everY
ทดลองอ่าน What If It’s Us บทที่ 3 – บทที่ 4 #นิยายวาย
ตอนที่ 3
อาร์เธอร์
อังคารที่ 10 กรกฎาคม
ฮัดสัน แบบชื่อแม่น้ำอ่ะนะ
555555 เจสซี่ตอบ นายรู้ใช่มั้ยว่าที่นายไปหยิบกระดาษที่อยู่ของเขามามันโคตรจะน่าขนลุก
อีโมจิสะอื้น รู้สิ แต่ฉันไม่ได้เป็นสตอล์กเกอร์นะ สาบานได้
ต่อให้ผมเป็นก็เถอะ…ซึ่งผมไม่ได้เป็น ไม่มีวันเป็น…ผมก็คงเป็นสตอล์กเกอร์ที่ห่วยที่สุดละ ผมหยิบกระดาษที่อยู่เขามาไม่ครบด้วยซ้ำ มันทั้งขาดทั้งยับถึงขนาดที่ผมดูไม่ออกว่าเป็นของผู้รับหรือผู้ส่ง ตรงที่อยู่ขาดเป็นสองท่อน นามสกุลคืออ่านไม่รู้เรื่อง แต่ผมก็ถ่ายรูปมันส่งเข้าไปในแชทกลุ่มอยู่ดีตอนที่รถไฟสายสองเข้ามาจอด คนแน่นเหมือนเดิม ผมยืนเบียดอยู่ระหว่างผู้ชายใส่เสื้อลาย แคตส์ กับผู้หญิงที่สักทั้งแขน
แต่มันเขียนว่าฮัดสันชัวร์ เจสซี่พิมพ์ต่อ
ผมเอนตัวพิงเสา ใช่มะ แต่ฮัดสันคือเขาหรือแฟนเขาอ่ะ
ผมยังหงุดหงิดจนแทบจะเตะตัวเองอยู่เลยที่ปล่อยเขาไปแบบนั้น ผมเคยคิดมาตลอดว่ามันเป็นแค่สำนวน หงุดหงิดจนแทบจะเตะตัวเอง แต่เปล่า ผมยืนเตะส้นเท้าตัวเองอยู่จริงๆ ในรถไฟใต้ดินเนี่ย สิ่งเดียวที่ผมต้องทำคือขอเบอร์เขาไว้ แค่นั้นเอง ผมต้องทำแค่นั้นเอง
ทำไมฉันถึงเป็นไอ้หน้าโง่จีบใครไม่เป็นแบบนี้วะ??
ห่ะ?? เจสซี่พิมพ์มา พูดไรของนาย นายจีบเก่งจะตาย ฉันน่ะไม่กล้าเข้าไปคุยกับหนุ่มน่ารักที่เพิ่งเจอกันหรอก นายคือโคตรเทพ
โอย เขาน่ารักจริงๆ นะ ฉันว่าเธอไม่เข้าใจหรอกว่าเขาน่ารักขนาดไหน
พูดจริงนะ อาร์เธอร์ แบบนี้นายยิ่งจีบเก่งจนน่าประทับใจเลย อีโมจิกล้ามแขน
เห็นด้วย อีธานเสริม นายคุยกับหนุ่มน่ารักมา ต้องได้รับคำชมซะหน่อย
โอเค รู้มั้ยว่าอะไรน่ากังวล การคุยเรื่องผู้ชายกับอีธานไง และไอ้การที่เขาพิมพ์ตอบได้เหมาะกับสถานการณ์ก็ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ เพราะตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่าอีธานคนไหนคือตัวจริง อีธานฉบับเพื่อนแสนดีที่คอยให้กำลังใจในกลุ่มหรืออีธานฉบับตัวต่อตัวที่พ่วงด้วยข้อความมากมายของผมที่เขาอ่านแล้วไม่ตอบ ผมรู้นะว่ามันก็แค่ข้อความเอง ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเก็บมาใส่ใจ แม่ผมบอกว่าผมควรคุยกับเขา แต่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะพูดอะไร และผมมั่นใจว่าเขาจะทำเหมือนไม่ได้มีอะไรผิดปกติสักหน่อย
ผมเปิดดูรูปในเครื่อง บางส่วนในตัวผมอยากให้อารมณ์ตัวเองจมดิ่ง เหมือนต้องมีเพลงจาก เล มิเซราบล์ บรรเลงขึ้นมาเวลาผมเศร้า ช่วยไม่ได้นี่นา ถ้าผมจะรู้สึกอะไรบางอย่าง ผมอยากจะรู้สึกถึงมันให้สุดไปเลย
ผมเลื่อนดูรูปที่ถ่ายไปเรื่อยๆ ช่วงเกรดสิบเอ็ด มีรูปเจสซี่นั่งอ่านหนังสือช่วงการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมรอสเวลล์กับทีมมิลตัน รูปอีธานใส่หมวกทรงฟีโดร่า แบบเหมือนจะประชดแต่ก็ไม่ รูปเจสซี่งีบบนเบาะฝั่งผู้โดยสารบนรถผม เลื่อนไปเรื่อยๆ ช่วงเกรดสิบ มีรูปอีธานยืนอยู่หน้ารถเข็นคิงออฟป็อปส์ รูปสเก็ตน้ำแข็งที่ลานเอวาลอน รูปถ่ายระยะใกล้ของวาฟเฟิลที่ราดช็อกโกแลตจนชุ่มเพราะผมแอบเอาน้ำเชื่อมช็อกโกแลตเข้าไปในร้านวาฟเฟิลเฮ้าส์
ผมเปลี่ยนไปดูวิดีโอ มีคลิปอีธานร้องเพลงเป็นล้าน บางคลิปคือแหกปาก บอกเลยว่าอีธานคือคนที่ทำให้ผมคิดไปเองอยู่หลายปีว่าชายแท้ทุกคนชอบละครเพลง
ผมออกจะเกลียดเขานะ
แต่ผมก็คิดถึงเขามากเลย
ผมเงยหน้าขึ้นมาเจอคุณยายคนหนึ่งที่กำลังมองอยู่ พอเราสบตากัน เธอไม่หลบตา ไม่ยิ้ม แค่จ้องผมและลูบกระเป๋าถือไปด้วยอย่างกับมันคือแมว นิวยอร์กนี่โคตรแปลก
แต่มันก็แปลกในทางที่ดีนะบางที อย่างเมื่อวาน สมองผมเอาแต่วนเวียนกลับไปหาหนุ่มถือกล่อง กลับไปหาฮัดสัน สิ่งที่ผมจำได้แม่นคือรอยยิ้มของเขา รอยยิ้มตอนที่ผมบอกว่าผมเป็นเกย์ เขาดีใจที่ได้ยินแบบนั้น ผมมั่นใจ และใช่ มันอาจจะเป็นความรู้สึกเหมือนได้พวกพ้องเพิ่มก็ได้ เหมือนเขาใส่หมวกคัดสรรความชอบทางเพศ “เจ้าเป็น…เกย์!!!!!!” เสียงร้องเชียร์พร้อมธงสีรุ้งโบกสะบัดไปทางฮัดสันจากบ้านชาวเกย์
แต่มันอาจจะไม่ใช่ความรู้สึกเหมือนได้พวกพ้องเพิ่มก็ได้ ผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้น มันเหมือนเป็นโชคชะตา เป็นความเข้าใจ เป็นการยืดตัวให้ตรงขึ้น เป็นการ โอ้ นั่นไง ผมไม่ได้เป็นกูรูหรืออะไรหรอกนะ แต่สาบานได้ว่าเขาเองก็สนใจผมเหมือนกัน ผมแค่ยังคิดไม่ออกว่าทำไมเขาถึงหนีไปแบบนั้น
ผมก้าวออกจากรถไฟมาเจออากาศร้อนอบอ้าว นี่คือสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงเกี่ยวกับนิวยอร์ก ที่นี่ร้อนหนักกว่าจอร์เจียอีก คือ ใช่ จอร์เจียอากาศร้อนกว่า แต่ที่นิวยอร์กนี่รู้สึกถึงความร้อนได้เลยจริงๆ ต่อให้ร้อนถึงเก้าสิบองศาฟาเรนไฮต์ ก็ต้องเดิน ต่อให้ฝนเทลงมา ก็ต้องเดิน ที่จอร์เจีย เราไม่เดินข้ามลานจอดรถช่วงหน้าร้อนกันด้วยซ้ำ คุณจะจอดรถข้างห้างทาร์เก็ตแล้วเดินเข้าห้าง เสร็จแล้วก็ขับรถติดแอร์ไปสตาร์บัคส์ที่อยู่ห่างไปร้อยหลา แต่ที่นี่ เหงื่อผมซึมผ่านเสื้อเชิ้ตติดกระดุมทั้งๆ ที่ยังไม่ทันจะเก้าโมง ลองเดาดูสิว่าผมชอบเป็นเด็กฝึกงานเหงื่อซกมากแค่ไหน คำตอบคือชอบม้าก เพราะผมทำงานในออฟฟิศที่ดูดีมีสไตล์สุดๆ
คือแบบ ตึกทั้งตึกมันวิบวับแวววาว โคมไฟติดเพดานสไตล์มินิมอลสุดอาร์ต มี ลิฟต์แก้ว มี เบาะนั่งสีเทาเรียบตึงกับโต๊ะกาแฟเหล็กทรงสามเหลี่ยม มีและมี มีพนักงานเปิดประตูด้วยนะ ชื่อมอร์รี่ เขาชอบเรียกผมว่าด็อกเตอร์ ถึงผมจะอายุแค่สิบหกและไม่ได้เรียนแพทย์ก็เถอะ ผมโดนเรียกแบบนี้บ่อยเพราะผมนามสกุลซูสส์ และคำตอบของคำถามที่คุณกำลังจะถามผมคือเปล่า ผมไม่ได้เป็นญาติที่เกิดห่างไปสองรุ่นหรือมีญาติพี่น้องคนไหนแต่งงานกับครอบครัวด็อกเตอร์ซูสส์ เปล่าเลย ผมไม่ได้ชอบกินไข่สีเขียวกับแฮม
ไงก็เถอะ แม่ผมทำงานอยู่ชั้นสิบเอ็ด เป็นบริษัทสาขาเดียวกันกับที่แอตแลนตาซึ่งแม่ทำงานอยู่ แต่ออฟฟิศที่นิวยอร์กใหญ่กว่าตั้งสามเท่า ที่นี่มีทั้งทนาย ทนายฝึกหัด เลขา และเสมียน แถมพวกเขายังดูรู้จักกันหมดเลยด้วย และทุกคนต้องรู้จักแม่ผมแน่นอน ผมเดาเอาว่าแม่น่าจะเป็นพวกระดับวีไอพีของที่นี่ เพราะแม่ผมเรียนกฎหมายกับพวกคุณน้าผู้หญิงที่เป็นเจ้าของบริษัทนี้ และนั่นคือเหตุผลที่ผมได้มาทำงานที่นี่แทนที่จะไปกำกับละครเพลงเรื่องฟิดด์เลอร์ออนเดอะรูฟเวอร์ชั่นเด็กหกขวบที่เจซีซี
“โย่” นัมราตาทักผม “อาร์เธอร์ สายนะ”
แฟ้มกองใหญ่ยักษ์อยู่ในมือของเธอ แปลว่าเช้านี้จะเป็นเช้าแสนสนุก นัมราตาเจ้ากี้เจ้าการกับผม แต่ความจริงแล้วเธอนิสัยดีนะ ปีนี้รับคนสมัครงานช่วงหน้าร้อนแค่สองคนคือนัมราตากับจูเลียต งานพวกเธอเลยเยอะหน่อย แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องปกติสำหรับคนเรียนกฎหมาย มีคนสมัครตำแหน่งของนัมราตากับจูเลียตตั้ง 563 คน ในขณะที่การสมัครงานของผมมาจากการที่แม่พูดว่า “งานนี้จะทำให้ลูกดูดีตอนสมัครเข้ามหา’ลัย”
ผมตามนัมราตาเข้าไปในห้องประชุม ที่ที่จูเลียตกำลังนั่งอ่านกระดาษปึกหนึ่งแบบผ่านๆ เธอเงยหน้าขึ้นมา “แฟ้มข้อมูลของชูเมกเกอร์ล่ะ”
“เอาไปเลย” นัมราตาวางแฟ้มลงบนโต๊ะและทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ประชุม ขอบอกหน่อยว่าเก้าอี้ที่นี่เป็นเก้าอี้หมุนแสนนุ่มนิ่ม น่าจะเป็นข้อดีหลักของการทำงานที่นี่เลย
ผมนั่งบนเก้าอี้แล้วถีบขาโต๊ะให้ตัวเองไถลออกมา “แฟ้มทั้งหมดนี่คือคดีเดียวเหรอ”
“ใช่”
“คดีใหญ่น่าดูเลยเนอะ”
“ก็ไม่ค่อย” นัมราตาตอบ
เธอไม่เงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ บางทีพวกเธอก็เป็นแบบนี้ มีสมาธิจัดแล้วก็น่าหงุดหงิด แต่ลึกๆ แล้วพวกเธอโอเคเลย คือพวกเธอไม่เหมือนอีธานกับเจสซี่หรอก แต่พวกเธอก็เป็นชาวแก๊งของผมในนิวยอร์ก หรือไม่เดี๋ยวก็เป็นแหละตอนที่ผมชนะใจพวกเธอ และผมทำได้แน่
“เออนี่ จูเลียตตตตตต” ผมไถลกลับมาที่โต๊ะและหยิบมือถือขึ้นมา “มีอะไรจะให้”
“ฉันควรกังวลมั้ย” เธอยังคงจดจ่ออยู่กับแฟ้มเอกสาร
“ไม่เลย ตื่นเต้นดีกว่า” ผมเลื่อนมือถือให้เธอดู “เพราะว่านี่ไง”
“อะไรน่ะ”
“ภาพถ่ายหน้าจอ”
พูดให้ถูกคือ ภาพถ่ายหน้าจอของบทสนทนาในทวิตเตอร์ของอิสซา แร ตอนสี่ทุ่มสิบแปดนาทีเมื่อคืนนี้ เธอคือนักแสดงคนโปรดของจูเลียตตามที่ผมเห็นในอินสตาแกรมของเธอที่ผมแอบติดตามอย่างลับๆ
“นายบอกอิสซา แรว่าถึงวันเกิดฉันแล้วงั้นเหรอ”
ผมยิ้มกว้าง “ใช่แล้ว”
“ทำไมล่ะ”
“เธอจะได้ทวีตอวยพรวันเกิดให้เธอไง”
“ฉันเกิดเดือนมีนา”
“รู้น่า ฉันแค่จะบอกว่า…”
“นายโกหกราชินีของฉัน”
“เปล่านะ คือ ก็ประมาณนั้นมั้ง” ผมยกมือขึ้นถูหน้าผาก “ไงก็เถอะ อยากฟังเรื่องที่ฉันเพิ่งทำพังไม่เป็นท่าไปมั้ย”
“นึกว่าเพิ่งได้ฟังไปเมื่อกี้” นัมราตาพูด
“ไม่ใช่ นี่คนละเรื่องกัน อันนี้เรื่องผู้ชาย”
ทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมา ในที่สุด แก๊งนี้อดไม่ได้หรอกที่จะฟังเรื่องราวชีวิตรักของผม ก็ไม่ใช่ว่าผมมีชีวิตรักหรืออะไร แต่พวกเธอชอบฟังเรื่องบรรดาหนุ่มน่ารักที่ผมเจอบนรถไฟ เจ๋งดีนะที่ผมสามารถพูดเรื่องนี้ออกมาดังๆ ได้ เหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เหมือนมันเป็นเรื่องปกติของผม
“ฉันเจอผู้ชายคนหนึ่งที่ที่ทำการไปรษณีย์” ผมเล่า “ทายสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
“พวกนายนัวเนียกันหลังตู้ไปรษณีย์” นัมราตาพูด
“อ่า ไม่ใช่”
“งั้นก็ในตู้ไปรษณีย์” จูเลียตเอาบ้าง
“ไม่ใช่ ไม่มีการนัวเนียอะไรทั้งนั้น แต่แฟนเก่าเขาเป็นผู้ชาย”
“อ้อ เขาเป็นเกย์นี่เอง”
“ใช่ ไม่ก็เป็นไบหรือเป็นแพน หรืออะไรนี่แหละ และเขาโสดอยู่ ถ้าเขาไม่รีบหาคนใหม่แก้เหงาไปแล้วล่ะก็นะ ปกติคนนิวยอร์กเขารีบหาเพื่อนแก้เหงากันมั้ยอ่ะ”
นัมราตาตัดฉับเข้าประเด็น “แล้วไปทำเสียเรื่องได้ยังไง”
“ฉันไม่ได้ขอเบอร์เขาไว้”
“เอิ่ม” นัมราตาพูด
“หาเขาจากในเน็ตดูมั้ยล่ะ” จูเลียตถาม “นายดู…เก่งเรื่องอะไรแบบนี้”
“ฉันไม่รู้ชื่อเขาด้วยน่ะ”
“โธ่ น้องเอ๊ย”
“คือก็รู้แหละ ประมาณนั้น ฉันมั่นใจห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยว่าเขาชื่อฮัดสัน”
“นายมั่นใจห้าสิบเปอร์เซ็นต์” จูเลียตบึนปาก
ผมส่ายหน้าช้าๆ คือผมจะเอากระดาษที่อยู่ให้พวกเธอดูก็ได้ แต่ผมไม่คิดว่าพวกเธอจำเป็นต้องรู้เรื่องที่ผมเก็บขยะจากพื้นในที่ทำการไปรษณีย์กลับมาหรอก ขนาดเจสซี่ยังคิดว่ามันน่าขนลุกเลย และนี่คือออกมาจากปากของผู้หญิงที่เคยบอกทุกคนในคาบคณิตศาสตร์ว่าเธอเป็นญาติกับบียอนเซ่แล้วโผล่มาอีกวันพร้อมรูปโฟโต้ช็อปเพื่อเป็นการพิสูจน์ด้วยนะ
“สรุปคืออย่างเดียวที่นายรู้เกี่ยวกับผู้ชายคนนี้คือชื่อของเขาที่…อาจจะไม่ใช่ชื่อจริงๆ ของเขาก็ได้”
ผมพยักหน้า “ไม่มีหวังเลย”
“คงงั้น” นัมราตาพูด “แต่นายเอาเรื่องไปโพสต์ในเคร็กส์ลิสต์ดูก็ได้นะ”
“เรื่องเหรอ”
“พวกโพสต์ตามหาคน นึกออกมั้ย โพสต์ที่แบบ ฉันเห็นนายบนรถไฟสายเอฟ นายกำลังอ่านฟิฟตี้เชดส์ออฟเกรย์และกินแคนดี้คอร์นไปด้วย”
“อี๋ แคนดี้คอร์นเนี่ยนะ”
“เดี๋ยวๆ แคนดี้คอร์นนี่ของขวัญจากพระเจ้าเลยนะยะ” นัมราตาพูด
“เอ่อ…”
“จริงๆ นะ อาร์เธอร์ นายน่าจะลองดู” จูเลียตบอกผม “แค่เขียนโพสต์บรรยายสิ่งที่เกิดขึ้น แบบ เฮ้ เราเจอกันที่ที่ทำการไปรษณีย์แล้วนัวเนียกันในตู้ไปรษณีย์ แล้วอะไรก็ว่าไป”
“โอเค คือคนที่นี่ชอบนัวเนียกันในตู้ไปรษณีย์เหรอ พอดีที่จอร์เจียเขาไม่ทำกัน”
“จูเลียต เราน่าจะเขียนโพสต์ให้เขานะ”
“คนเราจะเข้าไปอยู่ในตู้ไปรณีย์ได้ยังไง” ผมพูดต่อ
“โย่” นัมราตาพูด “เปิดแล็ปท็อปเร็ว ไอ้หนู”
โอเค เรื่องเล็กน้อยที่ทำให้ผมหงุดหงิดคือเวลาที่สาวๆ เรียกผมว่าไอ้หนู เหมือนพวกเธอโตกว่า รู้ดีกว่า และผมเป็นแค่ตัวอ่อนที่ยังเติบโตไม่เต็มที่ แต่ผมก็เปิดแล็ปท็อปอยู่ดี แหงล่ะ
“เข้าเว็บเคร็กส์ลิสต์”
“คนเขาไม่ได้โดนฆ่ากันเพราะเคร็กส์ลิสต์เหรอ”
“ไม่นะ” นัมราตาพูด “พวกเขาโดนฆ่าเพราะเปิดเว็บเคร็กส์ลิสต์ช้าเกินจนทำให้ฉันเสียเวลา”
ตอนนี้นัมราตาค้อมตัวอยู่ข้างหลังผม จูเลียตอยู่ข้างๆ ลิงก์สีฟ้าเป็นล้านเรียงกันลงมาในช่องแคบๆ บนหน้าจอ “อืม โอเค”
นัมราตาแตะหน้าจอเบาๆ “ตรงนี้ ใต้คำว่าชุมชน”
“เธอดูรู้จักเคร็กส์ลิสต์ดีเนอะ” ผมพูด แล้วเธอก็ฟาดผม
ขอยอมรับนะว่าผมชอบอะไรแบบนี้มากเลย การที่พวกเธอสนใจเรื่องของผมเนี่ย ผมแอบระแวงมาตลอดว่านัมราตากับจูเลียตอาจจะรำคาญผม เหมือนผมเป็นแค่นักเรียนมอปลายที่พวกเธอถูกบังคับให้คอยดูแลแทนที่จะได้ไปทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่าอย่างการจัดการแฟ้มข้อมูลของชูเมกเกอร์
เรื่องของเรื่องก็คือ พวกเธอเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวที่ผมมีในนิวยอร์ก ผมไม่รู้ว่าคนเขาหาเพื่อนช่วงหน้าร้อนกันยังไง มีคนเป็นล้านในแมนฮัตตัน แต่ไม่มีใครยอมสบตาเลยถ้าคุณไม่ได้รู้จักพวกเขามาก่อน และผมไม่รู้จักใครเลยนอกจากคนที่ทำงานในสำนักงานกฎหมาย
บางครั้งผมก็คิดถึงอีธานกับเจสซี่จนเจ็บในอกเลย
จูเลียตยึดแล็ปท็อปผมไปแล้ว “โอ๊ยตาย บางโพสต์นี่น่ารักมากเลยนะ” เธอบอก “ดูสิ”
เธอหมุนแล็ปท็อปกลับมาให้ผมดู นี่คือสิ่งที่โชว์บนหน้าจอ
ร้านสตาร์บัคส์ถนนเบลกเกอร์/ไม่ได้ชื่อไรอัน—ชายหาชาย (หมู่บ้านกรีนวิช)
นาย: เสื้อเชิ้ตติดกระดุมไม่มีเนกไท ฉัน: เสื้อโปโลปลดกระดุมเม็ดบน
พนักงานเขียนชื่อไรอันบนแก้วของนาย แล้วนายก็พึมพำว่า “ใครวะไรอัน”
หลังจากนั้นนายก็สบตาฉันแล้วยิ้มอายๆ ให้ และมันน่ารักมากเลย
อยากให้ตัวเองกล้าขอเบอร์นายตอนนั้นจัง
เชี่ย “หูย แย่เนอะ”
ผมเข้าลิงก์ต่อไป
ถนนอีควิน็อกซ์ 85—ชายหาชาย (อัปเปอร์อีสต์ไซด์)
เห็นนายบนลู่วิ่ง หล่อดี โทรมาหน่อย
จูเลียตเบ้หน้า “เขาว่ากันว่าไม่มีความโรแมนติกเหลืออยู่อีกแล้ว”
“ฉันล่ะชอบจังที่เขาไม่เจาะจงอะไรเลย” นัมราตาพูด “เขาแบบ ‘เฮ้ นายหล่อดีนะ งั้นฉันไม่ให้รายละเอียดสักอย่างเลยละกันว่าฉันเป็นใคร’”
“ก็นะ” จูเลียตพูด “อย่างน้อยเขาก็ลอง อาร์เธอร์ นายอยากมีเซ็กซ์กับผู้ชายคนนี้ในตู้ไปรษณีย์อีกครั้งใช่มั้ยล่ะ…”
“มันเป็นไปไม่ได้ เรามีเซ็กซ์ในตู้ไปรษณีย์ไม่ได้”
“ดูสิ หน้าแดงแล้ว!”
“โอเค ฉันออกจากเว็บแล้ว” ผมเลื่อนแล็ปท็อปมากลางโต๊ะแล้วฟุบหน้าลงกับแขน “จัดการแฟ้มข้อมูลของชูเมกเกอร์กันเถอะ”
“และนี่แหละ” นัมราตาประกาศ “คือวิธีที่จะทำให้อาร์เธอร์กลับมาทำงานทำการสักที”