ฉงหรงเก็บของไปพร้อมกับตอบว่า “อื้ม เดี๋ยวยังต้องไปสำนักงานทนายความอีก วันนี้จะย้ายกลับไปอยู่บ้านละ นายย้ายกลับมานอนห้องนี้ได้”
จงเจินยืนงง “ทำไมพออาจารย์เวินมา พี่ก็ไม่อยู่ละ พวกพี่เป็นเพื่อนบ้านกันด้วยนะ หรือว่า…ก่อนหน้านี้พี่หลบหน้าเขา?”
ฉงหรงพยักหน้ารับลูก “ใช่เลย หลบหน้าเขา ฉันแอบรักเขา แต่ความลับแตก อยู่บ้านนั้นเดี๋ยวก็เจอๆ รู้สึกไม่ดีก็เลยหลบมาอยู่กับนาย ในที่สุดนายก็รู้หมดทุกอย่างแล้ว”
ฉงหรงยอมรับตรงๆ แบบนี้กลับทำให้จงเจินรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อ “ฮ่าๆๆ เป็นไปได้ยังไง พี่เนี่ยนะจะไปแอบรักคนอื่น แล้วก็พวกพี่รู้จักกันไม่นานเท่าไหร่เอง”
มือฉงหรงหยุดชะงัก พูดซ้ำเงียบๆ ในใจ รู้จักกันนานเท่าไหร่ ถึงอย่างไรก็รู้จักนานกว่านายล่ะ
ฉงหรงถือกระเป๋าเดินทางจะไปแล้ว จงเจินยืนอยู่ที่ข้างประตูคว้ากระเป๋าเดินทางไม่ยอมปล่อย นิ้วมือฉงหรงแตะที่ตู้รองเท้าหันมามองเขา “มีอะไรก็รีบพูดมา”
สีหน้าจงเจินอาลัยอาวรณ์ “ผมไม่อยากให้พี่ไปเลยอะ”
ฉงหรงทำสีหน้ารังเกียจแบบรู้ทางเขา แค่นเสียงบอก “มีอะไรว่ามาตรงๆ!”
จงเจินหยุดทำหน้าอาลัยอาวรณ์ ถามอย่างน่าสงสารว่า “ยังจะซื้อแอร์ให้มั้ย”
ฉงหรงนิ่งอึ้ง ก่อนจะค้อนใส่ “ซื้อ!”
“แล้วค่าเช่าครึ่งหนึ่งที่ตกลงกันไว้ล่ะ”
“ออกให้!”
จงเจินหัวเราะฮี่ๆ หน้าบานทันทีแล้วรีบเปิดประตูให้เธอ “โอเค เชิญไปได้เลย”
ฉงหรงหันมามองน้องชายอย่างเหยียดหยาม ลากกระเป๋าเดินทางจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับ
ฉงหรงมาถึงสำนักงานทนายความ บังเอิญเจอถานซือเจ๋อซึ่งเป็นหุ้นส่วนตรงประตูสำนักงานพอดี ถานซือเจ๋อเป็นรุ่นพี่ของเธอ ช่วงที่เธอไปอยู่ต่างประเทศหลายปีก็ยังติดต่อกับเขา ตอนที่กลับจีน พอดีมีหุ้นส่วนของสำนักงานทนายความคนหนึ่งจะถอนตัว ถานซือเจ๋อถามว่าสนใจไหม เธอจึงได้โอกาสร่วมหุ้น
ถานซือเจ๋อจ้องมองกระเป๋าเดินทางของฉงหรงแล้วลูบคาง “จะไปต่างเมืองเหรอ ไม่ใช่นี่ พักนี้ไม่มีลูกความที่จำเป็นต้องไปต่างเมืองเลย”
ฉงหรงเปลี่ยนมืออีกข้าง “ไม่มี มีงานอะไรของฉันมั้ย”
สีหน้าถานซือเจ๋อจริงจังทันที “เรื่องงาน งานนี้ลูกค้ารายใหญ่” พูดจบก็ส่งเอกสารให้เธอ
ฉงหรงรับมาดูผ่านๆ แล้วยัดกลับคืนใส่อกถานซือเจ๋อ “ไม่รับ”
“ไม่นะ” ถานซือเจ๋อชูเอกสารขึ้นตรงหน้าหญิงสาว “ดูดีๆ สิ ราคาที่เขาเสนอมาดีงามมากๆ”
ฉงหรงผลักประตูสำนักงาน รับแก้วน้ำมากินหนึ่งอึก “ไม่ใช่ว่าไม่รู้นี่ ฉันไม่รับคดีทางการแพทย์ ถ้าเสียดายพี่ก็รับเองสิ!”
ถานซือเจ๋อทำหน้าเสียดาย “ก็อยากรับนะ แต่ว่าลูกความระบุตัวเธอ”
ฉงหรงนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ปฏิเสธไปเถอะ”
ถานซือเจ๋อเหลือบมองตัวเลขในเอกสารอีกแวบหนึ่ง รู้สึกเจ็บปวดใจ แต่ก็ไม่พูดอะไรอีก เขานั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม จับจ้องมองหญิงสาวอยู่นาน “คุณทนายฉง บอกมาซิว่าทำไมถึงไม่รับคดีทางการแพทย์”
ฉงหรงตอบแบบไม่ใส่ใจ “เพราะว่าคดีทางการแพทย์ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับชีวิตคน ฉันกลัว”
“อะฮ้า ทนายความคดีอาญาอย่างเธอยังมีสถานการณ์อะไรที่ยังไม่เคยเจอมาก่อนอีกล่ะ!”
“เพราะคดีทางการแพทย์ต้องไปโรงพยาบาล ฉันเกลียดกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ”
“แล้วไม่เกลียดกลิ่นห้องเก็บศพหรือ เปลี่ยนเหตุผลใหม่เถอะ”
“เพราะน้องชายเป็นหมอ วงการหมอใหญ่มาก ฉันกลัวว่าอีกหน่อยจะต้องขึ้นศาล ฟ้องคนที่รู้จักกับเขา เขาจะรู้สึกไม่ดี”
“พอมีเหตุผลอยู่บ้าง” ถานซือเจ๋อเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง มองดูเธอ “แต่ปฏิเสธเนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้ไป เธอก็ต้องรับคดีอื่นๆ มาชดเชยนะ”
ฉงหรงค้อนขวับ “รุ่นพี่ หลายวันก่อนฉันเจอเฒ่าจ้าวที่ศาล พี่รู้มั้ยว่าเขาพูดถึงพี่ยังไง”
ถานซือเจ๋อรู้สึกสนใจ “ว่ายังไง”