มู่ตี๋ที่แอบฟังสองคนข้างหน้าคุยกันมาตลอดได้ยินถึงตรงนี้ก็นั่งไม่ติด อย่างอื่นเธอทนได้ ถึงขั้นเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง แต่มาบอกว่าน้าเล็กของเธอเป็นกรรมการผู้จัดการไม่ได้ คนตระกูลเจียงทนไม่ได้เด็ดขาด!
ขณะที่มู่ตี๋กำลังจะหันไปต่อว่าพนักงานหญิงบีสักสองประโยค เยี่ยสวี่ที่อยู่ข้างๆ ก็ชิงหันไปก่อนเธอแล้ว “หนวกหู!”
สองคนที่อยู่ข้างหลังเงียบเสียงทันที แต่เยี่ยสวี่ยังพูดไม่จบ เขารีบพูดเสริมต่ออีกประโยคหนึ่ง “ไม่รู้จริงๆ ว่าคนที่ยังไม่ทันได้เข้าทำงานแต่คิดไปเองแล้วว่าตัวเองเทียบคนอื่นไม่ได้อย่างพวกเธอ ทำไมโยวจี้ถึงรับเข้ามา”
คำพูดนี้สะใจจริงเชียว! มู่ตี๋ลอบยินดีอยู่ในใจ ทว่าตอนที่ได้สติคืนมาถึงได้พบว่าบรรยากาศในห้องดูเหมือนจะแปลกๆ ไป
ทุกคนรวมถึงเจียงเหม่ยซีต่างกำลังมองมาที่พวกเธอ
“พนักงานชายคนนั้น…” เสียงของเจียงเหม่ยซีไม่ได้นุ่มนวลอะไรนัก
ในห้องอบรมเงียบสนิท มีเพียงเสียงหมุนหึ่งๆ ที่ดังมาจากพัดลมเหนือศีรษะ
เยี่ยสวี่สบตาเจียงเหม่ยซีครู่หนึ่ง ในตอนที่เขากำลังจะลุกขึ้นยืน ก็ได้ยินเธอเปลี่ยนประเด็นกะทันหัน “พนักงานหญิงที่อยู่ข้างหลังนั่นน่ะ เธอมาตอบคำถามเมื่อกี้หน่อยซิ”
เยี่ยสวี่นิ่งอึ้งก่อนจะนั่งกลับลงไปที่เดิม
พนักงานหญิงบีชี้ตัวเองด้วยความสงสัย “ฉันเหรอคะ”
เจียงเหม่ยซีพยักหน้าช้าๆ บนใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ที่มากเกินไปนัก
พนักงานหญิงบียืนขึ้นอย่างสั่นเทา เจียงเหม่ยซีโจมตีอีกฝ่ายด้วยหมัดฮุคสุดท้ายอีกครั้ง “กรุณาใช้ภาษาอังกฤษตอบด้วย”
เมื่อครู่พนักงานหญิงบีกำลังหมกมุ่นอยู่กับการซุบซิบนินทา ไม่ได้ฟังคำถามของเจียงเหม่ยซีแต่แรกอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมาได้ยินว่าต้องใช้ภาษาอังกฤษตอบอีก ได้แค่คิดก็แทบจะแทรกแผ่นดินหนี คนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นหัวกะทิของมหาวิทยาลัย ถูกสั่งสอนด้วยการให้ยืนอยู่แบบนี้มันน่าขายหน้าจริงๆ ดังนั้นเธอจึงหลับตาข่มใจและปั้นเรื่องขึ้นมา
ในห้องอบรมเกิดเสียงหัวเราะซุบซิบดังขึ้นเบาๆ ทว่าเจียงเหม่ยซีกลับไม่ไหวติง เธอยกแขนขึ้น ทำท่าทีบอกให้ทุกคนตั้งใจฟัง ไม่ได้หมายความว่าให้พนักงานหญิงบีหยุดแต่อย่างใด
ท้ายที่สุดพนักงานหญิงบีก็ไม่ต่อไปถูกจริงๆ ถึงได้หยุดไปเอง
ในห้องเงียบลงอีกครั้ง ผ่านไปสักพักเจียงเหม่ยซีถึงได้เอ่ยปากพูดขึ้น “พนักงานฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัทเราเคยส่งข้อมูลสถิติให้ฉัน อัตราการลาออกของพนักงานที่เข้าทำงานหลังจากสามปีสูงถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ คุณรู้ไหมว่าพวกเขาไปไหนกันหมด”
ยังไม่ทันได้เข้าบริษัทอย่างเป็นทางการ พนักงานหญิงบีก็ถูกทำให้ขายหน้าขนาดนี้ ในใจมีอารมณ์คุกรุ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จึงตอบด้วยความขุ่นเคืองกลับไปว่า “ก็เปลี่ยนงานไงคะ”
เจียงเหม่ยซีส่ายหน้าก่อนจะแก้ไขคำตอบให้ถูกต้องอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ถูกเลิกจ้างต่างหาก ดังนั้นไม่ใช่ว่าเข้าโยวจี้แล้วก็จะราบรื่นไปหมดทุกอย่าง จะอยู่ต่อได้หรือไม่ต้องดูที่ความสามารถของแต่ละคนด้วย”
เสียงกริ่งเลิกคลาสดังขึ้นในเวลานี้พอดี เจียงเหม่ยซีปรบมือแล้วพูดว่า “เอาล่ะ วันนี้ถึงแค่นี้ก็แล้วกัน ขอบคุณทุกคนมากที่มาฟังคลาสของฉัน หวังว่าจะช่วยพวกคุณได้บ้าง”
ในตอนที่เจียงเหม่ยซีกำลังจะประกาศเลิกคลาส จู่ๆ พนักงานฝ่ายฝึกอบรมก็พุ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน คนที่ตามมาข้างหลังคือลู่สืออวี่ที่ออกไปแล้วแต่วกกลับมาอีกครั้ง อีกทั้งยังมีลินดาบอสของเธอด้วย
ลินดาส่งยิ้มให้เจียงเหม่ยซีที่อยู่บนโพเดียม เจียงเหม่ยซีเรียกสติกลับคืนมาได้ในระหว่างที่เธอรู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่นั้นก็ส่งยิ้มกลับไปและเดินลงจากโพเดียม
พนักงานของฝ่ายฝึกอบรมแนะนำกับทุกคนว่า “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เชิญคุณลินดา หนึ่งในกรรมการผู้จัดการที่โดดเด่นที่สุดของโยวจี้เรามาในวันนี้ คุณลินดางานยุ่งมาก เรียกว่าเป็น ‘มนุษย์บิน’ ตัวอย่างเลยทีเดียว เวลาที่อยู่บริษัทก็น้อยมาก วันนี้คุณลินดาสละเวลามาบรรยายให้กับทุกคน ขอให้ปรบมือต้อนรับด้วยค่ะ!”
ลินดาเดินขึ้นโพเดียมท่ามกลางเสียงปรบมือจากทุกคน เจียงเหม่ยซีและลู่สืออวี่นั่งลงตรงตำแหน่งที่อยู่แถวหน้า
เจียงเหม่ยซีถามลู่สืออวี่ “ไม่ใช่ว่านายควรจะกลับเข้าเมืองตั้งนานแล้วหรอกเหรอ”