everY
ทดลองอ่าน ยุทธจักรเริงรมย์ ตอน พิษโอสถ บทที่ 2 #นิยายวาย
เสี่ยวชุนพูดจนเหมือนหมอในยุทธภพที่เร่ขายยา แต่ยาตัวนี้ของเขาใช้ดีจริงๆ ตอนแรกที่ศิษย์พี่ห้าศิษย์พี่หกตัดสินใจออกเดินทางท่องไปทั่วสี่คาบสมุทรและยุทธภพ เขาก็เคยให้ไปเป็นโหล ไม่ว่าจะให้คนอื่นหรือใช้เองก็ได้ทั้งนั้น!
“เจ้าบาดเจ็บภายในหรือ” อวิ๋นชิงเดินมาจับแขนแล้วช่วยตรวจชีพจรให้ น้ำเสียงพลันสูงขึ้น
“เฮ้อ…อื้ม…ทักษะสู้ผู้อื่นไม่ได้ พอเผลอ…ก็เลยถูกซัดเข้า…” เสี่ยวชุนเดาะลิ้น ซือถูอู๋หยานั้นคือยอดฝีมือตัวจริง “เฮ้อ…ไม่ต้องสนใจหรอก แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น…”
อวิ๋นชิงดึงมือกลับแล้วนั่งข้างเสี่ยวชุน แค่นเสียงหึเย็นชา
“แล้วสองคนนั้นยั่วโทสะเจ้าเข้ารึ คนทั่วไปหากถูกเจ้าซัดเข็มใส่ก็ไปพบยมบาลแล้ว โชคดีที่ข้ากลับมาเร็ว ไม่อย่างนั้นพวกเขาต้องไปแดนปรภพแน่” เสี่ยวชุนรินน้ำชาให้อวิ๋นชิง เห็นอีกฝ่ายแค่เหลือบมอง คงรังเกียจที่ถ้วยนั้นสกปรกจึงไม่อยากดื่ม
เสี่ยวชุนไม่สนใจอวิ๋นชิง จากนั้นก็เก็บสิ่งของชิ้นใหญ่ชิ้นเล็กที่ซื้อกลับมาจากบนพื้นเอามากองบนโต๊ะแล้วแกะออกทีละอย่าง ได้ซื้อของเล่นที่ไม่ค่อยได้เห็นในหุบเขาทำให้เขาเบิกบานใจยิ่งนัก
อวิ๋นชิงเห็นเสี่ยวชุนท่าทางอิ่มเอมใจ โทสะก็แล่นปราด บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมตนเองอยู่ๆ ก็รู้สึกสับสน เอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิด “เจ้าไปไหนมา ทำไมข้าตื่นมาไม่เจอเจ้า”
“ไปซื้อของมาน่ะสิ!” เสี่ยวชุนหยิบห่อขนมลูกสน* เอามาชิมสองชิ้นอย่างสำราญใจ “หวานจัง”
“ไปซื้อของ?” ที่แท้ที่หายไปไม่เห็นเงาเพราะไปซื้อของ คำตอบของเสี่ยวชุนทำให้ใบหน้าของอวิ๋นชิงเย็นชาอย่างที่ไม่รู้จะเย็นชาไปกว่านี้ได้อย่างไรในทันที
พอเห็นบรรยากาศไม่ชอบมาพากล เสี่ยวชุนก็รีบยัดขนมลูกสนสองชิ้นใส่ปากอวิ๋นชิง
“อร่อยใช่ไหม หวานๆ” เสี่ยวชุนจ้องอวิ๋นชิง ดวงตาทอยิ้มจนกลายเป็นพระจันทร์โค้ง นัยน์ตาสีดำสว่างไสวคล้ายดวงดาวระยิบระยับ
อวิ๋นชิงจะกลืนก็ไม่ใช่ จะคายก็ไม่เชิง ได้แต่ขมวดคิ้วอมไว้
“เมื่อครู่ข้าไปซื้อยาให้เจ้า คิดไม่ถึงว่าจากนั้นจะได้เจอของแปลกหายากบางอย่าง จึงกลับมาช้าหน่อย” เสี่ยวชุนบอก แล้วยังเขย่าป๋องแป๋งดังตึงตังๆ
อวิ๋นชิงพึมพำอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามสิ่งที่เขาสงสัยมาตลอด “เหตุใดจึงช่วยข้า”
“อยากช่วยก็ช่วยอย่างไรเล่า!” เสี่ยวชุนไม่ได้ใส่ใจ
“ต่อให้ข้าจะฆ่าเจ้า เจ้าก็จะช่วยข้าหรือ”
“แต่เจ้าไม่ได้ฆ่าข้านี่ ตอนนี้ข้าก็นั่งอยู่ดีตรงนี้ไม่ใช่หรือ”
อวิ๋นชิงเงียบ เสี่ยวชุนลืมไปแล้ว นั่นเพราะร้อยพิษทำอะไรเขาไม่ได้ มิฉะนั้นอาศัยแค่พิษร้ายแรงของลูกศรพิษคงสิ้นใจไปปรโลกนานแล้วตั้งแต่ตอนที่เขาเห็นตนสู้กับคนชุดดำ ตอนนี้อยู่ๆ อวิ๋นชิงก็ดีใจนิดๆ ดีใจที่เสี่ยวชุนมีร่างกายที่ร้อยพิษไม่กล้ำกราย ไม่ได้ตายเร็วเกินไป
จากนั้นเสี่ยวชุนก็นั่งยองอยู่ข้างเตาถ่าน เริ่มบดยาพลางเอาสมุนไพรจากบนเขาแบ่งส่วนโยนใส่หม้อ ปากก็ครวญเพลงพื้นบ้านไม่ทราบชื่อ
“ตะวันตกฝนแรก ตะวันออกฟ้าใส คืนนัดพบแอบคบชู้…”
“…” ได้ยินคนผู้นี้ร้องคำว่าคบชู้ออกมาอย่างง่ายดายเช่นนี้ อวิ๋นชิงก็เงียบกริบ
“จันทร์ลอยสูงเหนือกิ่งไม้ พี่สาวก้มหน้าแดงก่ำ…เรียกยอดดวงใจซ้ำๆ ม้วนม่านกลิ้งขึ้นเตียง…” เสี่ยวชุนครวญเพลงอย่างมีความสุข
อวิ๋นชิงไม่เคยฟังเพลงเช่นนี้ รู้สึกแค่ว่าเนื้อเพลงเขียนได้จะแจ้งกระตุ้นอารมณ์ แต่เสี่ยวชุนครวญเพลงด้วยเสียงใสนุ่มเบาๆ ดวงหน้าปราศจากตัณหาราคะ ก้มหน้าร้องวนซ้ำ แต่กลับเหมือนกำลังสารภาพความในใจ
ขนมลูกสนในปากละลายช้าๆ อวิ๋นชิงจ้องเสี่ยวชุนที่นั่งยองบนพื้นพร้อมโบกพัดเตาอย่างเงียบๆ เขาใช้กำลังภายในเอาสองมือแปะรอบหม้อโคจรพลังเคี่ยวยา ท่าทางมีความสุขสำราญใจ ปากเขาก็ยังร้องครวญเพลงนั้นรอบแล้วรอบเล่า
ในห้องปีกที่ฟุ้งด้วยกลิ่นขมฝาดของยาชวนให้อารมณ์ของคนสงบพอควร อวิ๋นชิงเองก็ไม่มีความหงุดหงิดเช่นในตอนแรกแล้ว ความอัดอั้นที่อ้อยอิ่งอยู่ในอกก็ค่อยๆ สลายไป
ครู่หนึ่งเสี่ยวชุนเคี่ยวยาเสร็จแล้วก็ปั้นยาลูกกลอนขนาดเท่านิ้วมือและเอาใส่ขวดลายครามส่งให้อวิ๋นชิงเก็บไว้
เสี่ยวชุนถือโอกาสป้อนยาให้อวิ๋นชิงเม็ดหนึ่งด้วย ตอนนี้ถึงเวลาพิษกำเริบ อวิ๋นชิงจึงมีเหงื่อไหลเต็มหน้าผากนานแล้ว
เสี่ยวชุนบอก “ยานี้แม้จะไม่ใช่ยาถอนพิษแต่ก็ช่วยให้เจ้าเจ็บน้อยลงได้หลายส่วน และเพื่อยับยั้งฤทธิ์ของยาพิษ ตัวยาจึงต้องมีฤทธิ์รุนแรง หากใช้เยอะจะทำให้บาดเจ็บ เจ้าต้องจำไว้ว่าประมาณเวลานี้ของทุกวัน หากเจ็บค่อยกิน ครั้งละหนึ่งเม็ดก็ได้ แต่ห้ามถือวิสาสะเพิ่มปริมาณยาเอง”
ตอนที่กำชับเสร็จก็เป็นเวลาดึกแล้ว เสี่ยวชุนเหนื่อยมาทั้งวัน เขาดับไฟแล้วคลำหาในความมืด ปีนขึ้นเตียงนอนลงข้างอวิ๋นชิง ขณะที่อวิ๋นชิงกำลังหลับตาอดทนกับความเจ็บปวดที่จู่โจมอย่างรุนแรงซึ่งสะเทือนอยู่ในร่าง ฝ่ามือของเสี่ยวชุนก็ทาบลงบนหลังอวิ๋นชิง ส่งพลังปราณเข้ามาช่วยให้อวิ๋นชิงข้ามพ้นความทุกข์
ยาออกฤทธิ์เต็มที่แค่ในเวลาสั้นๆ อวิ๋นชิงรู้สึกว่าความเจ็บรุนแรงที่อัดแน่นทั้งแขนขาและกระดูกบรรเทาลงมาก ไม่เพียงแค่อัศจรรย์ใจที่ยานี้วิเศษถึงเพียงนี้ หากยิ่งประหลาดใจที่คนทำยานี้อายุยังน้อยแต่กลับมีความสามารถขนาดนี้
ผ่านไปหนึ่งชั่วยามเสี่ยวชุนก็ผล็อยหลับไป อวิ๋นชิงจ้องใบหน้ายามหลับที่ไร้การระวังตัวของเสี่ยวชุน ไม่ง่วงงุนสักนิดเดียว
คนคนนี้กล้าหลับสนิทขนาดนี้เชียว…
ความร้อนค่อยๆ ทะลักขึ้นมาและแผ่ลามอย่างรวดเร็ว อวิ๋นชิงรออยู่พักหนึ่งก็ไม่เห็นเสี่ยวชุนจะทำอะไรต่อไปจึงเอ่ยขึ้น “จ้าวเสี่ยวชุน ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
“ทำไมหรือ” เสี่ยวชุนลืมตาอย่างสะลึมสะลือ
“เจ้าลืมแล้ว” อวิ๋นชิงบอก
“ลืมอะไร…” เสี่ยวชุนง่วงงุนยิ่งนัก
“เจ้ายังไม่ได้ช่วยข้าปลดปล่อย” อวิ๋นชิงบอกอย่างตรงไปตรงมา ไม่รู้สึกเลยสักนิดว่ามีอะไรไม่เหมาะสม
เสี่ยวชุนคราง “เรื่องแบบนี้ทำเองก็ได้ เมื่อวานข้าสอนเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ แล้วก็คำว่าปลดปล่อยนี้อย่าได้พูดดังขนาดนั้น ข้าไม่กลัวขายหน้า แต่กลัวเจ้าจะขายหน้า”
“เจ้าทำ”
“เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน ทำไม่ได้” เสี่ยวชุนถอนใจ ในเรื่องนี้อวิ๋นชิงช่างราวกับกระดาษขาวเสียจริง ทำไมแม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่เข้าใจ
“ทำไมผู้ชายด้วยกันถึงทำไม่ได้”
“เอ่อ…” เสี่ยวชุนผงะ “ก็ใช่ ทำไมเป็นผู้ชายเหมือนกันถึงทำไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นใบหน้าของเจ้าก็งดงามกว่าสตรีเสียอีก” เมื่อเทียบกันแล้ว แม้แต่เลี่ยวเชี่ยวคณิกาชื่อดังที่เจอวันนี้ก็เหมือนจะรูปโฉมด้อยกว่าอวิ๋นชิงอยู่หน่อยๆ
“ไม่ทำรึ” รอจนหมดความอดทนแล้ว อวิ๋นชิงหรี่ตา แววตาเริ่มฉาบฉายความอันตราย
“ทำ! ข้าทำ ทำไมจะไม่ทำ!” สายตาของอวิ๋นชิงทำให้เสี่ยวชุนนึกถึงเข็มดอกท้อ เขาเอามือเกาะกุมใต้ท้องน้อยของอวิ๋นชิงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงทันที
แว่วเสียงหอบหายใจแผ่วเบา ลมหายใจที่พรูออกมาของอวิ๋นชิงกวาดผ่านใบหน้าเสี่ยวชุน ทำเอาเสี่ยวชุนจั๊กจี้จมูกนิดๆ เสี่ยวชุนเอ่ยเสียงค่อย “เจ้าเอามือมาด้วยสิ ทำเองจะเร็วขึ้นเยอะทีเดียวนะ!”
อวิ๋นชิงจึงยื่นมือออกมา สำรวจในกางเกงเสี่ยวชุน กอบกุมอวัยวะสำคัญของเด็กหนุ่มไว้
“อ๊าก!!” เสี่ยวชุนร้องลั่น เสียงเริ่มสั่นเครือ “ไม่ใช่จับของข้า! จับของเจ้าสิ!!”
“ทำไมเจ้าไม่ตื่นตัว” อวิ๋นชิงเหลือบมองแล้วถาม เสี่ยวชุนอ่อนปวกเปียกไม่เหมือนอย่างของเขา
“ข้าไม่ได้ถูกพิษยาปลุกกำหนัด…”
มือของเสี่ยวชุนเคลื่อนไหวไม่หยุด ทำเอาอวิ๋นชิงสบายตัวยิ่งนัก อวิ๋นชิงแค่นเสียงขึ้นจมูกเบาๆ ร่างสั่นสะท้านแล้วขยับมือไปด้วย เสียงนั่นลอยเข้าหูเสี่ยวชุน อีกทั้งส่วนนั้นยังถูกรูดรั้งด้วย แม้เดิมทีเสี่ยวชุนจะไม่ได้ต้องการแบบนั้น แต่ร่างกายก็เกิดปฏิกิริยาไปโดยธรรมชาติ
ลืมไปแล้วว่าเริ่มต้นอย่างไร เสี่ยวชุนรู้แค่ว่าตอนที่ตนเองได้สติ อวิ๋นชิงก็ปฏิบัติกับเขาด้วยวิธีเดียวกันนั้น
ตอนที่เขาปลดปล่อยออกมาในมืออวิ๋นชิง หายใจหอบกระชั้น อวิ๋นชิงก็ทำฝ่ามือเขาเปียกชื้นเช่นกัน
ป่ายปีนขึ้นสูงไปบนก้อนเมฆแล้วร่วงหล่นลงมา เสี่ยวชุนหอบหายใจถี่กระชั้น อยู่ๆ นิ้วมือชื้นๆ ของอวิ๋นชิงก็ไล้กลีบปากของเสี่ยวชุน
“ทำไมหรือ” เสี่ยวชุนตะลึงงัน
ปลายนิ้วของอวิ๋นชิงไล้กลีบปากแดงก่ำของเสี่ยวชุน กดไว้เบาๆ รู้สึกถึงความนุ่ม ตอนที่อีกฝ่ายเอ่ยถาม นิ้วมือของเขาก็ไหลเข้าไปในปากเสี่ยวชุน สัมผัสถึงผนังอุ่นชื้นเปียกร้อนด้านใน
ปลายนิ้วถูไถลิ้นของเสี่ยวชุน ค่อยๆ ขูดปุ่มนูนเล็กๆ บนลิ้น อวิ๋นชิงอาวรณ์ไม่อยากหยุด ไม่ยอมผละจากไป จนกระทั่งเสี่ยวชุนไม่อาจหุบปากได้ น้ำใสๆ ไหลเยิ้มออกมาจากมุมปาก ร้องครางอย่างติดขัด อวิ๋นชิงจึงได้สติแล้วดึงมือกลับ
ชายหนุ่มเริ่มหลับตา ความเจ็บปวดรุนแรงผ่านไปแล้ว ร่างกายก็เบาสบายแล้ว ความง่วงของอวิ๋นชิงปะทุขึ้นมา ซุกตัวอยู่ข้างกายเสี่ยวชุนแล้วหลับไป เขาไม่รู้ว่านี่คือเรื่องอะไรกันแน่ รู้แค่ว่าคนคนนี้ตอนนี้ให้อยู่ข้างกายเขาได้ และให้สัมผัสแตะต้องได้ชั่วคราว
เสี่ยวชุนมองคนที่นอนได้ไม่นานเท่าไรก็เริ่มกรนด้วยความตะลึงงัน ไม่รู้ว่าคนคนนี้เป็นอะไรไปอีกแล้ว เอานิ้วมือมากวนในปากเขานานสองนาน จากนั้นก็ไม่พูดอะไรเลย หลับตาแล้วนอนหลับไปโดยไม่สนใจใคร
ต่อมาพอนึกขึ้นได้ เสี่ยวชุนก็รีบลุกขึ้น “ถุยๆๆ…” ไม่หยุด ถ่มน้ำลายลงใต้เตียงอย่างต่อเนื่อง รู้สึกว่ายังไม่พอก็ปราดไปหยิบกาน้ำชากรอกเข้าปาก หลังจากบ้วนปากแล้วก็ถุยจนหมดเกลี้ยง
นิ้วมือของอวิ๋นชิงเลอะน้ำหวานของเขา แล้วยังเอานิ้วสอดเข้ามาในปากเขา มิน่าเล่าเขาถึงรู้สึกว่าในปากมีกลิ่นแปลกๆ ที่แท้ก็กินสิ่งนั้นเข้าไปแล้ว
“ถุยๆๆ…”
* ขนมลูกสน เป็นขนมที่ทำจากข้าวพองเคลือบน้ำตาลชนิดหนึ่ง เมื่อพองตัวแล้วจะมีลักษณะคล้ายลูกสน