ทดลองอ่าน ยุทธจักรเริงรมย์ ตอน พิษโอสถ บทที่ 2 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ยุทธจักรเริงรมย์ ตอน พิษโอสถ บทที่ 2 #นิยายวาย

คิดใคร่ครวญแล้วเสี่ยวชุนก็เอาของในมือยัดให้บ่าวรับใช้ที่เดินผ่านมาข้างเขา ให้อีกฝ่ายเอาไปส่งที่ห้องโดยตรง ส่วนเขาก็ก้าวฉับๆ ขึ้นชั้นบนแอบตามหลังแม่เล้า อยากเห็นว่าคนที่ชื่อเลี่ยวเชี่ยวเป็นหญิงงามหน้าตาเช่นไร!

ข้ามผ่านทางเดินยาวหลายอาคาร เสี่ยวชุนตามแม่เล้ามาจนถึงห้องปีกห้องหนึ่งที่อยู่ห่างไกล ฉวยโอกาสตอนที่แม่เล้าผลักประตูเข้าไปในห้อง ร่างของเสี่ยวชุนก็แวบตามเข้าไปในห้องด้วย แล้วกระโดดขึ้นบนคานยาวอย่างว่องไว เคลื่อนไหวร่างอย่างรวดเร็วเสียจนแม่เล้ารู้สึกแค่มีลมพัดผ่าน หนาวจนหดคอ

“เลี่ยวเชี่ยวจ๊ะ ประมุขซือถูมาเยี่ยมเจ้าอีกแล้ว” แม่เล้าตะเบ็งเสียงเรียก

ในห้องที่ม่านโปร่งคลุมอยู่ครึ่งห้องคล้ายมีเสียงดนตรีขับขาน สาวใช้คู่หนึ่งเลิกม่านขึ้น เผยให้เห็นสตรีในอาภรณ์เขียวที่เล่นพิณอยู่หลังม่าน

มือของหญิงสาวเรียวยาว หน้าผากกว้าง คิ้วงามสวย คล้ายจันทร์กระจ่างที่บดบังด้วยเมฆบาง ล่องลอยดุจหิมะโปรยปรายในสายลม หว่างคิ้วขมวดเล็กน้อยมีร่องรอยของอาการป่วย ดูเปราะบางน่าหลงใหล เห็นแล้วบังเกิดความรักใคร่เอ็นดู

เสี่ยวชุนตะลึงงันไปอีกแล้ว

คนงาม!

เขาออกเดินทางคราวนี้ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ พอออกจากหุบเขาก็ได้พบคนงามล้ำเลิศสองคนติดๆ กัน

คนงาม!!

ทำให้เขาน้ำลายไหลในทันที จะหยุดก็หยุดไม่ได้!

เลี่ยวเชี่ยวรับกล่องผ้าถักและเทียบสีแดงจากแม่เล้า ฉีกเปิดเทียบสีแดง หยิบกระดาษสีแดงและตั๋วเงินในนั้นออกมาดู ดวงหน้าซีดขาวด้วยอาการป่วยปรากฏความขมฝาดเพิ่มขึ้นมา

“ไปรวมกันที่จวนแล้วแนบเงินแสนตำลึงมาด้วย…ให้ข้าไปปราสาทเขาหลิวเขียวด้วยเงินแสนตำลึง…ทำไมเขาถึงไม่ยอมเลิกไถ่ตัวข้าอีกนะ…” เลี่ยวเชี่ยวไอเสียงดังชัดสองทีแล้ววางกระดาษสีแดงลง

พอแม่เล้าได้ยินว่าแสนตำลึง ดวงตาทั้งคู่ก็เปล่งประกายเจิดจ้า หยิบเอาตั๋วเงินยัดใส่อกเสื้อ

แม่เล้าคลี่ยิ้มดุจบุปผาแรกแย้มแล้วบอก “ลูกสาวคนดีของข้า เลี่ยวเชี่ยวคนดี คราวนี้เจ้าได้เจอกับผู้สูงศักดิ์แล้วนะ! หายากนักที่ประมุขใหญ่แห่งปราสาทเขาหลิวเขียวจะมาไถ่ตัวให้เจ้าโดยเฉพาะ นี่เป็นบุญที่เจ้าสั่งสมมาหลายชาติ แม่จะไปเอาสัญญาไถ่ตัวมาให้เจ้า เจ้ารอเดี๋ยว! แม่จะไปพาประมุขใหญ่ซือถูมา”

เลี่ยวเชี่ยวปิดปากไออีกหลายที ไม่มีแก่ใจจะตอบคำ มองแม่เล้าที่ออกไปจากห้องปีกแวบหนึ่งแล้วก้มหน้ามองกล่องผ้าถักสีแดง ในใจราวกับมีรสชาตินับร้อยที่ยากจะอธิบายให้ชัดแจ้ง ใบหน้าดูเป็นกังวลยิ่งนัก คิ้วสวยขมวดมุ่นมิคลาย

ทันใดนั้นมืออุ่นๆ ข้างหนึ่งก็พลิกข้อมือนาง นิ้วเรียวยาวดุจหยกแตะบนชีพจรของนาง

“เจ้า…” เลี่ยวเชี่ยวตกตะลึง ใจหายวาบ ไม่รู้ว่ามีหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลาท่วงท่าสง่างามมานั่งข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไร

เมื่อครู่เสี่ยวชุนมองเลี่ยวเชี่ยวอยู่บนคานพักหนึ่ง พบว่านางป่วยหนักทั้งไม่ได้รักษาให้ดี ซูบผอมไปทั้งตัวคล้ายดอกเบญจมาศที่ร่วงโรย ชวนให้รู้สึกปวดใจจริงๆ ดังนั้นสมองยังไม่ทันได้ขบคิดให้ดี มือเท้าก็ชิงเคลื่อนไหวไปก่อน พลิกตัวลงมาจากคาน

หลังจากที่ตรวจชีพจรอย่างละเอียดแล้ว เสี่ยวชุนก็นั่งตัวตรงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “แม่นาง ชีพจรของเจ้าทั้งลอยทั้งอ่อนแรง เลือดลมติดขัด มีปัจจัยเกิดโรคทำให้เป็นฝีในปอด อีกทั้งม้ามโต คล้ายซึมเศร้าจนเจ็บป่วย คล้ายถูกกระตุ้นจากภายนอกจนลมปราณในตับเดินติดขัด”

“ไม่ทราบว่าคุณชายคือ…” เลี่ยวเชี่ยวพยายามควบคุมความปั่นป่วนในใจขณะเอ่ยถาม

“ไอ้หยา! ดูสิ ข้าลืมไปเลย ขออภัยจริงๆ” เสี่ยวชุนบอก “เมื่อครู่ข้าตามแม่เล้าเข้ามา เดิมแค่ใคร่รู้อยากเห็นว่าคนงามที่ประมุขสำนักอันดับหนึ่งในใต้หล้าชมชอบคือใคร ต่อมาพอเห็นเจ้าเหมือนป่วยมานานไม่ได้รับการรักษาจึงอดไม่ไหวเดินเข้ามา ข้าทำตัวหยาบคายเช่นนี้แม่นางเลี่ยวเชี่ยวโปรดอย่าได้ถือสา” อยู่ๆ เสี่ยวชุนก็คลี่ยิ้ม “ความเห็นข้า แม้อาการป่วยของแม่นางเลี่ยวเชี่ยวจะไม่หนักหนา แต่กลับเป็นๆ หายๆ ไม่ทุเลา น่ารำคาญใจนัก แม่นาง เจ้าหาหมอมานานเท่าใดแล้ว ไม่เกิดผลเลยใช่หรือไม่ แต่ไม่เป็นไรทั้งนั้น! วันนี้แม่นางพบข้าจ้าวเสี่ยวชุนแล้ว โรคเก่าๆ ทุกอย่างที่รักษาไม่ได้มาเนิ่นนานล้วนรักษาให้หายได้ เมื่อได้ยาก็รักษาให้หายขาดได้ ข้ามิได้คุยโว ในโลกนี้ยังไม่มีโรคที่ข้ารักษาไม่ได้”

เสี่ยวชุนหยิบกระดาษและพู่กันโดยไม่ไถ่ถาม เขียนสูตรยาอยู่บนโต๊ะ ไม่สนใจสายตาประหลาดใจของเจ้าของห้องที่อยู่ข้างๆ เลยสักนิด

เลี่ยวเชี่ยวใช้ชีวิตเป็นคณิกามาหลายปี มากน้อยอย่างไรก็ได้ความสามารถในการดูคนมาบ้าง

นางเห็นเสี่ยวชุนขีดเขียนอย่างสบายๆ ไร้ข้อผูกมัด ลายมือเป็นเส้นหนาอย่างธรรมชาติสร้าง จากตัวอักษรและเทียบเชิญ สามารถดูนิสัยคนได้ง่ายที่สุด อีกทั้งเห็นเสี่ยวชุนมีสีหน้าเป็นธรรมชาติ ไม่มีท่าทีจะแทะโลมเกี้ยวพาราสีสักนิด นางจึงได้ถอนใจโล่งอกยิ้มขื่น แม้เด็กหนุ่มผู้นี้จะบุกเข้ามาอย่างเสียมารยาท แต่ไม่น่ามีจุดประสงค์ร้าย

“ครั้งละหนึ่งเทียบ กินติดต่อกันสิบสี่วันจึงเริ่มเห็นผล แต่หลังจากเห็นผลแล้วยังต้องกินต่อเนื่องสามเดือนขึ้นไป จนไม่มีอาการไอก็จวนจะหายแล้วล่ะ”

เสี่ยวชุนส่งสูตรยาที่น้ำหมึกยังไม่แห้งให้เลี่ยวเชี่ยว หญิงสาวดูแล้วก็ต้องประหลาดใจขึ้นมาอีก

“สูตรยาที่คุณชายน้อยเขียนให้ข้าล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรทั่วไปมิใช่หรือ” เลี่ยวเชี่ยวถามด้วยความสงสัย

“ข้าเดาว่าด้วยฐานะคณิกาชื่อดังแห่งหอพู่หิมะของเจ้า อีกทั้งยังเป็นนางในดวงใจของประมุขปราสาทเขาหลิวเขียว ท่านแม่ของเจ้าต้องลงทุนกับอาการป่วยของเจ้าไปมากแน่ๆ ทั้งโสม เห็ดหลิงจือ เหอโส่วอู* คงไปเสาะหาจากทุกสารทิศมาบำรุงร่างกายให้เจ้าแน่นอน”

“เป็นเช่นนั้นจริงๆ ที่แท้เป็นการเสียแรงเปล่าหรือ” ตอนนี้เลี่ยวเชี่ยวจึงได้ตระหนักถึงจุดประสงค์ที่ใช้ฝูหลิง** และใบเซียนผา*** ในสูตรยาของเสี่ยวชุน

“ถูกต้อง” เสี่ยวชุนยิ้มบอก “แม่นางร่างกายอ่อนแอมาก เป็นอย่างที่ภาษิตว่าไว้ หากร่างกายอ่อนแอจะใช้ยาแรงไม่ได้ สิ่งของเหล่านี้มีธาตุร้อนและแห้งง่าย ร่างกายของแม่นางเสียหายจนไม่รู้จะเสียหายอย่างไรแล้ว ยิ่งกินของพวกนี้ก็ยิ่งทำให้อาการป่วยของเจ้ายิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น ความจริงแล้วสมุนไพรบนเขาที่มีฤทธิ์เป็นกลางหรือฤทธิ์เย็นจะดีกับแม่นางที่สุด ค่อยๆ บำรุงไป จะรีบร้อนไม่ได้ โยนพวกโสมและเห็ดหลิงจือพวกนั้นทิ้งไป อีกสองสามวันอาการป่วยของเจ้าก็จะดีขึ้น”

เลี่ยวเชี่ยวเก็บสูตรยา ผงกศีรษะกล่าวขอบคุณ “หากอาการป่วยของเลี่ยวเชี่ยวหายดี จะต้องตอบแทนคุณชายน้อยอย่างดีแน่นอน”

“คุณชายก็คุณชายสิ ทำไมต้องเติมคำว่าน้อยด้วย” เสี่ยวชุนคลี่ยิ้ม

“คุณชายจ้าวอายุยังน้อยก็ออกมาท่องยุทธภพแล้ว ครอบครัวไม่เป็นห่วงหรือเจ้าคะ” เลี่ยวเชี่ยวถาม

“ครอบครัวไม่มีนานแล้วล่ะ” เสี่ยวชุนยิ้มบอกอย่างไม่ใส่ใจ

จากนั้นอยู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ว่าแต่แม่นางเลี่ยวเชี่ยว เจ้าอยู่ที่หอพู่หิมะนี่จะต้องรู้จักคนมากแน่ๆ ไม่ทราบว่าเจ้าเคยได้ยินชื่อสือโถวในยุทธภพบ้างไหม”

“สือโถว? แซ่สือ ชื่อโถวหรือเจ้าคะ” เลี่ยวเชี่ยวถามกลับ

“เฮ้อ…บอกตามตรง สือโถวเป็นชื่อเล่นของศิษย์พี่ใหญ่ข้า ความจริงข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขามีชื่อจริงว่าอะไร เขาอยู่ข้างนอกมานานแล้ว ข้าออกจากสำนักมาครั้งนี้ก็เพื่อจะตามหาเขา ทว่าแม้แต่เขาอยู่ที่ไหนข้าก็ยังไม่รู้เลย…” เสี่ยวชุนนึกถึงศิษย์พี่ใหญ่ที่ไม่ได้พบหน้ากันมานาน

วันเกิดอาจารย์วันนั้น เขาแอบได้ยินว่าศิษย์พี่ใหญ่ก่อเรื่องใหญ่โตอยู่ข้างนอกก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ไม่รู้ว่าตอนนี้ศิษย์พี่ใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง ตอนที่เขาอายุสิบสองศิษย์พี่ใหญ่ก็ออกจากหุบเขาไปแล้ว แม้แต่รูปร่างหน้าตาของศิษย์พี่ใหญ่เป็นอย่างไรเขาก็แทบจำไม่ได้

อาจารย์คิดถึงศิษย์พี่ใหญ่ขนาดนั้น คราวนี้หากเขากลับไปพร้อมกับศิษย์พี่ใหญ่ อาจารย์ต้องดีใจแน่ๆ!

“ถ้าหากมีแค่ชื่อเล่น ในใต้หล้าคนที่ใช้ชื่อเล่นเช่นนี้เกรงว่าจะมีมากจนนับไม่ไหวเจ้าค่ะ” เลี่ยวเชี่ยวบอกเป็นเชิงขออภัย “หากไม่รู้ชื่อแซ่ เลี่ยวเชี่ยวความสามารถน้อยนิด มิอาจช่วยได้จริงๆ เจ้าค่ะ”

“ไม่เป็นไรๆ เรื่องนี้ไม่ได้รีบร้อนหรอก” ให้สูตรยาแล้ว คนงามก็ได้เห็นแล้ว ตอนนี้ไม่มีธุระแล้วเสี่ยวชุนก็จะลาไป ทว่าพอเห็นกล่องผ้าถักสีแดงที่บรรจุโสมแก่ร้อยปี ดวงตาสีดำทั้งคู่ก็กะพริบอีก ยิ้มบอก “ในเมื่อแม่นางไม่เหมาะจะกินยาบำรุงแรงๆ แล้ว โสมนี้คงไม่มีประโยชน์แน่แล้วกระมัง!”

“หากคุณชายจ้าวไม่รังเกียจ ก็ถือเป็นของขวัญที่เลี่ยวเชี่ยวได้สูตรยามา ท่านโปรดรับไว้ด้วยเจ้าค่ะ” เลี่ยวเชี่ยวเองก็ไม่ได้ขี้เหนียวหวงแหน ส่งกล่องผ้าถักสีแดงให้เสี่ยวชุน

“ขอบคุณมาก!” เสี่ยวชุนรับกล่องมาอย่างดีอกดีใจ “หลายวันมานี้สหายคนหนึ่งของข้าบาดเจ็บสาหัส โสมนี้เอาไปหั่นต้มน้ำได้พอดี ให้เขาดื่มเป็นชา บำรุงเลือดลม”

ทันใดนั้นประตูของห้องปีกก็ถูกใครบางคนสะเทือนเปิดออกด้วยฝ่ามือเดียว เสียงที่ดังสนั่นดุจระฆังใบใหญ่ดังขึ้น เสี่ยวชุนหันกลับไป เห็นซือถูอู๋หยาเดินเข้ามาอย่างไม่สบอารมณ์พอดี

ซือถูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฝืนข่มโทสะไว้ “ข้านึกว่าเจ้าไม่สบายกำลังพักผ่อน ที่แท้ก็มีแขกนี่เอง”

เลี่ยวเชี่ยวสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “ประมุขซือถูกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”

“เจ้าเอาของที่ข้าให้เจ้าส่งต่อให้เขา?” ซือถูเห็นกล่องผ้าถักในมือเสี่ยวชุน สีหน้าพลันดำมืดยิ่งกว่าอีกา เอื้อมมือข้างหนึ่งไปหมายจะแย่งกลับมา

เสี่ยวชุนยึดกล่องผ้าถักแล้วใส่ในอกเสื้อ ขยับเคลื่อนสองเท้า ทำให้ซือถูคว้าความว่างเปล่า

เสี่ยวชุนบอกตามตรง “แม่นางเลี่ยวเชี่ยวไม่ต้องใช้มันแล้วจึงมอบให้ข้า ยาวิเศษระดับนี้ต้องใช้ให้ถูกที่จึงไม่เสียคุณค่าไปเปล่าๆ เอามันให้ข้าย่อมดีที่สุด ข้าจะไม่ให้โสมต้องเสียเปล่าแม้แต่หนวดเดียว”

“คุณชายจ้าวท่านนี้มาช่วยตรวจอาการป่วยให้ข้า ประมุขซือถูโปรดสำรวมด้วย” เห็นเขาสองคนพูดจาไม่ลงรอยกัน เกรงแต่ว่าจะสู้กันขึ้นมา เลี่ยวเชี่ยวจึงรีบบอกตามตรง

“ให้ข้าสำรวม? ได้ เห็นแก่หน้าเจ้า ในเมื่อของนั้นให้เจ้าแล้ว เจ้าอยากให้ใครก็ให้คนนั้น ข้าจะไม่ยุ่ง” ซือถูดึงมือกลับอย่างไม่สบอารมณ์แล้วว่าต่อ “ข้าได้สัญญาขายตัวของเจ้ามาแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก กลับปราสาทเขาหลิวเขียวกับข้าเถอะ!”

ซือถูเดินไปทางเลี่ยวเชี่ยว โอบเอวบางเข้าสู่อ้อมอกโดยไม่ถามความสมัครใจของสาวงาม ทำเอาเลี่ยวเชี่ยวร้องตระหนก “ปล่อยข้า!”

“งานชุมนุมผู้กล้าใกล้เข้ามาแล้ว เจ้าอยู่ที่หอพู่หิมะ ข้าดูแลเจ้าไม่ได้ มีแต่ต้องพาเจ้ากลับไปจึงจะดูแลให้ดีได้” ซือถูบอกด้วยท่าทางแข็งกร้าว ไม่ได้สนใจเลี่ยวเชี่ยวที่ขัดขืนอยู่ในอ้อมอก

เสี่ยวชุนหรือจะทนดูหญิงชาวบ้านถูกฉุดคร่าได้…

เอ่อ…หญิงคณิกา

เอ่อ…หญิงคณิกาชื่อดัง…เกิดเรื่องแล้ว เขากระโดดไปข้างหน้าแล้วสู้กับซือถูโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

ซือถูรู้ว่าวิทยายุทธ์ตนเองไม่อ่อนด้อย แต่พอประมือกับเสี่ยวชุนที่เอาชนะด้วยกระบวนท่าที่ว่องไว อีกทั้งยังห่วงคนในอ้อมกอดด้วย จึงกินแรงอย่างเลี่ยงไม่ได้

ทว่าหลังจากสามกระบวนท่า พลังปราณของเสี่ยวชุนก็ขาดห้วงจนเห็นชัดว่ามีอาการอ่อนล้า เมื่อคืนเขาช่วยบรรเทาความทรมานจากพิษกำเริบให้อวิ๋นชิงทั้งคืน คงสูญพลังปราณไปกว่าครึ่งให้อวิ๋นชิงแล้ว หลังสิบกระบวนท่าร่างกายท่อนล่างก็โซเซ รับฝ่ามือซือถูเข้าหนึ่งฝ่ามือ เสียงดังเปรี้ยงคล้ายกระแทกไปถึงข้างหน้าต่าง มึนหัวตาลายเกือบจะร่วงออกไปข้างนอก

“คุณชายจ้าว!!” เลี่ยวเชี่ยวร้องตระหนก

“ไม่เป็นไรๆ” เสี่ยวชุนสะบัดหัว หน้าอกปวดหนึบ

“น้ำใจที่ช่วยเลี่ยวเชี่ยววันนี้ข้าจะจดจำไว้” เลี่ยวเชี่ยวบอกเสี่ยวชุนด้วยความซาบซึ้งใจ “ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ประมุขซือถูเป็นสหายเก่าของข้าที่สนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก ท่านอย่าได้ทำให้ตัวเองต้องเจ็บตัวเพราะช่วยข้าเลยเจ้าค่ะ”

“ไปเถอะ!” ซือถูเห็นหญิงที่ตนเองรักเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นแบบนี้ก็ให้รู้สึกหงุดหงิด

“ท่านอย่าทำร้ายคนอื่นส่งเดช” เลี่ยวเชี่ยวบอกเสียงค่อย

ซือถูพาเลี่ยวเชี่ยวจากไปแล้ว เสี่ยวชุนก็ตะโกนไล่หลังอย่างไม่ยอมแพ้ “แม่นางเลี่ยวเชี่ยว! เราสองคนมีวาสนาต่อกันเช่นนี้ น่าเสียดายกลับถูกคนป่าเถื่อนมาทำให้เสียบรรยากาศ แต่ไม่เป็นไร จากนี้เจ้าต้องรักษาอาการป่วยให้ดี วันหน้าข้าจะขึ้นไปหาเจ้าที่ปราสาทเขาหลิวเขียวแน่นอน ถึงตอนนั้นเจ้าต้องดีดพิณให้ข้าฟังอีกนะ คุยเล่นกับข้าด้วย จะให้ดีก็ดื่มสุรากันนิดหน่อย หรืออาจจะคุยกันท่ามกลางแสงเทียนในยามราตรีด้วย เจ้าจำไว้ว่าต้องรอข้านะ!!”

ด้วยรู้ว่าคำพูดนี้ของเสี่ยวชุนจงใจยั่วยุซือถู เห็นซือถูทำหน้าบึ้งตึงท่าทางไม่มีที่ให้ระบายอารมณ์ เลี่ยวเชี่ยวก็คลี่ยิ้มโดยไม่รู้ตัว

เสี่ยวชุนเห็นเพียงสาวงามมองตอบแล้วยิ้มละไม ตอนนั้นตะเกียงเอย แก้วแหวนอัญมณีเอย ทุกสิ่งล้วนเผือดสีไปหมด โลกพลันมืดมนในพริบตา รัศมีเปล่งประกายอยู่แค่ร่างสาวงามเปราะบางผู้นั้น

“งามเหลือเกิน!” เสี่ยวชุนบอกด้วยอาการตะลึงงัน

ซือถูแค่นเสียงหึด้วยความหงุดหงิด เสียงดีดพิณที่แว่วอยู่ในหู ทั้งหมดทุกอย่างกลายเป็นเสียงพร่ำรัก เลี่ยวเชี่ยวไปเจอเจ้าคนลามกนี่จากไหนกันแน่ ถ้าหากไม่ใช่เพราะต้องพาเลี่ยวเชี่ยวกลับไปแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาแล้วล่ะก็ เขาจะต้องสั่งสอนเจ้าสารเลวนี่ให้สาสมแน่นอน

 

* เหอโส่วอู (ห่อสิ่วโอว) เป็นสมุนไพรประเภทรากไม้ มีสรรพคุณช่วยให้ผมดกดำ กระตุ้นลำไส้ บำรุงเลือด ตับ ไต ไขกระดูก ช่วยล้างพิษ ลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด ช่วยรักษาอาการวิงเวียน ตาลาย นอนไม่หลับ เป็นต้น

** ฝูหลิง หรือฮกเหล็ง คือสมุนไพรที่ใช้บำรุงม้าม ขับความชื้นในร่างกาย บำรุงกระเพาะอาหาร

*** ใบเซียนผา หรือใบผีผาสด หรือใบปีแปะเฮียะ ใช้เป็นยาแก้ไอ ละลายเสมหะ

Comments

comments

Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com