everY
ทดลองอ่าน What If It’s Us บทที่ 3 – บทที่ 4 #นิยายวาย
ตอนที่ 4
เบน
“ฉันว่าเธอตายแล้ว” ดีแลนบอกผมผ่านเฟซไทม์
บางทีผมอาจจะไม่ควรรับสายดีแลนระหว่างทางไปโรงเรียนแบบนี้ อาทิตย์นี้ผมกำลังติดเพลงของลอร์ดและคงฟังเพลงของเธอไปเรื่อยๆ จนเริ่มเรียน แต่ผมต้องเป็นเพื่อนที่ดีเพราะตอนนี้ดีแลนกำลังประสาทกินเรื่องซาแมนธาอยู่ เมื่อคืนนี้เขาส่งคลิปยูทูบเพลงของเอลเลียต สมิธที่ไม่ถูกพูดถึงเท่าที่ควรไปให้เธอและยังไม่มีอะไรตอบกลับมา บางครั้งความรักที่มีต่อเอลเลียต สมิธของดีแลนก็เว่อร์เกินไปหน่อย เหมือนตอนที่เขาพ่นไฟใส่ผมหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ เพราะผมสะกดชื่อเอลเลียตแบบตกตัว ล ไปหนึ่งตัว
“ฉันว่าเธอยังไม่ตายหรอก เธอคงมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ” ผมบอก
“ทำอะไร”
“ไม่รู้ดิ ไล่ฆ่าแวมไพร์มั้ง”
“พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว แวมไพร์ออกมาไม่ได้ ไปคิดมาใหม่”
“ฉันว่าไม่มีอะไรหรอก เมื่อวานพวกนายคุยกันตั้งสองชั่วโมง”
“สองชั่วโมงกับอีกสิบสองนาที” ดีแลนแก้แล้วเติมกาแฟใส่แก้ว เขานอนไม่ค่อยหลับ ผมตื่นมาเมื่อเช้าแล้วเห็นว่าเขาเฟซไทม์มาสองรอบกลางดึกแถมส่งข้อความเกี่ยวกับซาแมนธามาอีกเป็นหมื่น
ผมไม่ค่อยเข้าใจการที่คนติดกาแฟกันเท่าไหร่ ยิ่งติดกาแฟช่วงหน้าร้อนยิ่งไม่เข้าใจ และการติดกาแฟทั้งๆ ที่ตัวเองก็นอนแทบไม่หลับอยู่แล้วนี่ไม่เข้าใจแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด แต่ผู้หญิงมีอิทธิพลต่อดีแลนแบบนี้แหละ
“รู้นามสกุลเธอแล้วนะ” ดีแลนพูด
“โว้ว”
“ซาแมนธา โอมัลลี่ย์” ดีแลนบอก แล้วเขาก็เล่าให้ผมฟังทุกอย่างว่าเมื่อวานนี้เขารู้อะไรเกี่ยวกับเธอมาบ้าง การเป็นบาริสต้าทำให้เธอมีความสุขกว่าที่เพื่อนร่วมงานของเธอรู้สึก หนังเรื่องโปรดของเธอคือไททานิกกับเดอะแซนด์ล็อต เธอพาน้องสาวไปกินอาหารทะเลทุกอาทิตย์ เธอเล่นวิดีโอเกมเก่ง “และฉันว่าตอนนั้นเธอชอบฉัน”
ผมเห็นดีแลนผ่านการมี ‘ความสัมพันธ์’ มามากมายตั้งแต่เกรดสาม แต่เขาไม่เคยดูทุกข์ทรมานขนาดนี้ในวันที่สองที่ได้รู้จักสาวที่กำลังจีบ ขนาดตอนชอบแฮเรียต เขายังต้องใช้เวลาตั้งหนึ่งเดือนกว่าจะรู้สึกอะไรเป็นจริงเป็นจัง และนั่นคือเทียบเท่ากับหนึ่งปีสำหรับดีแลนเลยด้วย ดวงตาเคลิ้มๆ ของดีแลนเวลาพูดถึงซาแมนธาทำให้ผมนึกถึงตัวเองกับฮัดสันตอนที่เขาวิ่งมาหาผมหลังเลิกเรียน รู้ใช่มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นต่อ
“เธอต้องชอบนายแหงอยู่แล้วพวก”
“ชอบแค่ตอนนั้น ตอนนี้เธอตายแล้ว ไว้เจอกันที่กลุ่มชุมนุมคนนิรนามใจสลายนะ”
ผมเลี้ยวตรงมุมถนนแล้วเดินเข้าประตูโรงเรียน ดีแลนกับผมไม่ได้เรียนที่โรงเรียนมัธยมเบลเลซาในมิดทาวน์หรอก แต่โรงเรียนนี้เป็นเจ้าภาพให้กับเหล่าผู้ไว้ทุกข์หน้าร้อนหลายชีวิตจากโรงเรียนรัฐบาลโรงเรียนอื่นในปีนี้ ผมกำลังจะบอกให้ดีแลนมั่นใจว่าเดี๋ยวซาแมนธาก็ติดต่อกลับมาตอนที่ผมเห็นฮัดสันกับแฮเรียตนั่งอยู่บนขั้นบันไดทางเข้าโรงเรียนพอดี
ฮัดสันดูแข็งแรงดีเหมือนรูปในอินสตาแกรมเมื่อวานเป๊ะ เขาเหลือบมาเห็นผมตอนกำลังจะงับเบคอนไข่ชีสม้วนอีกคำ เลยหันไปหาแฮเรียตแล้วระเบิดหัวเราะออกมา ไม่ได้จะว่าอะไรแฮเรียตนะ เพราะเธอน่ะเจ๋งสุดๆ แต่เธอไม่ใช่คนตลก ขนาดตอนนี้เธอยังมองเหมือนเขาสติหลุดไปแล้วเลย
“อ่า” ผมพูด “ดี ฉันต้องไปแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น” ดีแลนถาม ผมหมุนมือถือไปอีกด้าน แล้วดีแลนก็จ้องฮัดสันกับแฮเรียตเขม็ง “โอ้ ไงพวก”
แฮเรียตส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ขอบคุณ”
“เอางั้นก็ได้” ดีแลนพูด “ฮัดสัน ซอสมะเขือเทศเปื้อนหน้านาย”
ผมส่ายหน้าแล้วกดปิดเฟซไทม์ขณะที่ฮัดสันหยิบทิชชูมาเช็ดหน้า
“เฮ้ ว่าไง” ผมทักฮัดสันกับแฮเรียต
“ไง” แฮเรียตตอบ วันนี้ต่างจากเมื่อวานตรงที่เธอไม่เข้ามากอดผม เพราะว่าฮัดสันอยู่ที่นี่และเธอจะทรยศเขาไม่ได้ โคตรแย่เลยเพราะเรารู้จักกันก่อนฮัดสันจะย้ายเข้ามาตอนขึ้นเกรดสิบเอ็ดซะอีก ผมหวังจริงๆ นะว่าพวกเราทุกคนจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีก หวังว่าแฮเรียตกับผมจะยังคุยกันเรื่องรายการซูเปอร์ฮีโร่ที่เราชอบได้ หวังว่าดีแลนกับฮัดสันจะยังเล่นหมากรุกด้วยกันได้ หวังว่าฮัดสันกับผมจะกลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้ ดีแลนกับแฮเรียตก็ด้วย วันหนึ่งพวกเราอาจจะพยายามกลับมาเป็นแก๊งกันเหมือนเดิม
“เฮ้” ฮัดสันทักตอบ แต่ไม่มองหน้าผม วันนี้ไม่เห็นจะห้าวเหมือนในอินสตาแกรม เขากำลังจะกัดเบคอนไข่ชีสม้วนอีกคำแต่ยั้งตัวเองไว้ สงสัยยังอายอยู่ที่ทำซอสเปื้อนหน้า ฮัดสันกินเลอะเทอะแบบนี้ตลอด แต่ผมไม่เคยว่าเขาเรื่องนี้ การเดินไปโรงเรียนและกินแซนด์วิชถูกๆ ระหว่างคุยเล่นไปด้วยเป็นอะไรที่ผมชอบมาก ผมรู้ว่าไม่ควรรู้สึกเจ็บที่มาเห็นเขากินอาหารเช้ากับแฮเรียตแบบนี้ แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี เหมือนการลบผมออกจากชีวิตเป็นอะไรที่เฉยๆ มากสำหรับฮัดสัน
“ดีขึ้นรึยัง” ผมถาม นี่ผมกำลังพยายามจริงๆ นะที่จะทำให้หน้าร้อนนี้ไม่ออกมาแย่
“แข็งแรงและมีความสุขดี” ฮัดสันเอาเบคอนไข่ชีสม้วนห่อในกระดาษอะลูมิเนียม “และกำลังจะไปแล้ว” เขาเดินขึ้นบันไดเข้าประตูไปเลย
“วันนี้สนุกแน่” แฮเรียตพูด
“ฉันคงไม่ถามเขาอีกแล้วว่าเป็นไงบ้าง” ผมบอกเธอ
“เขาแค่ต้องการเวลาหน่อย สูญเสียความมั่นใจไปนะ”
“แต่เขาคือคนที่ไปนัวเนียกับคนอื่นก่อนเองนะ” ผมพูด
“เขาคิดว่านายกับเขาเลิกกันแล้ว” แฮเรียตว่าต่อ
“เขาจูบผู้ชายคนอื่นหลังจากทะเลาะกับฉันไปสองวัน”
แฮเรียตยกมือขึ้นมา “สำหรับเขามันซับซ้อนมากกว่านั้น และฉันว่านายก็รู้”
“ไม่ยุติธรรมเลย เขาทำฉันเจ็บก่อน” ผมบอก “ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมฮัดสันถึงเป็นคนที่น่าสงสารแค่เพราะฉันเป็นคนบอกเลิกเขาก่อน ฉันมีเหตุผลของฉัน และเธอก็รู้”
“ฉันไม่อยากติดอยู่ตรงกลางระหว่างพวกนายไปมากกว่านี้แล้ว” แฮเรียตพูด “ขอโทษนะเบน” เธอเดินเข้าไปในตึก
ผมสูดหายใจเข้าลึก ผมไม่รู้ว่าแฮเรียตไปอยู่ในโลกที่บิดเบี้ยวโลกไหนเหรอถึงได้คิดว่าตัวเองติดอยู่ตรงกลางในเรื่องนี้ มันชัดอยู่แล้วว่าเธออยู่ทีมฮัดสัน เรื่องทั้งหมดนี้คงไม่เกิดขึ้นหรอกถ้าผมกับฮัดสันเป็นแค่เพื่อนกันตั้งแต่แรก
ผมเดินขึ้นบันได ไม่อยากเข้าเรียนแล้ว แต่ผมจะไม่หันหลังกลับ ผมจะไม่ยอมซ้ำชั้นแค่เพราะแฟนเก่าทำให้ผมไม่กล้ามาเรียนเสริมฤดูร้อนหรอก
ครูของเราคือคุณเฮย์ส เขากำลังจีบครูสอนพีชคณิตอยู่นอกห้องเรียน คุณเฮย์สยังหนุ่ม น่าจะอายุยี่สิบกลางๆ ปกติเขาจะไปเผยแพร่ศาสนาที่ประเทศอื่นช่วงหน้าร้อน แต่พฤษภานี้เขาดันขาแพลงระหว่างการแข่งขันสปาร์ตันเรซ เขาเลยมาวุ่นวายกับการสอนเคมีให้พวกเราแทน เขาไม่ใช่สเป็กผมเท่าไหร่เพราะหุ่นฟิตไปหน่อย ดูเป็นผู้ชายประเภทที่คุณจะเห็นตามแพ็กเกจกางเกงใน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าเขาหล่อไม่ใช่เล่น
ผมนั่งลงแถวหลังสุดของห้อง เอาให้ห่างจากฮัดสันกับแฮเรียตที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมจะทำแค่เปิดสมุดและอยู่เงียบๆ กับตัวเองนี่แหละ
ปกติผมเรียนห่วยอยู่แล้ว การที่ฮัดสันบอกว่าผมไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือก่อนสอบเยอะไม่ได้ช่วยอะไรเลย และผมเองก็ไม่ค่อยมีสมาธิเวลาเรียนอยู่แล้วด้วย อย่างแรกเลยเพราะผมมัวแต่ฝันกลางวันมากเกินไป เวลามีสอบย่อย ผมจะอ่านหนังสือเตรียมตัวที่บ้านแค่ยี่สิบนาทีแล้วกลับไปเล่นเดอะซิมส์กับแต่งนิยายต่อ แม่เคยหงุดหงิดมากตอนเทอมแรกจนต้องยึดแล็ปท็อปไปจนกว่าเกรดผมจะดีขึ้น ซึ่งมันก็ดีขึ้นเพราะผมอยากกลับไปสู่โลกที่ผมสร้างขึ้นมามากจริงๆ
แต่ถึงจะพยายามตั้งใจเรียนสุดๆ แล้วก็เถอะ ผมก็ยังตามคนอื่นไม่ทันอยู่ดี คือถ้าคุณไม่ได้เข้าเรียนเพราะป่วยหรือมัวแต่เหม่อลอยคิดไปเรื่อยว่ามันจะรู้สึกยังไงนะถ้ามีคนรักเราตอบจริงๆ ครูเขาจะไม่หยุดสอนคนอื่นเพื่อมาสอนคุณอีกครั้งหรอก พวกเขาจะเดินหน้าสอนต่อไปเรื่อยๆ ผมลืมไปแล้วว่าประเทศไหนบ้างที่รบกันในสงครามโลกครั้งที่สอง ผมจำชื่อประธานาธิบดีได้ไม่ถึงสิบชื่อ ภูมิศาสตร์คือไม่รู้เรื่อง เกมทริเวียลเพอร์ซูท คือฝันร้ายของผมเลย
ผมอยากรู้จักโลกแห่งความเป็นจริงให้มากกว่านี้ ไม่ใช่แค่โลกที่ผมสร้างขึ้นมาหรือโลกในเดอะซิมส์ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหงาและไม่เป็นที่ต้องการในโลกแห่งความเป็นจริง
คุณเฮย์สเดินเข้ามาพร้อมไม้ค้ำรักแร้ข้างหนึ่งกับกระเป๋าดัฟเฟิลในมืออีกข้าง เหมือนเขากำลังจะมาออกกำลังกายมากกว่ามาพูดเรื่องสมบัติทางเคมีไปอีกสองชั่วโมงข้างหน้า “อรุณสวัสดิ์ เพื่อนยาก” เขาพูด “มาเช็กชื่อกันเถอะ”
ฮัดสันยกมือ “สวัสดีครับ ผมฮัดสัน โรบินสัน เมื่อวานผมไม่ได้มา”
คุณเฮย์สพยักหน้า “ใช่ รู้สึกดีขึ้นรึยัง”
“ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ”
“เยี่ยม ไว้คุยกันหลังเลิกเรียน เดี๋ยวติวส่วนที่เธอพลาดไปให้” คุณเฮย์สว่า “โอเค พีทมา สการ์เล็ต…”
“เดี๋ยวนะครับ” ฮัดสันขัดขึ้นมา “ผมไม่อยู่ต่อนะ แค่ต้องมาเรียนช่วงหน้าร้อนนี่ก็มากเกินไปแล้ว ขอบคุณมากครับ”
แฮเรียตมองเขาด้วยสีหน้า ‘หุบปากซะ’ ที่เป็นซิกเนเจอร์ของเธอ
“ฉันไม่ใช่คนที่จะมาทำให้นายสอบตก หน้าที่ของฉันคือทำให้นายไม่สอบตกอีก แค่อยู่ต่อสามสิบนาทีหลังเลิกเรียนเพื่อที่นายจะได้ไม่ต้องใช้เวลาปีหน้าดูเพื่อนๆ เตรียมตัวไปงานพรอมและจบการศึกษาเข้ามหา’ลัยในขณะที่นายต้องพยายามตีซี้กับพวกรุ่นน้อง” โห คุณเฮย์สรู้วิธีโจมตีแบบไม่ทำให้ตัวเองดูเหมือนไอ้เฮงซวยด้วยแฮะ
“ผมไม่ได้โง่นะ ผมรู้เรื่องสสาร” ฮัดสันพูด ผมไม่เคยเห็นเขาพูดจาแบบนี้กับครูมาก่อน “ผมไม่ได้ต้องมาเรียนเพราะแบบนี้ ผมแค่…” เขาไม่มองผม “ผมพลาดไปแค่คลาสเดียว ผมรู้เรื่องพื้นฐานอยู่แล้ว”
“ดีเลย อธิบายหน่อยว่าพันธะไอโอนิคเกิดขึ้นได้ยังไงแล้วเธอจะเป็นอิสระ”
ฮัดสันไม่พูดอะไร
“อัลลอยเกิดจากการรวมตัวกันของอะไร”
เงียบ เห็นมั้ยล่ะ โรงเรียนไม่หยุดรอใครแม้แต่แฟนเก่าที่กำลังสับสน
ฮัดสันยักไหล่แล้วหยิบมือถือออกมา แล้วคือแม่ง ผมหวังว่าเขาจะกูเกิลหาคำตอบนะ ไม่ใช่นั่งแชทอยู่เฉยๆ ความเงียบน่าอึดอัดยิ่งน่าอึดอัดเข้าไปใหญ่เพราะฮัดสันหน้าแดงแจ๋ ผมไม่เคยเห็นเขาเงียบแบบนี้มาก่อนตั้งแต่ตอนที่คิม เอ็บสไตน์เรียกเขารวมๆ กับพวกผู้หญิงเพราะอยากดูถูกที่เขาท่าทางอ้อนแอ้นนิดหน่อย ก่อนจะโดนแฮเรียตด่าซะหน้าหงายที่กล้ามาเล่นงานเพื่อนของเธอ
ผมตัดสินใจทำลายความเงียบน่าอึดอัดนี้ “อัลลอยเกิดจากการรวมตัวกันของโลหะ” พวกเราเพิ่งเรียนเรื่องนี้กันไปเมื่อวาน
ฮัดสันเงยหน้าพรึ่บจากมือถือแล้วหันมาจ้องผม “ฉันไม่ต้องการอะไรจากนาย เข้าใจมั้ย ไม่ต้องมาถามว่าฉันเป็นไงบ้าง ไม่ต้องช่วยอะไรฉันทั้งนั้น” หน้าเขาแดงจัดจนการที่เขายังไม่กลายเป็นคนไฟลุกตอนนี้นี่คือปาฏิหาริย์ชัดๆ
ผมล่ะอยากจะตั้งสมุดขึ้นมาแล้วซ่อนซะให้จบๆ
ไม่มีใครรู้เรื่องระหว่างเรานอกจากแฮเรียต
คนอื่นๆ ต้องคิดแน่ว่าฮัดสันเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวส่วนผมเป็นพวกเรียนซ่อมหน้าร้อนที่ชอบทำเป็นรู้ไปซะทุกเรื่อง แต่อย่างหนึ่งที่ผมรู้คือหน้าร้อนนี้จะเป็นหน้าร้อนที่ยาวนาน