everY
ทดลองอ่าน ยุทธจักรเริงรมย์ ตอน พิษโอสถ บทที่ 2 #นิยายวาย
อวิ๋นชิงตื่นขึ้นมาพักใหญ่ไม่เห็นผู้ใด เขานึกว่าเขาลืมตาขึ้นมาก็น่าจะเจอจ้าวเสี่ยวชุนคนนั้น คิดไม่ถึงว่าในห้องกลับว่างเปล่าไร้เงาคน
สาวใช้ที่รออยู่นอกห้องได้ยินเสียงอวิ๋นชิงตื่นแล้วก็ยกกับข้าวก่อนเคาะประตูเข้ามาในห้อง อวิ๋นชิงนึกว่าจ้าวเสี่ยวชุนกลับมาแล้ว พอเงยหน้าเห็นว่าไม่ใช่อีกฝ่าย สายตาพลันเย็นยะเยือกพร้อมซัดเข็มดอกท้อออกไป สาวใช้ถูกพิษหมดสติล้มลงบนพื้นข้างโต๊ะทันที
กับข้าวหกคว่ำไปแล้ว แต่อวิ๋นชิงก็มิได้ใส่ใจ สถานที่เช่นนี้ อาหารแบบนี้ ชาวบ้านระดับนี้ ทั้งหมดล้วนไม่อยู่ในสายตาเขา เขารู้สึกว่าตนเองกลายเป็นหงุดหงิด สถานที่แปลกหน้า เรื่องทางโลก จ้าวเสี่ยวชุนที่หายตัวไป และพิษในร่างที่เขาไม่อาจควบคุมได้ล้วนแล้วแต่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์
ผ่านไปสองชั่วยาม* บ่าวรับใช้ก็เข้ามาในห้องอีก
อวิ๋นชิงนึกว่าคราวนี้น่าจะเป็นจ้าวเสี่ยวชุนแน่แล้ว คิดไม่ถึงว่าเมื่อมองให้ดีๆ แล้วกลับเป็นคนที่ไม่ได้หน้าตาคล้ายจ้าวเสี่ยวชุนเลยสักนิด
อาวุธลับผละจากมือไปอีกหน ถุงห่อใหญ่ห่อเล็กที่บ่าวรับใช้ถืออยู่หล่นกระจายบนพื้น จากนั้นก็มีเสียง ‘โครม’ ดังสนั่น หัวของอีกฝ่ายกระแทกเสาข้างประตูแล้วล้มพับหมดสติไป
หนึ่งก้านธูป** ให้หลัง คราวนี้คนที่มาผลักประตูเข้ามาเลยโดยไม่เคาะประตู
เข็มดอกท้อของอวิ๋นชิงพุ่งแหวกผ่านอากาศอีกครั้ง แต่กลับได้ยินเสียงร้องที่คุ้นเคย
“โอ๊ย! ไยเจ้าเอาอีกแล้ว!” เสี่ยวชุนที่เพิ่งก้าวข้ามธรณีประตูกรีดร้อง เข็มสามเล่มเขาหลบพ้นแค่เล่มเดียว ที่ตัวมีรูเล็กๆ เพิ่มขึ้นมาสองรู เข็มจมหายเข้าไปในเนื้อหัวไหล่ ฝังเข้ากระดูกไปแล้ว
เมื่อเห็นคนนอนอยู่ที่พื้นสองคน เสี่ยวชุนก็สะดุ้งโหยง รีบลากสองคนนั้นออกไปจากห้องปีกโดยไม่สนใจดึงเข็มบนตัวที่เจ็บแทบตายออกก่อน เสี่ยวชุนช่วยดึงเข็มออกให้พวกเขา แล้วใช้เข็มสีทองช่วยให้เลือดหมุนเวียนสะดวก
ตอนที่กลับมาในห้อง อวิ๋นชิงนั่งอยู่ที่ขอบเตียงด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ มองเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก
“เจ้าเกือบฆ่าคนสองคน” เสี่ยวชุนบอก
“ฆ่าก็ฆ่าสิ” อวิ๋นชิงไม่ไยดีเลยสักนิด
“ชีวิตคนเชียวนะ!” เสี่ยวชุนโอดครวญ แต่เขาคาดเดาว่าคนที่ขยับดาบก็บั่นหัวคนได้อย่างเฉียบขาดหมดจดแบบนี้คงไม่เห็นว่าชีวิตคนมีค่าอะไรแน่
“พิษยางน่องเจ้ายังถอนได้อย่างง่ายดาย เข็มพิษพวกนั้นไม่เหลือบ่ากว่าแรงเจ้าหรอก” อวิ๋นชิงไม่เห็นว่าเรื่องของคนพวกนี้จะมีอะไรให้น่าพูดถึง
“เพราะว่าข้าเก่งกาจ” เสี่ยวชุนเลิกเสื้อคลุมนั่งข้างโต๊ะกลม รินน้ำดื่มให้ชุ่มคอ “แต่ต่อให้เก่งกาจสักแค่ไหน หากคนหมดลมหายใจแล้วก็ยากจะช่วย”
“ไม่มีลมหายใจแล้วก็ช่วยให้ฟื้นได้ด้วยรึ” อวิ๋นชิงรู้สึกว่าคนคนนี้คุยโม้เกินเหตุ
“ช่วยยาก ไม่อาจบอกว่าจะช่วยให้ฟื้นได้แน่ๆ พวกที่ร่างแข็งทื่อเน่าเฟะส่งกลิ่นเหม็นเน่านั้นช่วยไม่ได้แล้ว หากตัวอุ่นนิ่มเพิ่งตายได้ไม่นานเท่าไรอาจฝืนลองดูได้” เสี่ยวชุนใช้ความคิดแล้วบอกอีก “แต่พิษที่ตัวเจ้าค่อนข้างน่าปวดหัว เป็นพิษที่ข้าไม่เคยเจอมาก่อน ทั้งยังแปลกประหลาดด้วย และเป็นครั้งแรกที่เจอยาพิษหลอมรวมกับยาปลุกกำหนัด ส่งเสริมและหักล้างกันอย่างไร้ที่ติ พิษชนิดนี้หากเจอข้าล่าช้าไปหนึ่งวัน ตอนนี้เจ้าคงได้ไปดื่มชาขบเมล็ดแตงกับยายเมิ่ง*** แล้วล่ะ”
“พิษชนิดนี้ ในโลกนี้ไม่มีใครถอนได้” หลันชิ่งประมุขสำนักภูษานิลซึ่งได้รับฉายาว่า ‘เซียนเนรเทศมือพิษ’ ที่ทั้งยุทธภพยกย่องว่าร้อยปีจะเจอสักคนเคยกล่าวไว้เช่นนี้
“ไม่แน่หรอก” เสี่ยวชุนเขย่าน้ำชาในถ้วยแล้วหัวเราะ “อาจารย์ข้าบอกไว้ว่าหากทำยาพิษออกมาได้ก็ต้องทำยาถอนพิษได้ แต่ก่อนตอนอยู่ที่หุบเขา อาจารย์ก็เคยชมศิษย์พี่ใหญ่ของข้าว่าไร้บรรพบุรุษ ไม่มีทายาท ยาพิษที่ใช้เรียกว่าใต้หล้าไม่มีสอง ในโลกนี้ไร้ศัตรู ต่อมาข้าเข้าหุบเขา เขานึกครึ้มขึ้นมาชั่วขณะวางยาพิษร้อยแปดชนิดที่ตัวข้า ข้าเจ็บจนนอนกลิ้งร้องหาพ่อหาแม่ทั้งวัน แต่สุดท้ายข้าก็ยังหาวิธีแก้พิษได้ทีละชนิด สิ่งหนึ่งย่อมขจัดอีกสิ่งหนึ่งโดยธรรมชาติ ไม่มีพิษใดที่ไร้วิธีถอน”
“หึ!” อวิ๋นชิงแค่นเสียงขึ้นจมูก ดูแคลนความมั่นใจในตนเองของเสี่ยวชุน ทว่าคนที่ไม่ตายด้วยพิษร้อยแปดชนิดคนนี้กลับไม่กลัวพิษของลูกศรพิษที่เข็มของเขาจริงๆ
ร่างกายที่ร้อยพิษไม่กล้ำกรายนั้นได้มาอย่างไร อวิ๋นชิงหรี่ตามองเสี่ยวชุน เขาค่อนข้างสนใจในข้อนี้
เสี่ยวชุนรู้สึกหนาวสะท้านพลางฉีกยิ้ม ไม่รู้ตอนนี้อวิ๋นชิงกำลังคิดอะไรอยู่ เห็นสายตาของเขาราวกับงูที่จ้องกบอย่างไรอย่างนั้น
จากนั้นเสี่ยวชุนก็ถอดเสื้อนอกออกจนเผยให้เห็นหัวไหล่อย่างช้าๆ เขาลูบบาดแผล หยิบหินแม่เหล็กหมายจะดูดเข็มเล่มเล็กในเนื้อออกมา ทว่าเข็มที่ฝังเข้ากระดูกติดอยู่ลึกเกินไปจึงดูดไม่ออก เสี่ยวชุนจึงได้แต่กัดฟันเอากริชมากรีดผิวเนื้อออกแล้วควักเข็มออกมาทั้งอย่างนั้น
เมื่อครู่เขาถูกซือถูอู๋หยาซัดจนเจ็บหน้าอก จึงได้แต่เคลื่อนไหวช้าๆ กลัวว่าจะรั้งไปถึงหน้าอกแล้วกระดูกหัวไหล่จะเจ็บไปด้วย จากนั้นจึงหยิบห่อสัมภาระแล้วเอาขวดสุราเล็กๆ สีเหลืองส้มออกมาสาดยาลงไป คิดแล้วก็อ้าปากกรอกเข้าปากนิดหน่อย กินพร้อมสุราดอกท้อที่เหลืออยู่ในถุงน้ำ
“ขมชะมัด” เสี่ยวชุนอับจนคำพูด
เห็นอวิ๋นชิงไม่เลิกมองตนเองเสียที เสี่ยวชุนก็นึกขึ้นได้ว่าอวิ๋นชิงก็ต้องใช้ยานี้เหมือนกัน เขาปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากแล้วโยนขวดให้อีกฝ่าย
“อาการบาดเจ็บภายในของเจ้าไม่ใช่เบาๆ ขวดนี้ให้เจ้าก็แล้วกัน! นี่เป็นของดีนะ ข้าทำจากซานชี**** ไป๋จี***** และสมุนไพรราคาแพงอีกนิดหน่อย ใช้รักษาแผลจากมีดดาบเลือดตกยางออก หกล้มถูกซัดจนบาดเจ็บภายใน ใช้ทาภายนอกหรือกินก็ได้หมด ผู้ใหญ่หรือเด็กก็ใช้ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าบาดแผลจะใหญ่แค่ไหน อาการบาดเจ็บภายในจะหนักหนาแค่ไหน ขอเพียงใช้แค่นิดเดียว รับรองว่าครู่เดียวเห็นผล บาดแผลฉีกเป็นทางจากดาบบนร่างของเจ้าพวกนั้นข้าก็ใช้มันทาให้จนหายดี เรียกได้ว่าเป็นยาวิเศษรักษาแผลเชียวล่ะ!”
* ชั่วยาม เป็นหน่วยนับเวลาของจีนในสมัยโบราณ เท่ากับ 2 ชั่วโมง ครึ่งชั่วยามจึงเท่ากับ 1 ชั่วโมง
** หนึ่งก้านธูป เป็นคำเรียกเวลาโดยประมาณของคนจีนโบราณ บางตำราว่าประมาณครึ่งชั่วโมง บางตำราว่า 1 ชั่วโมง
*** มีตำนานเล่าว่าหญิงแซ่เมิ่งในสมัยฮั่นตะวันตกคนหนึ่งเป็นผู้ถือศีลกินเจ สวดมนต์ และครองพรหมจรรย์จวบสิ้นอายุขัย ทั้งยังคอยเตือนให้ผู้คนอย่าได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เมื่อตายไปสวรรค์จึงแต่งตั้งให้เป็นเทพประจำอยู่ในยมโลก
**** ซานชี หรือซาฉิก เป็นพืชตระกูลเดียวกับโสมคน มีสรรพคุณสลายเลือดคั่ง ห้ามเลือด
***** ไป๋จี หรือแปะกิ๊บ เป็นสมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร