everY
ทดลองอ่าน What If It’s Us บทที่ 1 – บทที่ 2 #นิยายวาย
“เธอเป็นแฟนตัวยงของคูลค็อฟฟี่เพราะร้านนี้บริจาคเงินบางส่วนให้องค์กรการกุศล และเธอคิดว่านักดื่มกาแฟตัวจริงควรเลือกร้านที่ตัวเองไปดื่มดีๆ คือฉันยังไม่พร้อมจะผูกใจไว้กับคูลค็อฟฟี่ร้านเดียวเว้ย”
“เธอขอให้นายทำแบบนั้นเลยเหรอ”
“เปล่าหรอก แต่…เธอไม่ได้พูดออกมาตรงๆ น่ะ และในเมื่อเราได้เจอคนที่ใช่แล้ว เราก็ต้องยอมสละอะไรไปบ้าง”
“ไม่มีทาง นายไม่มีวันเลิกดื่มกาแฟของดรีมแอนด์บีนหรอก”
“ไม่เลิกร้อก ฉันจะเลิกดื่มมันต่อหน้าซาแมนธาต่างหาก ไม่รู้ก็ไม่เจ็บ”
“มีแต่นายนี่แหละที่ทำให้การดื่มกาแฟกลายเป็นเรื่องเลวร้ายได้”
“เออแล้วก็ ฉันเอาเสื้อร้านกาแฟไปยัดใส่ลิ้นชักของนายเพิ่ม ใจจะได้ไม่ไขว้เขว”
ผมลองไปรื้อเสื้อออกมาดูเผื่อจะมีตัวสวยๆ ใช่แล้ว ผมมีลิ้นชักเสื้อผ้าในห้องนอนของดีแลน และเขาก็มีลิ้นชักเสื้อผ้าในห้องนอนของผม เราไปค้างที่ห้องของกันและกันบ่อยจนเรื่องแบบนี้มันไม่ได้แปลกอะไร ตอนที่ผมเริ่มโอเคกับการเปิดตัวเป็นเกย์ที่โรงเรียน ผมจะรู้สึกประหม่าตลอดเวลาไปโรงยิม เหมือนทุกคนคิดว่าผมจะพยายามแอบมองพวกเขา มันเจ๋งมากเลยนะที่ผมมีเพื่อนแบบดีแลน เขาไม่มีปัญหาเลยกับการเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าผมหรือผมเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าเขา หวังว่าความเจ๋งของเขาจะไม่หายไปเหมือนทุกครั้งที่เขาเจอคนที่ใช่นะ
“เดี๋ยวนะ แล้วทำไมไม่เล่าเรื่องซาแมนธาให้ฉันฟังตั้งแต่เมื่อคืนตอนนายมาบ้าน” ผมถามเขา
“ไม่รู้ดิ” ดีแลนตอบ อย่างกับมันคือคำตอบที่เคลียร์แล้ว อย่างกับผมจะแค่ตอบเขาว่า “อ้อ โอเค” แล้วไปไล่เตะก้นเขาต่อในซูเปอร์สแมชอย่างงั้นแหละ
“นายไม่เคยบอกฉันทันทีเลยเวลานายไปปิ๊งใครเข้า”
“ลองพูดมาสักชื่อซิ”
“กาเบรียลลาแล้วก็เฮเธอร์แล้วก็นาตาเลียแล้วก็…”
“บอกว่าชื่อเดียว”
“…แล้วก็แฮเรียต มันแปลกน่ะ ปกติเราคุยกันทุกเรื่องนี่”
ดีแลนพยักหน้า “เพราะฉันไม่อยากโชคร้ายมั้ง นายก็รู้นี่ที่พ่อฉันเอาแต่พูดว่าเขารู้ว่าตัวเองจะแต่งงานกับแม่ตั้งแต่เจอกันตอนปีหนึ่ง ฉันรู้สึกกับซาแมนธาแบบนั้นเลย”
ผมทำเป็นเหมือนไม่เคยได้ยินเขาพูดแบบนั้นมาก่อน ล่าสุดเขาก็พูดถึงแฮเรียตแบบนี้ สุดท้ายก็เลิกกันไปเมื่อเดือนมีนา แต่ผมปล่อยไปเพราะครั้งนี้อาจจะรอดก็ได้ เราเล่นเกมกันไปเรื่อยๆ โดยที่ดีแลนพล่ามไม่หยุดเรื่องจะตั้งชื่อลูกคนแรกของเขากับซาแมนธาตามเครื่องดื่มร้อนอะไรดี และผมปฏิเสธที่จะเป็นคุณลุงเบนของเด็กคนไหนก็ตามที่ชื่อไซเดอร์
ผมแอบอิจฉานิดๆ นะที่ตอนนี้ดีแลนอยู่ในช่วงความรักครั้งใหม่กำลังผลิบาน เป็นช่วงที่ทุกอย่างดูเป็นไปได้ เหมือนที่เขาคิดว่าซาแมนธาจะเป็นรักแท้ของเขาจริงๆ เหมือนตอนที่ผมคิดว่าฮัดสันจะเป็นรักแท้ของผม เหมือนตอนที่ผมอดใจรอไม่ไหวที่จะตื่นมาเจอใบหน้าของเขา ดวงตาเนือยๆ คู่สวย ตุ่มเล็กๆ บนจมูก คิ้วที่ดูเจ้าเล่ห์สีน้ำตาลเข้มตัดกับผมสั้นสีน้ำตาลแดง เหมือนตอนที่เขาเปลี่ยนมุมมองของผมต่อโลกใบนี้ อย่างตอนที่เขาตอกกลับไอ้พวกขยะที่โรงเรียนที่มาหาเรื่องเขาเพราะท่าทางอ้อนแอ้น หรือตอนที่เขาช่วยให้ผมลืมความคิดโง่ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ผู้ชายควรจะดูเป็นยังไง ไหนจะความระทึกใจตอนที่เรามีอะไรกันครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาโดยที่ไม่รู้ว่ามันจะออกมาดีมั้ย สปอยล์เลยละกัน โคตรดี
อาทิตย์นี้ผมอาจจะจัดหนักหน่อย เอาให้อาจารย์คิดได้ว่าผมไม่จำเป็นต้องมาจมปลักอยู่ที่โรงเรียนไปจนถึงเดือนหน้า แล้วผมก็จะอยู่ในสภาวะปลอดฮัดสัน
แต่ถ้าให้พูดจริงๆ ยังไงผมก็คงต้องมาเรียนเสริมอยู่ดีต่อให้ไม่มีฮัดสันมาเกี่ยวก็เถอะ ผมไม่ค่อยถูกกับโรงเรียนเท่าไหร่
“นายคือที่หนึ่งในใจฉันเสมอ บิ๊กเบน” ดีแลนบอกผม “จนกว่าไซเดอร์ตัวน้อยจะเกิดมา”
“พี่น้องต้องมาก่อนลูก” ผมเรียกร้อง
“เท่ากันได้มะ”
ผมยักไหล่ “เท่ากันก็ได้”
“นายโสดไม่นานหรอก” ดีแลนพูดเหมือนเขาเป็นลูกบอลทำนายเวอร์ชั่นมนุษย์ตัวขาว “นายตัวสูง ทรงผมสไตล์ฮอลลีวูด ไม่ต้องพยายามอะไรก็ดูดี ถ้าฉันไม่มีคุณนายซาแมนธานามสกุลยังไม่รู้แต่รู้เมื่อไหร่จะเอาคำว่าบ็อกซ์ไปต่อท้าย ฉันมั่นใจว่านายจะทำให้รสนิยมฉันเปลี่ยนภายในหนึ่งปี”
“ปากหวานนะ การมีคนเป็นเกย์เพราะฉันนี่คงเป็นไฮไลต์ของชีวิตฉันเลย” ผมไม่สนพวกชายแท้ แต่ถ้ามีคนไหนอยากจะลองดูว่าอะไรเป็นอะไรล่ะก็ บ้านอเลโฮยินดีต้อนรับ จะถอดรองเท้าไว้หน้าประตูหรือจะใส่เข้ามาในห้องก็ได้ถ้าชอบอย่างนั้น
ผมชนะเกมตาแรกเพราะว่าผมคือผม แล้วเราก็เริ่มกันอีกตา
“มาคุยกันดีกว่าว่าทำไมนายถึงยังไม่ส่งกล่องนั่นไป” ดีแลนพูด ท่าทางอย่างกับจะเก็บเงินผมหลังคุยกันเสร็จยังไงยังงั้น
“นายต้องเลิกทำเสียงเหมือนนักบำบัดก่อน” ผมบอก
“เรามาเริ่มกันที่ทำไมนายถึงไม่ชอบน้ำเสียงของฉันกันดีกว่า เสียงฉันทำให้นายนึกถึงเจ้าหน้าที่ชั้นสูงรึไง”
ผมฆ่าเขาในเกมแล้วชูนิ้วกลางใส่
“ก็แค่…ฉันคิดจริงๆ ว่าจะมีโอกาสคืนกล่องให้เขาต่อหน้าเพื่อจบเรื่องทุกอย่าง แต่เขาก็ดันไม่มาเรียน รู้ตัวอีกทีฉันก็ไปอยู่ในที่ทำการไปรษณีย์และยืนคุยกับผู้ชายคนหนึ่งเรื่องฮัดสันตอนที่แฟลชม็อบกรูเข้ามา แล้ว…”
“เดี๋ยว ย้อนกลับไปดิ๊”
“อาฮะ มีแฟลชม็อบ พวกนั้นแสดงเพลงของบรูโน มาร์ส แล้ว…”
“ไม่ใช่ ตรงผู้ชาย อะไร ใคร” ดีแลนหันมามอง เป็นอีกครั้งที่เขาเมินปุ่มหยุดเกมที่ดูกดยากซะเหลือเกิน “เลวมาก นายหลอกให้ฉันรู้สึกแย่แทนนายทั้งๆ ที่นายอ่อยคนอื่นไปตั้งนานแล้ว”
“ห่ะ เปล่าเว้ย ไม่มีอะไร มันไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นแล้วฉันก็ไม่ได้อ่อยใครด้วย”
“ทำไมวะ แล้วเขาเป็นใคร ชื่อ ที่อยู่ รหัสประกันสังคม ทวิตเตอร์กับอินสตาแกรม”
“ชื่ออาร์เธอร์ นามสกุลไม่รู้ ที่อยู่นี่ไม่รู้ชัวร์ๆ ชื่อออนไลน์ก็ไม่ แต่ว่านะ ทำไมคนเราถึงไม่ใช้แค่ชื่อเดียวกับทุกอย่างไปเลยวะ”
“มนุษย์น่ะซับซ้อน” ดีแลนพยักหน้าแบบดูมีความรู้ “นายรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง”
“เขายังใหม่กับที่นี่ มาจากจอร์เจีย ใส่เนกไทลายแปลกที่สุดที่เคยมีบนโลกใบนี้”
“เป็นเกย์มั้ย”
“อืม” เจ๋งดีนะเวลาได้รู้เลยว่าหนุ่มน่ารักเป็นเกย์รึเปล่า การต้องมานั่งพิสูจน์เองมันไม่สนุกเลย แถมส่วนใหญ่จะจบไม่ค่อยสวยด้วย
“รู้สึกเร่าร้อนขึ้นมาเลยแฮะ” ดีแลนเอามือพัดตัวเอง
“เขาน่ารักดี อืม แต่เตี้ยกว่าแบบที่ฉันชอบ น่าจะห้าฟุตเจ็ด หรือไม่ก็ห้าฟุตหกถ้าไม่ใส่บูท ตาฟ้าอย่างกับโฟโต้ช็อปเอา คือฟ้าแบบเอเลี่ยนเลย”
ดีแลนตบมือ “โอเค ซื้อ ตอนนี้ฉันจิ้นนายกับหนุ่มที่นายเจอตอนกำลังจะส่งของที่ระลึกจากความรักครั้งเก่าให้แฟนคนก่อนแล้ว”
ผมส่ายหน้าแล้ววางจอยแพดลง “ไม่เอาหรอก ดี มันไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่หรอกตอนนี้ ช่วงนี้คงต้องจิ้นฉันกับตัวเองไปสักพัก”
“นายคือความคิดที่ดีเสมอนะ บิ๊กเบน”
“พูดดีมากเลยเพื่อน ขอบใจนะ”
“ในอนาคตอันไม่ไกลเท่าไหร่ เราสองคนจะดื่มกันหนักเกินไป แล้วฉันก็จะเชิญตัวเองไปที่ห้องของนายตอนตีสอง แล้วเราก็จะ…นอนคลอเคลียกันอย่างรุนแรง ฉันสัญญาว่าจะไม่พูดว่ามันเป็นความคิดที่แย่ในเช้าวันต่อมา”
“นายทำเสียบรรยากาศหมดละ”
“โทษๆ จริงจังละ” ดีแลนพูด “นายกำลังกดดันตัวเอง การที่ฮัดสันเป็นไอ้เฮงซวยที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวนายไม่ได้หมายความว่าคนต่อไปจะเป็นเหมือนกันนี่ ละคือแม่ง นายเจอหนุ่มน่ารักที่ไม่มีรสนิยมในการเลือกเนกไทในวันเดียวกันกับที่นายกำลังจะตัดใจจากแฟนเก่านะเว้ย มันคือสัญญาณ”
ผมนึกถึงตอนที่อาร์เธอร์กับผมคุยกันเรื่องจักรวาล แล้วภาพของเขาก็ชัดขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่เหมือนหนุ่มน่ารักทั่วไปที่ผมเคยเห็นในเมืองที่ผมมองแล้ววาดฝันถึงเรื่องราวความรักอันยิ่งใหญ่แล้วก็ลืมหน้าพวกเขาไปในชั่วโมงต่อมา ฟันอาร์เธอร์ขาวสว่าง ไม่มีเขี้ยว ผมสีน้ำตาลยุ่งๆ แต่งตัวเต็มไปหน่อยสำหรับคนวัยเรา เอเลี่ยนคงจะแต่งตัวแบบนั้นตอนเดินทางมาจากระบบสุริยะอื่นแล้วพยายามทำตัวให้เหมือนมนุษย์ผู้ใหญ่โดยไม่ทันได้คิดว่าตัวเองหน้าเด็กขนาดไหน ผมไม่น่าวิ่งออกจากที่ทำการไปรษณีย์แบบนั้นเลย ดีแลนอาจจะพูดถูกก็ได้ ผมเมินสัญญาณไปจริงๆ
“ต้องไปแล้ว” ผมพูด รู้สึกเซ็งขึ้นมา “ได้เวลาทำการบ้าน”
“ในวันจันทร์ช่วงหน้าร้อน ใช้ชีวิตได้เต็มที่สุดๆ” ดีแลนลุกขึ้นจากเตียงมากอดผม
“ไว้โทรหานะ”
“ถ้าฉันไม่ได้กำลังคุยกับซาแมนธา ก็จะตอบ”
อย่างกับผมจะไม่รู้อย่างนั้นแหละ หวังว่าผมจะไม่เสียทั้งเพื่อนสนิททั้งแฟนไปในหน้าร้อนเดียวนะ
ผมกำลังจะเดินออกไป แต่ดีแลนเรียกผมไว้ก่อน
“ลืมอะไรไปรึเปล่า” ดีแลนมองไปที่กล่องนั่น “ตั้งใจลืมเหรอ ฉันจัดการให้ก็ได้นะถ้านายต้องการ เดี๋ยวไปเอาหน้ากากสกีกับถุงมือมาใส่แล้วไปจัดการไอ้สวะนี่กลางดึกให้เลย จะต้องไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นคนทำ”
“ไปหาหมอบ้างนะ” ผมบอกเขาแล้วยกกล่องขึ้นมา “เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดจริงหรือโกหก
ผมนั่งลงที่โต๊ะอ่านหนังสือแล้วเปิดแล็ปท็อป ต้องรอสักสองสามนาทีกว่าเครื่องจะเปิดเสร็จเพราะมันไม่ใช่รุ่นใหม่ล่าสุดและไม่ใช่เครื่องรุ่นเก่าที่ถอยมาใหม่ด้วย เดอะซิมส์คงเล่นง่ายขึ้นเยอะถ้าผมมีเครื่องที่ดีกว่านี้
ผมควรทำการบ้านได้แล้ว แต่การจดจ่อกับวิชาเคมีก็ยากพออยู่แล้วต่อให้ไม่มีกล่องนี่วางอยู่ข้างๆ กล่องที่เต็มไปด้วยความทรงจำจากความสัมพันธ์ที่ควรจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างแต่สุดท้ายกลับไม่เป็นอะไรเลย บางครั้งผมก็โฟกัสแต่สิ่งที่ดีในความสัมพันธ์เพื่อไม่ให้ตัวเองโมโห อย่างตอนที่ฮัดสันวางคางลงบนไหล่ของผมเวลาเรากอดลากันตอนหมดวันเหมือนเขาไม่อยากกลับบ้านหรือแม้แต่จะก้าวห่างจากผมเลยสักฟุตเดียว หรือการที่ผมรู้สึกมีตัวตนเวลาอยู่กับเขาแม้แต่ตอนที่ดวงตาสีน้ำตาลของเขามองไปทางอื่น เพราะผมรู้ว่าเขามองผมอยู่ หรือตอนที่เราสลับกันอ่านหนังสือคนละบรรทัด หรือตอนที่ผมชาร์จมือถือกับปลั๊กพ่วงทรงสายฟ้าเพื่อที่เราจะได้เฟซไทม์กันได้จนดึกดื่น
แต่ฮัดสันคนเดิมคนนั้นหายไปตอนที่การหย่าร้างของพ่อแม่เขาเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 1 เมษายน หลังจากแต่งงานกันมายี่สิบปี ฮัดสันมั่นใจว่านี่คือเรื่องล้อเล่นแผลงๆ ในวันเมษาหน้าโง่ที่แม่เอามาหลอกเขา เพราะเขาเชื่อว่าพ่อกับแม่จะกลับมาดีกันแน่นอน ขนาดตอนที่แม่ของเขาบอกว่าพวกเขาจะแยกกันอยู่แล้วย้ายจากบรูกลินไปแมนฮัตตัน ฮัดสันก็ยังหวังว่าพ่อกับแม่จะกลับมาคืนดีกัน เขามีจิตวิญญาณของตัวละครเด็กในหนังที่สร้างแผนการอันยิ่งใหญ่เพื่อทำให้พ่อกับแม่ของตัวเองกลับมาตกหลุมรักกันอีกครั้ง
การต้องมองความรักที่เขาเชื่อมั่นมาตลอดแหลกสลายไปทำให้ความสัมพันธ์ของเราแย่ลง เราต่อกันไม่ติดอย่างแรง มันจะมีบางเวลาที่เขาไม่ต้องการให้ผมอยู่ใกล้ๆ เพื่อปลอบเขา ส่วนเวลาอื่นที่เราอยู่ด้วยกัน เขาก็จะพูดถึงความรักในด้านแย่ๆ ขึ้นมาทันที ผมทนอยู่นานจนในที่สุดก็ต้องถอยออกมา ผมให้โอกาสเขาหลายครั้งแล้ว…ผมให้โอกาสเราหลายครั้งแล้ว ผมแค่ไม่เก่งพอที่จะทำให้เขาเชื่อว่าความรักก็เป็นสิ่งที่ดีได้เหมือนกัน
แล็ปท็อปพร้อมใช้แล้ว ผมต้องระบายสักหน่อยก่อนทำการบ้าน ผมเลยเปิดไฟล์นิยายแฟนตาซีที่ผมแต่งเองมาตั้งแต่มกรา โดยมีผมเป็นตัวละครเอก นี่เป็นเวลาเดียวที่ผมรู้สึกชื่นชมการตั้งปณิธานปีใหม่ ผมหมกมุ่นกับนิยายของผมมาก ชื่อเรื่องว่า สงครามจอมเวททมิฬ ย่อสั้นๆ ว่า สคจท. ผมแต่งไว้อ่านเอง แต่วันหนึ่งผมอาจจะแบ่งให้คนอื่นในโลกอ่านก็ได้ หรืออย่างน้อยก็ให้ดีแลนอ่าน เขาอยากรู้จะตายอยู่แล้วว่าตัวละครที่ผมใช้เขาเป็นต้นแบบจะเป็นยังไง
ผมเลื่อนไปยังหน้าที่ผมเขียนค้างไว้
มันคือฉากที่มีตัวละครฮัดสันอยู่ด้วย เรื่องราวเริ่มขึ้นอย่างเรียบง่าย เบน-จามินกับฮัดโซเนียนแอบหนีออกจากปราสาทเซนกลางดึกและตะลอนเข้าไปในป่าดาร์กวู้ดเพื่อแอบพลอดรักกัน เบน-จามินใช้พลังวายุปัดเป่าหมอกออกไปและ…โว้ เหล่าผู้กระหายพลังชีวิตปรากฏตัวออกมาแล้วประหารฮัดโซเนียนแม่งเลย น่าละอายเสียจริง ผมบรรยายรายละเอียดเครื่องประหารกิโยตินอันมหึมาที่พวกเขาจะใช้ตัดหัวฮัดโซเนียนแบบลงลึกเพราะผมเป็นคนที่ชอบวาดภาพ แล้วตอนที่ผู้กระหายพลังชีวิตปล่อยมีดออกจากขาตั้ง ผมก็ปิดเครื่องทันที
ผมทำไม่ได้
ผมยังไม่พร้อมจะฆ่าฮัดสันทิ้ง หมายถึง…ฮัดโซเนียนน่ะ
หรือทิ้งกล่องนั่นไปด้วย
บางทีเราอาจจะคุยกันได้ เคลียร์ให้เรื่องมันจบๆ แล้วกลับมาเป็นเพื่อนกันจริงๆ
ผมอยากรู้ว่าเขาเป็นไงบ้าง
ใจผมเต้นรัวตอนผมเช็กอินสตาแกรมของฮัดสัน @HudsonLikeRiver (ฮัดสันเหมือนแม่น้ำ) เขาลงรูปเซลฟี่ไปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ไม่รู้ทำไมแฮเรียตถึงบอกว่าเขาไม่สบายทั้งๆ ที่เขาก็ดูแข็งแรงดี เขาชูสองนิ้วในรูปพร้อมแคปชั่น #เดินหน้าต่อ ชัดเลยว่าความจริงแล้วเขาควรชูนิ้วไหนขึ้นมาแทน
ฮัดสันต้องรู้อยู่แล้วล่ะว่าผมเลิกติดตามอินสตาแกรมเขา เหมือนกับที่เขารู้จักผมดีพอที่จะรู้ว่ายังไงผมก็ต้องกลับมาเช็กอินสตาแกรมเขาอยู่ดี เพราะโพรไฟล์ของเขาไม่ได้ตั้งค่าให้เป็นส่วนตัวเหมือนของผม แต่ถ้าเขาพร้อมจะเดินหน้าต่อแล้วจริงๆ เขาก็น่าจะมาโรงเรียนได้แบบไม่มีปัญหาอะไรนี่
ผมสงสัยว่าเขาเดินหน้าต่อแล้วจริงๆ เหรอ เขาบอกว่าผู้ชายที่ปาร์ตี้ไม่ได้อยู่ในนิวยอร์ก แต่พวกเขาอาจจะมีความสัมพันธ์ระยะไกลกันอยู่ก็ได้ บางครั้งผมก็คิดว่าฮัดสันอาจจะชอบแดนนี่ที่เรียนวิชาคณิตศาสตร์ด้วยกัน แต่ฮัดสันสาบานว่าแดนนี่ไม่ใช่สเป็กเขาเลย กล้ามเยอะไป บ้ารถเกินไป แต่ก็อาจจะเป็นคนอื่นเลยก็ได้
คือผมจะลงรูปพร้อมแฮชแท็กเดินหน้าต่อก็ได้เหมือนกัน จักรวาลไม่พยายามจะช่วยอะไรผมสักอย่างเลยวันนี้ ไม่งั้นผมคงกำลังแชทคุยกับอาร์เธอร์แทนที่จะมานั่งส่องแฟนเก่าตัวเองอยู่อย่างนี้ ดีแลนปั่นหัวผมเข้าเต็มๆ เขามาปลุกความโรแมนติกในตัวผม แต่ปัญหาอยู่ที่ฮัดสัน ตอนเราเลิกกัน ฮัดสันบอกว่าความคาดหวังของผมสูงเกินไปและบางครั้งผมก็ฝันไปไกลเกิน ผมไม่เข้าใจว่าเรื่องแบบนั้นมันแย่ตรงไหน ทำไมผมจะไม่อยากอยู่กับคนที่ทำให้ผมรู้สึกมีค่าล่ะ ทำไมผมจะไม่อยากอยู่กับคนที่อยากอยู่กับผมไปนานๆ
ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะได้เจอคนแปลกหน้าน่ารักๆ ในนิวยอร์ก ปกติก็เห็นหน้าครั้งหนึ่งแล้วก็แค่นั้น แต่ผมได้คุยกับอาร์เธอร์ ได้รู้ชื่อเขา ผมออกจากโพรไฟล์ของฮัดสันแล้วพิมพ์ชื่อ อาร์เธอร์ ลงในแถบค้นหา แล้วคุณรู้อะไรมั้ย จักรวาลไม่ดันโพรไฟล์ของอาร์เธอร์คนที่ผมเจอขึ้นมาเป็นอันดับแรกเพื่อให้ชีวิตผมง่ายขึ้นหรอก ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาร์เธอร์มีอินสตาแกรมมั้ย แต่ถ้าเขาเหมือนคนอื่นๆ ที่โรงเรียน เขาจะต้องโพสต์เกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตลงทวิตเตอร์ ผมพิมพ์คำว่า อาร์เธอร์ ฮอตดอก เนกไท เพื่อดูว่าเขาได้พูดอะไรเกี่ยวกับเนกไทแปลกๆ อันนั้นรึเปล่า ไม่มีอะไรขึ้นมานอกจากทวิตเตอร์ที่พูดถึงการแข่งขันกินฮอตดอกที่ผู้ชายชื่ออาร์เธอร์เรียกร้องให้มีการไทเบรก ผมหาคำว่า อาร์เธอร์ จอร์เจีย แต่ก็ไม่มีอะไรนอกจากเรื่องนู่นนี่นั่นอย่างผู้หญิงชื่อจอร์เจียดูหนังเรื่องคิงอาร์เธอร์ทุกเวอร์ชั่นรวดเดียว ไม่มีอะไรเกี่ยวกับอาร์เธอร์จากที่ทำการไปรษณีย์ที่ย้ายขึ้นมาจากจอร์เจียช่วงหน้าร้อนเลย
เวรเอ๊ย
ที่นี่คือนิวยอร์ก เพราะงั้นอาร์เธอร์จากที่ทำการไปรษณีย์จะไม่โผล่เข้ามาชีวิตของผมอีก คงไม่เป็นไรมั้ง ก็ใช่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราจริงๆ สักหน่อยนี่
ขอบใจที่ไม่ช่วยอะไรเลยนะ จักรวาล