร้ายเพราะคำว่าคุณธรรม แต่ในช่วงเวลาที่มีความสามารถทำการทำงานได้ สมควรยืนอยู่ฝ่ายคุณธรรม’
‘ยึดมั่นหลักการ มุ่งมั่นฟันฝ่าอุปสรรค’ ประโยคนี้สำหรับทนายความแล้วนับว่ามีอยู่จริงหรือเปล่า ฉงหรงไม่พูดอะไรอยู่นาน ยืนอยู่ที่ระเบียงมองรถคันนั้นค่อยๆ ลับหายไปจากสายตา ก่อนจะเอ่ยว่า “แล้วเป็นยังไงต่อ วันนั้น…ต่อยกันเลยมั้ย”
จงเจินมาคลุกคลีกับฉงหรงตั้งแต่เด็ก เธอสั่งสอนฝึกเขาด้วยวิธีข่มและแกล้ง เห็นเขาค่อยๆ โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว แต่เด็กผู้ชายที่ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยต่อยตีกับใคร เธออดรู้สึกไม่ได้ว่าน่าเสียดายอยู่บ้าง
“ไม่ได้ต่อยกันหรอก” จงเจินลูบอกราวกับยังไม่หายกลัว “เจอวาทะลิ้นงูพิษของอาจารย์เวินพูดจนอีกฝ่ายยอมแพ้ไปเอง ชนะโดยไม่ต้องรบ”
ฉงหรงยิ้ม “ชนะโดยไม่ต้องรบ สุดยอดของสุดยอด เวินเซ่าชิงเก่งมาก นายตั้งใจเรียนรู้จากเขานะ”
“ผมก็รู้สึกว่าบอสของผมเก่งมาก” จงเจินเห็นรอยยิ้มของฉงหรงจึงกล้าถาม “พี่รู้จักบอสมาก่อนเหรอ”
ฉงหรงรีบปรับสมองเข้าโหมดทำงาน สมองทำงานอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที หยั่งเชิงถามเรื่องสำคัญ “บอสของนายย้ายบ้านแล้ว นายรู้มั้ย”
จงเจินพยักหน้า “รู้สิ ก่อนหน้านี้เขาพักที่นี่ นอนบนเตียงที่พี่นอนทุกคืนนั่นแหละ พอย้ายไปก็ให้ผมเช่าต่อ”
ฉงหรงได้ยินก็พยายามข่มหัวใจที่เต้นระทึก สีหน้ายังคงเรียบเฉย “เขาตอนนี้เป็นเพื่อนบ้านของฉัน พักอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม”
จงเจินได้ยินก็ตาวาวเป็นประกาย ตื่นเต้นวาดไม้วาดมือ “บังเอิญขนาดนี้เชียว?! มีบุญวาสนาต่อกันขนาดนี้ พี่ต้องทำให้สำเร็จนะ!” แต่พูดจบแล้วก็ไม่รอฉงหรง จู่ๆ เจ้าตัวก็ทำหน้าสิ้นหวัง “ว้า คงไม่ได้ละ! บอสบอกว่าเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
หางตาฉงหรงกระตุก “เขา…มีคนที่ชอบอยู่แล้ว?”
จงเจินพยักหน้ารัวๆ “ใช่ๆ เขาพูดเองกับปาก”
ฉงหรงรู้สึกเหมือนหัวใจหายไปหนึ่งห้องทันใด ไม่ถึงกับปวดร้าวใจ เพียงรู้สึกเวิ้งว้าง หวิวๆ สักครู่ก็เป็นปกติ เวินเซ่าชิงจะมีคนที่เขาชอบอยู่แล้วก็เป็นเรื่องปกติมาก
แต่จงเจินยังทำใจไม่ได้ “จริงๆ แล้วเขาชอบใครกันแน่นะ คงไม่ใช่หมอในโรงพยาบาลผมหรอกนะ หมอเหอเป็นของพยาบาลสาวพวกนั้น ไม่น่าจะเป็นหมอเหอ หรือว่าเป็นหมอฉิน?”
ฉงหรงฟังจงเจินเอาแต่พึมพำกับตัวเอง ทนไม่ไหวต้องถามว่า “หมอฉินคือใคร”
จงเจินกระแอมเบาๆ ปรับเสียงลงต่ำเริ่มต้นแนะนำอย่างเป็นทางการ “ในโรงพยาบาลผมฝีมือผ่าตัดของอาจารย์เวินสุดยอดที่สุด จัดอยู่อันดับหนึ่ง ตารางอันดับสุดยอดหมอผ่าตัดเรียงแบบนี้ หนึ่งเวินสองฉู่ อาจารย์เวินยังมีฉายาว่า ‘มีดชายงาม’ แผลผ่าตัดสวยประณีต เย็บแผลสวยกริบ ทุกครั้งที่ดูเขาผ่าตัดก็เหมือนชมการแสดงชั้นดี”
ทุกครั้งที่จงเจินพูดถึงเวินเซ่าชิงสีหน้าจะเปี่ยมความศรัทธานับถือ ฉงหรงอดไม่ไหวตัดบท “แล้วสองฉู่ล่ะ”
“ฉินฉู่ แผนกมะเร็ง กับฉู่ชิวหมิงแผนกสมอง หมอฉินเป็นผู้หญิงที่สวยมากเลย”
“อ้อ” อยู่ดีๆ ฉงหรงก็หมดความอยากรู้ เดินกลับจะไปนอนต่อ แต่เดินเข้าห้องนอนแล้วคิดถึงคำพูดเมื่อครู่ของจงเจิน ‘นอนบนเตียงที่พี่นอนทุกคืนนั่นแหละ’ ก็รู้สึกแปลกๆ อยู่ในใจ ทำใจนอนไม่ได้ เธอจ้องมองเตียงอยู่นาน ก่อนจะถอนหายใจแล้วขยับตัวเริ่มเก็บของ
จงเจินได้ยินเสียงก็เข้ามาถาม “อ้าว พี่จะไปแล้วเหรอ”