everY
ทดลองอ่าน ยุทธจักรเริงรมย์ ตอน พิษโอสถ บทที่ 1 #นิยายวาย
“หอคณิกา!? เจ้าพาข้ามาหอคณิกา?”
เสี่ยวชุนได้ยินเสียงที่แต่เดิมเย็นชาของอวิ๋นชิงตอนนี้พลันเปลี่ยนเป็นเสียงสูง
“หอคณิกาแน่แล้ว ทำไม” เสี่ยวชุนบอก “โรงเตี๊ยมทั่วเมืองหานหยางเต็มหมดแล้ว หากไม่ใช่เพราะโชคดีมาเจอที่นี่ เกรงว่าวันนี้คงต้องค้างแรมข้างถนนแล้ว”
“ได้เปลี่ยนเครื่องนอนหรือไม่ ม่านเตียงได้เปลี่ยนหรือไม่” อวิ๋นชิงยันร่างฝืนลงจากเตียง
“เฮ้อ เจ้าจะทำไมอีก” เสี่ยวชุนรู้สึกว่าเจ้าคนผู้นี้เป็นคนสุดโต่งอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ
“สกปรกชะมัด” อวิ๋นชิงขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก “เจ้าถึงขั้นกล้าให้ข้านอนบนของที่ผู้อื่นใช้แล้ว”
จากนั้นบ่าวรับใช้ก็เข้ามาส่งน้ำร้อนและอ่างอาบน้ำ เสื้อผ้าสะอาดและพวกเตาถ่าน เสี่ยวชุนจึงให้พวกเขาเอาที่นอนและฟูกสะอาดๆ มาเปลี่ยน
ทว่าอวิ๋นชิงคนนั้นเหมือนกับทนไม่ไหวที่ร่างกายเลอะฝุ่นสกปรก จึงลงอ่างอาบน้ำติดกันสามครั้ง ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายคล้ายจะรับกลิ่นบนตัวเขาไม่ได้ จ้องเขาติดๆ กันหลายรอบ กำอาวุธลับในมือแน่น เสี่ยวชุนยอมแพ้ที่อีกฝ่ายข่มเหงอย่างเผด็จการ จึงได้แต่ฝืนอาบน้ำด้วยครั้งหนึ่ง พวกบ่าวรับใช้ยกน้ำไปๆ มาๆ หลายรอบแบบนี้จนสีหน้าเขียวคล้ำกันหมดแล้ว
“เอ้า นี่ยาทาแผล” เสี่ยวชุนเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ผมดำเปียกชื้นสยายอยู่ข้างหลัง เขาล้วงขวดยาโยนให้อวิ๋นชิงแล้วนั่งยองหน้าเตาถ่าน เอาสมุนไพรที่ให้คนไปซื้อมาด้วยกันเมื่อครู่ใส่หม้อ ตามด้วยน้ำสามชามแล้วต้ม
อวิ๋นชิงกำขวดยาไว้ในมือแต่ไม่ขยับ เสี่ยวชุนก็ไม่สนใจเขา เพียงแค่จดจ่ออยู่กับไฟที่เตา บางครั้งก็ใช้กำลังภายในเร่งสมุนไพรในหม้อให้ตัวยาสามารถละลายในน้ำได้สมบูรณ์ที่สุด
“พิษที่เจ้าได้รับประหลาดนัก ข้าโตมาจนป่านนี้ยังไม่เคยเห็นพิษชนิดนี้มาก่อน สีหน้าของเจ้าซีดขาว ชีพจรทั้งแตกซ่านและสับสน เลือดลมไม่สมดุล สีเลือดดำเสียยิ่งกว่าน้ำหมึก ตอนที่อาการกำเริบรุนแรงน่ากลัวยิ่ง ข้าได้ยินมาว่าพิษยางน่อง* เติมหญ้าไส้ขาด ชาด ตะขาบ และสมุนไพรอีกสองสามชนิดเอามาปรุงด้วยกันจะทำให้คนอยากอยู่ก็อยู่ไม่ได้ อยากตายก็ตายไม่สำเร็จ มีชีวิตหนึ่งวันมิสู้ตายหนึ่งวัน ในโลกนี้ไม่มีใครถอนพิษนี้ได้ มีเพียงแค่เจ้าตัวต้องปลิดชีพตนเองจึงจะหลุดพ้น” เสี่ยวชุนเหมือนพึมพำกับตนเอง แต่พูดให้อวิ๋นชิงฟังด้วย “ตกลงมีความแค้นใหญ่หลวงอะไรกันแน่ ถึงต้องใช้พิษร้ายแรงชนิดนี้ให้ได้”
อวิ๋นชิงเพียงแค่แค่นเสียงหึอย่างเย็นชา
นอกหน้าต่าง จันทร์เสี้ยวค่อยๆ แขวนตัวขึ้น อวิ๋นชิงมองจันทร์เสี้ยวสีเงิน นิ่งเงียบไม่พูดจาราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“กินยาซะสิ” น้ำสามชามเคี่ยวออกมาเป็นสิ่งสีดำปี๋หนึ่งชาม เสี่ยวชุนส่งความสำเร็จของคืนนี้ไปตรงหน้าอวิ๋นชิงอย่างเบิกบาน
อวิ๋นชิงมองยาสีดำชามนั้นอย่างรังเกียจแล้วเบือนหน้าหนี
“ของดีนะ ข้าใส่ถู่ฝูหลิง** ลูกเดือย ชะเอม กลอย เก๋ากี้ ตู้จ้ง*** สูตี้**** ช่วยดับร้อนสลายพิษ บำรุงร่างกายและจิตใจ แม้จะช่วยถอนพิษให้เจ้าไม่ได้ แต่ก็ช่วยลดความเร็วที่พิษจะกำเริบได้” เสี่ยวชุนไม่ได้บอกว่ายังมีสูตรลับยาดีของพวกเขาที่หาซื้อด้วยเงินไม่ได้อีกด้วย
“ไม่จำเป็น” อวิ๋นชิงไม่รับน้ำใจของเสี่ยวชุน
“หากข้าเดาไม่ผิด ทุกคืนตอนที่เจ้าโคจรพลังปราณไปจนถึงเส้นลมปราณเส้าหยางซานเจียว***** พิษจะกำเริบเพราะเลือดลมตีกลับ ข้าคนนี้กลัวเจ็บเป็นที่สุดและทนเห็นคนอื่นเจ็บไม่ได้ด้วย เจ้าดื่มมันลงไปดีๆ เถอะ ดื่มแล้วจะไม่ทรมานแบบนั้น” เสี่ยวชุนส่งชามยาไป คาดไม่ถึงว่าอวิ๋นชิงจะเอามือกั้นไว้
ทั้งสองคนเพิ่งจะแตะกันแบบนี้ในเวลาสั้นๆ สองมือก็ติดเข้าด้วยกัน ทั้งสองฝ่ายต่างเคลื่อนพลังโดยไม่มีใครยอมใคร เดิมอวิ๋นชิงมีวิทยายุทธ์สูงส่งกว่าเสี่ยวชุนไม่รู้เท่าไร แต่เพราะตอนนี้ร่างกายบาดเจ็บสาหัสจึงอ่อนด้อยกว่าเสี่ยวชุนอยู่ขั้นหนึ่ง ผลปรากฏว่าระหว่างที่ดันกันไปดันกันมาจนเผลอถูกผลักออกไป น้ำยาล้ำค่าก็สาดกระเซ็นลงบนพื้นจนหมด ชามก็ตกแตกด้วย
“เจ้านี่มันจริงๆ เลย!” เสี่ยวชุนถูกทำลายน้ำใจจึงโมโหจนเริ่มต่อสู้กับอวิ๋นชิง
ตอนต้นทั้งสองฝ่ายแลกหมัดแลกเท้า ใช้พลังกันเต็มที่ แต่เสี่ยวชุนไม่อยากทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ เห็นอวิ๋นชิงขมวดคิ้วข่มความเจ็บจึงดึงกระบวนท่ากลับไปหลายครั้ง ผลปรากฏว่าตนเองถูกซัดจนปราชัยยับเยิน หน้าก็ยังถูกตบหนึ่งที เจ็บจนเขาร้องลั่นไม่หยุด
ทันใดนั้นอวิ๋นชิงก็ส่งเสียงโอ้กอ้ากพร้อมพ่นเลือดออกมาคำใหญ่ เหงื่อเย็นบนหน้าผากไหลไม่หยุด เสี่ยวชุนเห็นดังนั้นก็รีบหยุดต่อสู้เข้าไปตรวจดูอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง ดูท่าอวิ๋นชิงจะพิษกำเริบอีกแล้ว
“ยังเหลือยาอยู่อีกนิดหน่อย” เสี่ยวชุนวิ่งไปเทยาครึ่งชามสุดท้ายในหม้อ บังคับดึงปากของอวิ๋นชิง กรอกยาลงไปในคอเขา อวิ๋นชิงเกร็งแน่นไปทั้งตัว ขณะที่สำลักก็ไม่อาจแบ่งกำลังเล็กน้อยไอเอามันออกมาได้
ความเจ็บปวดที่น่ากลัวนี้ราวกับตกลงไปในน้ำเดือด ผิวทุกตารางชุ่น****** ได้รับความทรมานจากไฟและน้ำที่ลวกให้ละลาย ทว่าขณะเดียวกันในท้องและในกระดูกก็เหมือนถูกตอกด้วยสิ่วเป็นพันเป็นหมื่นเล่ม ทำให้อยากมีชีวิตก็ไม่ได้ อยากตายก็ไม่สำเร็จ รสชาตินี้วันหน้าเขาจะต้องมอบคืนให้คนผู้นั้นเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน
พลังปราณบริสุทธิ์ถ่ายเข้ามาจากแผ่นหลังช้าๆ ละลายยาครึ่งชามที่เขาดื่มไปเมื่อครู่นี้อย่างรวดเร็วให้ตัวยาวนเวียนอยู่ในแขนขาและกระดูก
เขาลืมตาโพลง ระหว่างที่สติสัมปชัญญะพร่าเลือนกลับเห็นดวงตาดอกท้อคู่นั้นที่มีไอน้ำกระจ่างใส และใบหน้าคมคายที่ล้างสะอาดแล้วประหนึ่งหยกงามประดับมาลาเผยให้เห็นความห่วงหาอาทร
“ไม่เป็นไร ข้าช่วยถ่ายพลังให้เจ้า” เสี่ยวชุนบอกเบาๆ
เพราะไม่ชอบกระทั่งให้ร่างกายผู้อื่นแนบชิดอยู่ใกล้ ตอนที่มือของเสี่ยวชุนใกล้เข้ามา อวิ๋นชิงยังไม่ทันได้คิด เข็มเล่มเล็กสองสามเล่มก็ทิ่มหลังมือของเสี่ยวชุนอีก
เสี่ยวชุนยิ้มเจื่อนบอก “หากเจ้าจะทิ่ม รอให้ผ่านด่านนี้ไปก่อนแล้วข้าจะให้เจ้าทิ่ม ไม่หลบไม่หลีกด้วย ตกลงไหม”
พลังปราณถ่ายเทเข้ามาไม่ขาดสายโดยไม่หยุดพักจนกระทั่งกลางดึก
ตั้งแต่ต้นจนจบอวิ๋นชิงไม่อาจเข้าใจได้ว่าคนที่ชื่อจ้าวเสี่ยวชุนคนนี้มีจุดประสงค์ใดกันแน่
ทั้งๆ ที่มุมปากของเขาบวมและยังมีรอยเลือดซึม
ทั้งๆ ที่รู้ว่าตนเองที่ซัดเข็มดอกท้อใส่เป็นคนอำมหิตขนาดไหน
ทำไมทุกครั้งตอนที่เขาพิษกำเริบ อีกฝ่ายกลับคิดแต่จะช่วยเขา
เพราะอะไร…ถึงได้อ่อนโยนกับเขาเช่นนี้
กลิ่นหอมอวลฟุ้งทั่วห้อง หลังจากที่ควบคุมพิษในร่างกายให้สงบลงได้ชั่วคราว อวิ๋นชิงก็ถูกเรียกสติกลับมาด้วยกลิ่นหอมประหลาด
คนคนนั้นที่นอนอยู่ข้างๆ เหมือนจะหลับไปแล้ว อวิ๋นชิงพลิกตัวมองอีกฝ่าย เห็นเพียงเส้นผมสีดำเปียกชื้นแนบติดกับใบหน้าเนียนนุ่มเรียบลื่น หยดเหงื่อเล็กๆ ซึมเต็มหน้าผาก คนคนนี้สูญพลังปราณไปนับไม่ถ้วน ช่วยให้เขาข้ามพ้นความเจ็บปวดจากอาการพิษกำเริบ
กลิ่นหอมจากเครื่องประทินโฉมในหอคณิกาอวลผ่านออกมาจากเครื่องนอน กลิ่นแป้งดาษๆ ในตอนแรกกลับถูกแทนที่ด้วยกลิ่นหอมสดชื่นของสมุนไพร กลิ่นหอมประหลาดอวลจากร่างคนคนนี้ ที่น่าแปลกคือกลิ่นนี้ไม่ทำให้เขารังเกียจ กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คล้ายมีและคล้ายไม่มีลอยเข้ามาในโพรงจมูก ทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้
เห็นเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาใจกล้า เรียวคิ้วงามประณีต ดวงหน้าราวกับดอกบัว กลีบปากดังแต้มชาดคนนี้แล้ว อยู่ๆ ความรู้สึกของอวิ๋นชิงพลันสั่นไหว พิษร้ายกาจที่เดิมนั้นข่มไว้อย่างสุดความสามารถได้ล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นสิ่งที่มาถึงคือคลื่นยักษ์ที่ซัดโหมเข้ามาอย่างต่อเนื่องชวนให้คนปั่นป่วนใจ
“เอาอีกแล้ว” อวิ๋นชิงสูดหายใจเข้าลึก เดิมนั้นอยากจะผ่อนคลายความร้อนแห้งในร่างกายที่พลุ่งพล่านขึ้นมากะทันหัน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าที่สูดเข้าไปในโพรงจมูกทั้งหมดกลับเป็นกลิ่นหอมประหลาดที่แผ่อวลจากร่างของคนคนนั้น ท้องน้อยพลันร้อนรุ่ม ร่างกายสั่นเทาในพริบตา
เมื่อกินพิษจันทร์ครึ่งเสี้ยวไปแล้ว วันขึ้นสิบห้าค่ำที่จันทร์เต็มดวงผ่านไปอาการจะเริ่มกำเริบ ตกค่ำพอพระจันทร์ขึ้นจะเจ็บปวดสาหัสทั่วทั้งร่างก่อน หลังจากที่ความเจ็บปวดสงบลงแล้วพิษจะเปลี่ยนรูป ทำให้สติสัมปชัญญะสับสนกระตุ้นความปรารถนาราคะให้ปั่นป่วน ทรมานซ้ำๆ เช่นนี้
พิษร้ายค่อยๆ ยึดกุมอวัยวะภายใน ชีวิตถูกบั่นทอนพร้อมกับเดือนดับ จนกระทั่งพิษเข้าสู่หัวใจทำลายสติสัมปชัญญะ วันแรกของจันทร์ดวงใหม่เลือดออกเจ็ดทวาร สิ้นชีวาในเวลาแค่เพียงสิบห้าวันเท่านั้น
หลันชิ่งแห่งสำนักภูษานิล คนที่มีความแค้นใหญ่หลวงกับเขา ใช้วิธีต่ำช้าฉวยโอกาสตอนที่เขาไม่ทันระวังวางยาพิษเขา หนำซ้ำยังเป็นพิษที่ไม่มีใครถอนพิษได้ ไม่เพียงแค่อยากให้เขาอยู่ไม่สู้ตายเท่านั้น แต่อยากให้เขาอัปยศอดสูยิ่งกว่า
พิษกำเริบ…เขาทนไหว แต่ความรู้สึกหวั่นไหวนั้นช่างทรมานแสนเข็ญ ตั้งแต่เล็กเขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้คน รังเกียจความปรารถนาของชายหญิงเหลือแสน หลันชิ่งวางยาเขา จับตัวเขาไปจากเมืองหลวงแล้วหาหญิงคณิกามาอยู่ใกล้ชิดเขา หญิงผู้นั้นเพิ่งจะเปลื้องเสื้อผ้าเขาก็ถูกเขาสังหารเพราะผิวเนื้อสัมผัสกันน่าสะอิดสะเอียนทำให้ยากจะทานทนจริงๆ
“หลันชิ่ง จะต้องมีสักวันที่ข้าคืนทั้งหมดนี้ให้เจ้า”
เพราะรู้สึกร้อนรุ่มยากจะทานทน อวิ๋นชิงจึงลุกขึ้นเทน้ำเย็นดื่ม ทว่าแม้กรอกน้ำลงท้องหมดกาแล้ว กระแสความร้อนก็ยังคงตั้งมั่นอยู่ในร่างกายไม่สูญสลาย ไม่มีวี่แววจะลดลง ความปรารถนาไม่มีที่ให้ระบาย สะสมอยู่ที่สะโพก แผดเผาทั่วร่าง
สิบกว่าวันมานี้อวิ๋นชิงฝืนระงับฤทธิ์ยา แม้พอถึงตอนท้ายสุดชีพจรจะตีกลับจนเจ็บปวดยากจะทานทน เขาก็ไม่มีทางให้หลันชิ่งได้สมใจเด็ดขาด
ในลำคอรู้สึกถึงความคาว อวิ๋นชิงข่มกลิ่นเลือดให้กลับลงไป ตอนนี้กำลังที่มือไม่สม่ำเสมอจนเผลอบีบถ้วยลายครามในมือแตก แสงเทียนบนโต๊ะดับมอดเพราะโดนพลังซัด ในห้องปีกตกอยู่ในความมืดมิด มีเพียงแสงไฟสีม่วงอมแดงนอกทางเดินยาวที่ส่องแสงผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง
เสียงถ้วยแตกทำให้เสี่ยวชุนที่ไม่ได้หลับสนิทตื่นขึ้น เขาถาม “เป็นอะไรหรือ”
อวิ๋นชิงหันกลับมา เห็นดวงตาที่ราวกับสายน้ำมองเขานิ่ง แววตาสีดำสุกใสเจือด้วยความฉงนเล็กน้อย อีกฝ่ายกำลังถามเขา
เสี่ยวชุนเห็นอวิ๋นชิงไม่ตอบจึงเป็นฝ่ายลงจากเตียงไปช่วยจับชีพจรให้อวิ๋นชิงเอง
ชีพจรถูกกุมไว้เดิมเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดของคนฝึกยุทธ์ ทว่าอวิ๋นชิงกลับลืมขัดขืนสะบัดมือเสี่ยวชุนออก และลืมไปว่าควรซัดเข็มดอกท้อใส่อีกฝ่าย
“เอ๋?” เสี่ยวชุนเงยหน้าขึ้นมองอวิ๋นชิงด้วยความประหลาดใจ “คนงาม เจ้าถูกพิษอะไรกันแน่ ทำไมถึงประหลาดขนาดนี้”
“คนงาม?” อวิ๋นชิงหรี่ตาอย่างไม่ชอบใจ ขืนข้อมือออก แล้วบนบ่าของเสี่ยวชุนก็มีเข็มเล็กๆ สีเงินยวงหลายเล่มเพิ่มขึ้นมาทันที แต่คราวนี้เข็มทิ่มทะลุเสื้อผ้าด้วยพละกำลังเพียงเล็กน้อยจึงเข้าเนื้อไม่ถึงหนึ่งชุ่น
“โอ๊ย! เจ้าเป็นคนงามมากจริงๆ นี่ ไม่อย่างนั้นจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไรเล่า!” เสี่ยวชุนกระโดดหลบ รีบดึงเข็มออก
เห็นดวงหน้านวลเนียนของเสี่ยวชุนเดือดเป็นฟืนเป็นไฟแล้วยังทำตัวเป็นเด็กๆ อวิ๋นชิงไม่รู้ว่าทำไมลำคอถึงแห้งผาก
คนคนนี้ไม่เหมือนทุกคนที่เขาเคยพบมา ทำไมเขาจึงรู้สึกว่าคนคนนี้น่าจะเชื่อใจได้
ฤทธิ์ยากำลังปลุกเร้า อวิ๋นชิงความคิดปั่นป่วนไม่อาจควบคุม หากในยามปกติเขาจะไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนเข้าใกล้ตัวเขา ทว่าคนคนนี้กลับอุดช่องว่างของเขาอย่างเงียบเชียบ ทำให้เขาสับสน
“ระงับไม่ได้” เสี่ยวชุนโพล่งขึ้น
“อะไร” อวิ๋นชิงฟังไม่ชัด
“ข้าบอกว่าพิษนี้ระงับไม่ได้!” เสี่ยวชุนตั้งท่าระวังเล็กน้อยพร้อมเดินเข้าไปใกล้อวิ๋นชิง กลัวว่าอวิ๋นชิงจะใช้เข็มเล็กๆ พวกนั้นจัดการเขาอีก
จากนั้นเสี่ยวชุนก็เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “พิษชนิดนี้แปลกประหลาด ตอนนี้ชีพจรของเจ้าอ่อนแรง ร้อนรุ่มไปทั้งร่าง สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องระบายความร้อน การฝืนใช้กำลังภายในระงับไว้ไม่เป็นประโยชน์แน่นอน หากกำลังภายในระงับพิษไม่อยู่แล้วตีกลับจะสะเทือนอวัยวะภายใน เส้นเลือดถูกทำลาย วันหน้าต่อให้ถอนพิษแล้วก็จะกลายเป็นคนพิการ”
“แล้วตอนนี้ควรทำอย่างไร” อวิ๋นชิงหายใจถี่กระชั้นนิดๆ กลิ่นหอมทั่วห้องคล้ายจะเข้มข้นขึ้นเล็กน้อย เขามีอาการมึนงงหน่อยๆ
“ง่ายมาก” เสี่ยวชุนฉีกยิ้มชั่วร้าย “ที่นี่คือหอคณิกา ข้าเรียกแม่นางให้เจ้าคนหนึ่งก็เรียบร้อย!”
* ยางน่อง หรือยางน่องขาว เป็นชื่อพืชมีพิษชนิดหนึ่ง ยางจากต้นมีพิษมาก ใช้ชุบปลายลูกศรเพื่อยิงสัตว์ใหญ่
** ถู่ฝูหลิง เป็นพืชท้องถิ่นในจีน ใช้เป็นยาแก้ตาแดง คุดทะราด และกามโรค
*** ตู้จ้ง หรือโต๋วต๋ง คือไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เปลือกมีฤทธิ์เป็นยาใช้บำรุงตับไต
**** สูตี้ หรือเส็กตี่ เป็นสมุนไพรบำรุงไต บำรุงเลือด
***** เส้นลมปราณเส้าหยางซานเจียว คือหนึ่งในเส้นลมปราณมือ เริ่มต้นที่มือ ไหลเวียนผ่านแขนขึ้นไปถึงศีรษะ
****** ชุ่น เป็นหน่วยมาตราวัดของจีนสมัยโบราณ เทียบความยาวประมาณ 1 นิ้ว ระยะ 10 ชุ่นเป็น 1 ฉื่อ (เชียะ)