everY
ทดลองอ่าน What If It’s Us บทที่ 1 – บทที่ 2 #นิยายวาย
ตอนที่ 2
เบน
ผมกลับมาที่จุดเริ่มต้น
สิ่งเดียวที่ผมต้องทำคือส่งไอ้กล่องนี่ไปซะ ไม่ใช่แบกมันวิ่งออกมาจากที่ทำการไปรษณีย์ ขอแก้ตัวหน่อยแล้วกันว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นมากมาย ผมได้เจอผู้ชายชื่ออาร์เธอร์ที่ทั้งเจ๋งทั้งน่ารัก และเห็นได้ชัดว่ายังไม่เคยโดนจักรวาลทำร้ายมาก่อน เพราะเขาเชื่อจริงๆ ว่าเราถูกกำหนดมาให้เจอกัน ในวันที่ผมพยายามส่งของกลับไปให้ฮัดสันเนี่ยนะ ผมว่าอาร์เธอร์คงเปลี่ยนมุมมองเรื่องจักรวาลไปแล้วชัวร์หลังจากวงโยธวาทิตแยกเราจากกันแบบนั้น
ผมขึ้นรถไฟกลับอัลฟาเบ็ตซิตี้ไปหาดีแลน เพื่อนสนิทของผม ผมอยู่ที่อเวนิวบี ส่วนดีแลนอยู่ที่อเวนิวดี เรื่องราวของเราสองคนมีความหลังไปยันนามสกุล ‘อเลโฮ’ และ ‘บ็อกส์’ เขานั่งหลังผมตอนเราอยู่เกรดสาม และเอาแต่สะกิดไหล่ผมไม่หยุดเพราะจะยืมของอย่างพวกดินสอหรือกระดาษสมุด โตขึ้นมาก็ยังเหมือนเดิม เขาจะชอบยืมไอโฟนของผมที่รุ่นล้าหลังกว่าคนอื่นไปสองรุ่นเอาไปแชทกับสาวที่เขาชอบในสัปดาห์นั้นหลังจากแบตมือถือของตัวเองหมด เวลาเดียวที่ผมเหมือนจะยืมของเขาคือเวลาที่ผมให้เขาช่วยออกค่าข้าวกลางวันให้เป็นบางครั้ง ที่บอกว่า ‘เหมือนจะยืม’ ก็เพราะว่าผมแทบไม่เคยคืนเงินเขาเลย และเขาก็ไม่สนด้วย ดีแลนเป็นคนดี เขาไม่สนที่ผมชอบผู้ชายและผมก็ไม่สนที่เขาชอบผู้หญิง ผมอยากขอบคุณเพื่อนรักฉบับตัวอักษรคนนี้ให้โลกรู้สำหรับมิตรภาพที่เขามอบให้จริงๆ
พอลงจากรถไฟ ผมต้องเดินผ่านถังขยะหลายใบ ทุกครั้งผมจะหยุดและถือกล่องไว้เหนือถังขยะพวกนั้น แต่ผมใจไม่กล้าพอที่จะทิ้งไอ้กล่องเวรนี่ให้มันจบๆ ไปสักที
ตอนแรกผมคิดว่าการเลิกกันมันคงไม่แย่เท่าไหร่ถ้าผมเป็นฝ่ายบอกเลิก แต่ด้วยความที่ฮัดสันเป็นคนไปจูบคนอื่น ผมเลยรู้สึกว่าเขาเป็นคนจบเรื่องทุกอย่างเองอยู่ดี เรื่องระหว่างเราเริ่มแปลกไปตอนที่พ่อกับแม่ของเขาหย่ากัน แต่ผมก็อดทนกับเขา เหมือนตอนที่ให้เขาเป็นคนวางแผนงานวันเกิดของผม แล้วเขาพาผมไปคอนเสิร์ตวงดนตรีที่เขาชอบ แต่ผมก็ปล่อยไปเพราะเพิ่งเคยไปคอนเสิร์ตเป็นครั้งแรก แถมวงคิลเลอร์สก็เจ๋งจริง แล้วทีนี้ฮัดสันก็ไม่โผล่มาร่วมมื้อกลางวันฉลองครบรอบครั้งใหญ่ของพ่อแม่ผม แต่ผมก็ปล่อยไปอีกเพราะการฉลองการแต่งงานของพ่อแม่ผมหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่เขาคงมากเกินกว่าที่เขาจะรับไหว และตอนที่เราไปดูหนังโรแมนติกคอมเมดี้เกี่ยวกับเรื่องราวของหนุ่มวัยรุ่นสองคน เขาก็ดันพูดเรื่องที่ว่าความรักทั้งของคนอื่นและของเราไม่มีวันดีพอแบบในหนังฮอลลีวูด ผมโมโหแล้วเดินออกมาเลย ก็คิดไงว่าเขาจะตามออกมาขอโทษหรือเรียกชื่อผมหรือทำอะไรสักอย่างที่คนเป็นแฟนกันควรจะทำ
ผ่านไปสามวันแบบไม่มีอะไรเลย จนผมต้องโทรไปถามเขาว่าเรายังจะกลับมาคุยกันอยู่มั้ย แล้วเขาก็โผล่มาเซอร์ไพรส์ผมที่อพาร์ตเมนต์ พร้อมกับบอกว่านึกว่าเราเลิกกันแล้ว เขาเลยไปจูบผู้ชายคนหนึ่งเข้าที่งานปาร์ตี้ ฮัดสันอยากได้โอกาสครั้งที่สองมากจริงๆ แต่ฝันเถอะ ผมบอกเลิกเขา เลิกจริงเลย ต่อให้ตอนนั้นเขาคิดว่าเรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้วจริงๆ ก็เถอะ จะรอสักอาทิตย์หนึ่งก่อนแล้วค่อยเริ่มต้นใหม่ไม่ได้รึไง พอเจอแบบนี้เข้าก็ยากนะที่ผมจะไม่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าอะไรเลย
ผมมาถึงตึกที่ดีแลนอยู่ กดหมายเลขอพาร์ตเมนต์ของเขา แล้วเขาก็ให้ผมขึ้นมาทันที ทำดีมากเพราะวันนี้ผมไม่มีอารมณ์จะรออะไรแล้ว ผมแบกกล่องใส่ของของแฟนเก่าเดินไปมาแถมยังมีการบ้านฤดูร้อนอยู่ในเป้อีก เป็นวันที่ห่วยแตก
ผมยืนหาวอยู่ในลิฟต์ วันนี้ผมตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเพราะต้องเรียนเสริมฤดูร้อน ขอร้องเย้ให้กับชีวิต จักรวาลยังคงหมุนคว้าง…เหวี่ยงสนับมือทองเหลืองใส่ผมเข้าเต็มๆ ที่หัวใจและอีโก้ของผมด้วย
ผมก้าวออกจากลิฟต์แล้วเดินเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ของดีแลนเลย พวกเราซี้ปึ้กกันขนาดนั้นแหละ แต่ผมรู้ดีพอที่จะเคาะประตูห้องนอนของเขาก่อน เพราะไม่กี่เดือนที่แล้ว ผมเดินอาดเข้าไปในห้องตอนเขากำลังสนุกกับตัวเองอยู่พอดี
“มืออยู่นอกกางเกงใช่มั้ย”
“ช่าย น่าเสียดาย” ดีแลนตอบมาจากข้างในห้อง
ผมเปิดประตูเข้าไปเจอดีแลนนั่งแชทอยู่บนเตียง เขาตัดผมตั้งแต่เมื่อคืนตอนเรากินข้าวเย็นด้วยกัน สำหรับผมแล้ว เขาเป็นผู้ชายคนเดียวในวัยผมที่ไว้เคราแล้วโคตรเท่ บอกเลยว่าตัวผมแตกหนุ่มช้ามากเพราะตอนนี้หนวดก็ยังไม่ขึ้นเลยด้วยซ้ำ ดีแลนนี่โคตรประหลาด แต่เป็นประหลาดแบบหล่อๆ
“บิ๊กเบน” ดีแลนฮัมชื่อผมเป็นเพลงแล้ววางมือถือ “แสงแห่งชีวิตข้า ชายหนุ่มผู้ติดอยู่ในโรงเรียน” การเรียนเสริมฤดูร้อนแย่หนักขึ้นไปอีกเพราะดีแลนล้อผมไม่หยุดตั้งแต่ตอนที่ผมเดินออกมาจากห้องแนะแนวพร้อมข่าวร้าย เขาแค่โชคดีหรอกที่แฟนเก่าแต่ละคนไม่เคยบอกให้เขาโดดเรียนพร้อมความเชื่อว่าเดี๋ยวเกรดมันก็ดีเอง
“ไง” ผมทักตอบ ให้เรียกชื่อเขาแบบน่ารักๆ นี่ไม่ใช่แนวผมเท่าไหร่
ดีแลนชี้อกผม “เสื้อตัวนี้นี่งานอาร์ตเลยเนอะ ว่ามั้ย”
ตู้เสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยเสื้อของร้านกาแฟแนวอินดี้จากทั่วเมืองซะส่วนใหญ่ เขาเอาเสื้อดรีมแอนด์บีนมาให้ผมเมื่อคืนตอนมากินข้าวเย็น ดีแลนจะชอบเอาเสื้อมาให้ตอนตู้เสื้อผ้าของเขาเริ่มแน่นแล้ว เขาไม่ค่อยให้ตัวที่เขาชอบอย่างเสื้อดรีมแอนด์บีนหรอก แต่ผมก็ไม่ได้จะบ่นอะไร
“เสื้อที่ซักแล้วมันหมดหรอก” ผมบอก “เสื้อนี่ไม่ได้เท่เลย”
“เจ็บว่ะ แต่นายคงกำลังอารมณ์เสียอยู่ ดูจากการที่นายยังถือกล่องที่กะจะเอาไปคืนฮัดสัน เกิดไรขึ้นวะ”
“วันนี้เขาไม่มาเรียน” ผมวางกล่องลง
“โดดเรียนเสริมตั้งแต่วันแรกดูเป็นการเริ่มต้นที่แย่นะ” ดีแลนพูด
“อืม ฉันถามแฮเรียตว่าฝากเอาไปให้เขาหน่อยได้มั้ย แต่เธอไม่ยอม” ผมเล่า “เลยว่าจะส่งไปให้ แต่ค่าส่ง EMS แพงเกิน”
“แล้วทำไมต้องส่งแบบ EMS”
“เพราะฉันอยากจะเอาไอ้กล่องนี่ไปให้พ้นๆ หน้าสักที”
“ส่งแบบธรรมดาก็เอามันไปให้พ้นๆ หน้าได้เหมือนกัน” ดีแลนเลิกคิ้วซ้าย “ทำไม่ลงใช่มั้ยล่ะ”
ผมวางกล่องที่ควรจะส่งหรือโยนทิ้งหรือมัดติดกับสมอแล้วถ่วงแม่น้ำไปตั้งนานแล้วลง “เลิกรู้ทันกันได้แล้ว มันเป็นเรื่องของฉัน”
ดีแลนลุกขึ้นมากอดผม “ชู่วววววววว” เขาลูบหลังผมไปมาเป็นวงกลม
“เสียงปลอบประโลมของนายไม่ได้ช่วยปลอบประโลมฉันเลยสักนิด”
ดีแลนจุ๊บแก้มผม “ไม่เป็นไรนะ พุดดิ้งป็อป”
ผมนั่งขัดสมาธิลงบนเตียง คันมืออยากจะหยิบมือถือขึ้นมาดูว่ามีข้อความจากฮัดสันบ้างมั้ย อยากเช็กอินสตาแกรมดูด้วยว่าเขาอัพรูปเซลฟี่บ้างรึเปล่า แต่ผมรู้ว่าไม่มีข้อความจากเขาหรอก และผมเองก็เลิกติดตามเขาบนโซเชียลมีเดียทุกช่องทางไปแล้วด้วย
“ฉันไม่อยากให้เขาสอบตกเรียนเสริมฤดูร้อนแค่เพราะอยากหลบหน้ากัน ถ้าขาดสามครั้งเรียนตามไม่ทันแน่”
“คงงั้น แต่นั่นมันปัญหาของเขานี่ ถ้าเขาไม่โผล่หัวมา นายก็ไม่ต้องใช้เวลาช่วงหน้าร้อนกับเขา จบข่าว”
ไม่นานนี้เอง การใช้เวลากับฮัดสันช่วงหน้าร้อนคือสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวผม แฟนหนุ่มสองคนใช้เวลาช่วงหน้าร้อนด้วยกันที่สระว่ายน้ำหรือสวนสาธารณะหรือห้องนอนตอนพ่อแม่ออกไปทำงาน ไม่ใช่แฟนเก่าสองคนที่ต้องมาเรียนเสริมฤดูร้อนเพราะมัวแต่เอาเวลาไปเรียนรู้กันและกันจนไม่ได้ทำการบ้านวิชาเคมี
“อยากให้นายติดอยู่ที่นั่นด้วยจัง” ผมพูด “ฮัดสันมีเพื่อนสนิทเขาอยู่ด้วย ฉันก็ควรมีเพื่อนสนิทฉันอยู่ด้วยบ้าง”
“โห เตือนฉันอีกทีนะว่าอย่าไปก่ออาชญากรรมกับนาย เพราะนายจะถูกจับแล้วปากโป้งเรื่องฉันอย่างเร็วเลย” ดีแลนสนใจโทรศัพท์ในมืออย่างกับเราไม่ได้คุยกันอยู่ นี่แหละสิ่งที่ผมชอบน้อยที่สุดในตัวมนุษย์ “ต่อให้ฉันไปเรียนด้วย เดี๋ยวก็มีดราม่าอยู่ดี จะให้ฉันไปเรียนทั้งๆ ที่แฟนเก่าอยู่ที่นั่นได้ไง สภาพแวดล้อมแบบนั้นมันไม่ดีต่อสุขภาพ”
“ฉันติดอยู่ที่นั่นกับแฟนเก่าฉัน ดีแลน”
“เปล่านี่ ฮัดสันไม่ได้มาเรียนสักหน่อย แต่ถ้าเขามา จำไว้ว่านายเหนือกว่า นายชนะเพราะนายบอกเลิกก่อน มันคงห่วยเป็นสองเท่าถ้าหมอนั่นเป็นฝ่ายบอกเลิก เพราะงั้นตอนนี้เลยห่วยแค่เท่าเดียว”
ผมอยากจะเอาอาณาจักรอันต่ำเตี้ยเรี่ยดินของผมไปแลกกับจักรวาลที่การเลิกกันแบบห่วยแค่เท่าเดียวไม่ใช่ชัยชนะซะเหลือเกิน แต่เราก็มาถึงจุดจุดนี้จนได้
การบอกเลิกที่ผ่านมาช่วยพิสูจน์แล้วว่าเราไม่ควรทำให้กลุ่มเพื่อนแตกโดยการเดตกันเอง ผมไม่ได้จะโทษใครนะ แต่ดีแลนกับแฮเรียตเป็นคนเริ่มก่อน เราสี่คนไปกันได้ดีจนกระทั่งดีแลนกับแฮเรียตจูบกันในวันก่อนขึ้นปีใหม่ ตอนนั้นผมรู้สึกชอบๆ ฮัดสันและค่อนข้างมั่นใจว่าเขาก็ชอบผมเหมือนกัน ตอนที่เราสองคนหันหน้ามามองกันคืนนั้น เราไม่ได้จูบกัน แต่แค่ส่ายหน้าเพราะเขารู้จักเพื่อนสนิทตัวเองดีและผมก็รู้จักเพื่อนสนิทของผม พวกเขาคบกันไม่ยืดหรอก และผมกับฮัดสันคงไม่ลองคบกันดูสักตั้งถ้าเราไม่ถูกทิ้งให้อยู่ด้วยกันสองคนบ่อยๆ เพราะดีแลนกับแฮเรียตใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ด้วยกันตลอด
คิดถึงวันเก่าๆ ของแก๊งเราจัง
ผมลุกขึ้นแล้วเปิดเกมวี เพราะผมอยากคุยเล่นไปเรื่อยและใช้ความบันเทิงมาช่วยให้รู้สึกดีขึ้นหน่อย ฉากเปิดตัวสุดอลังการของเกมซูเปอร์สแมชบราเธอร์สฉายขึ้นบนจอทีวี ตัวละครที่ดีแลนใช้บ่อยคือลุยจิ เพราะเขารู้สึกว่าคนอวยมาริโอมากเกินไป ผมเลือกเซลดา เพราะเธอวาร์ปได้ แถมเบนวิถีกระสุนกับยิงลูกไฟระยะไกลได้ด้วย เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้เล่นที่ต้องการเลี่ยงการต่อสู้ระยะใกล้
แล้วเราก็เริ่มเกม
“วันนี้สเกลความเศร้านายอยู่ที่ระดับไหน” ดีแลนถามผม “เศร้าระดับฉากต้นเรื่องอัพ หรือแบบตอนแม่นีโมตาย”
“โห ไม่ขนาดนั้น ไม่ใช่ระดับฉากต้นเรื่องอัพแน่อยู่ละ อันนั้นแม่งใจสลายเกิน น่าจะอารมณ์ประมาณช่วงห้านาทีสุดท้ายของทอยสตอรี่ภาคสามมากกว่า แค่ต้องขอเวลาทำใจหน่อย”
“แหงล่ะ เออ มีเรื่องจะบอก”
“นายจะเลิกกับฉันเหรอ” ผมถามเขา “เซ็งเลยนะถ้างั้น”
“ก็ประมาณนั้น” เขาตอบ ก่อนจะทำเป็นเว้นจังหวะซะยกใหญ่ เขารัวนิ้วบนปุ่มให้ลุยจิยิงลูกไฟเขียวใส่เซลดารัวๆ “ฉันเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่ร้านกาแฟ”
“เป็นคำพูดที่มีความดีแลนที่สุดเท่าที่นายเคยพูดมาเลย”
“ใช่มะ” เสียงหัวเราะเบาๆ ของเขามีเสน่ห์มาก “คืองี้ เมื่อวานหลังหาหมอเสร็จ ฉันออกจากกลางเมืองไปลองกาแฟที่ร้านหนึ่ง”
“ไปให้หมอตรวจหัวใจเสร็จแล้วก็ไปกินกาแฟเลยเนอะ นายก็เป็นตัวเองเกินไปนะบางที”
“มันเป็นพิธีกรรมประจำปี” ดีแลนพูด เขาเป็นโรคลิ้นหัวใจโป่ง ชื่อฟังดูแย่นะ แต่มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น อย่างน้อยก็ในกรณีของดีแลนล่ะนะ ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเขาจะทำยังไงถ้าหมอบอกให้เลิกกาแฟ “ไงก็เถอะ คือฉันเดินผ่านร้านคูลค็อฟฟี่ที่ไม่เคยคิดจะเข้าไปเหยียบเลย นายก็รู้ใช่มะว่าฉันไม่เคยมองไอ้การตั้งชื่อให้ออกเสียงคล้ายกันเนี่ยมันน่ารักตรงไหน แล้วเธอก็เดินออกมาทิ้งขยะนอกร้าน ตอนนั้นน่ะฉันอยากจะทิ้งตัวใส่เธอทันที”
“หลงเลยล่ะสิ”
“แต่ฉันจะเดินเข้าไปในร้านนั้นทั้งที่ยังใส่เสื้อดรีมแอนด์บีนไม่ได้”
“ทำไมวะ”
“เอ่อ แล้วนายจะเดินถือแฮปปี้มีลเข้าร้านเบอร์เกอร์คิงมั้ยล่ะ ไร้มารยาท มีจิตสำนึกหน่อยสิวะ”
“จิตสำนึกกำลังบอกให้ฉันหาเพื่อนใหม่”
“ฉันแค่ไม่อยากเสียมารยาท”
“นายเพิ่งเสียมารยาทใส่ฉันเนี่ย”
“ฉันหมายถึงเธอ”
“แน่ล่ะ เดี๋ยวนะ เพราะงี้นายเลยเอาเสื้อมาให้ฉันเมื่อคืนใช่มั้ย”
“เออ กลัวไปหมด”
“ประหลาดคนว่ะ แล้วไงต่อ”
“ฉันเลยไปร้านคูลค็อฟฟี่มาอีกรอบวันนี้ แต่งกายเหมาะสม…” ดีแลนวาดมือโชว์เสื้อยืดสีน้ำเงินล้วนที่เขาใส่อยู่ ดูดี เป็นสีกลางๆ “…เธอกำลังฮัมเพลงของเอลเลียต สมิธตอนกำลังทำเอสเพรสโซให้ลูกค้า แล้วฉันก็เสร็จเธอเลย เสร็จเกินไปด้วยซ้ำ บิ๊กเบน แค่ชั่ววูบเดียว ฉันก็มีว่าที่ภรรยาพร้อมกาแฟไว้ตุนแบบไม่มีวันหมด”
มันยากจริงๆ นะที่จะรู้สึกยินดีกับคนที่ได้พบรักในตอนที่ผมเพิ่งเสียคนรักไป แต่นี่คือดีแลนนะ “รอเจอว่าที่พี่สะใภ้ไม่ไหวละ”
“จำโพสต์ในเว็บบัซฟีดได้มะ ที่เขาพูดถึงงานแต่งธีมแฮร์รี่ พอตเตอร์ งานแต่งของซาแมนธากับฉันจะเป็นธีมกาแฟ ทุกคนจะใส่ผ้ากันเปื้อนแบบบาริสต้า ต้องชูแก้วเซรามิกตอนกล่าวอวยพร จะมีหน้าฉันติดอยู่ที่แก้วเอสเพรสโซของทุกคน”
“เยอะนะ”
“แต่มีข้อเสียอยู่อย่าง”
“หาข้อเสียเธอเจอแล้วเหรอ”