everY
ทดลองอ่าน ยุทธจักรเริงรมย์ ตอน พิษโอสถ บทที่ 3 #นิยายวาย
“ท่านผู้เฒ่า ท่านปู่ ตรงนี้ยังมีที่นั่งสองที่ หากไม่ถือสา ให้ข้านั่งสักที่นะขอรับ!” เสี่ยวชุนคลี่ยิ้มพร้อมแวบเข้าไปในศาลาโดยไม่รอให้คนที่อยู่ตรงนั้นอนุญาต ถือวิสาสะนั่งลงข้างชายชราหนวดขาว
“คุณชายจ้าว” พ่อบ้านพยักหน้าทักทายเขา
“เอ๋? ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าแซ่จ้าว” เสี่ยวชุนยิ้มถาม
“แม่นางเคยพูดถึงชื่อของท่าน บอกว่าเป็นหนี้คุณชายจ้าวที่รักษาอาการป่วยให้แม่นาง ยาเทียบนั้นของท่านทำให้แม่นางอาการดีขึ้นมาก คนในปราสาทเขาหลิวเขียวทุกระดับชั้นซาบซึ้งใจยิ่งนัก” พ่อบ้านตอบอย่างสำรวม
“แม่นางเลี่ยวเชี่ยวเห็นข้าแล้วหรือ ทำไมไม่เห็นนางออกมาเลย” เสี่ยวชุนถามอีก
“แม่นางยังร่างกายอ่อนแอไม่สะดวกพบแขก คุณชายจ้าวโปรดอภัยด้วย”
“ไม่เป็นไรๆ ข้ารู้ว่านางอาการดีขึ้นก็พอแล้ว ว่าแต่ซือถูคนนั้นทำไมต้องเฝ้าแม่นางเลี่ยวเชี่ยวอย่างแน่นหนาขนาดนั้นด้วย นางต้องออกมาสูดอากาศบ้าง ไม่งั้นระวังผลลัพธ์จะกลายเป็นตรงกันข้ามกับที่หวังนะ!” เสี่ยวชุนแค่นเสียงหึสองที พูดอย่างไม่ใส่ใจเท่าไร
จมูกพลันได้กลิ่นหอม ตอนนี้เสี่ยวชุนเบนสายตาไปที่ชายชราหนวดขาวที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ท่านผู้เฒ่า ชาของท่านทำไมถึงได้หอมขนาดนี้ เมื่อครู่ในห้องอาหารข้าก็ได้กลิ่น ตอนนั้นยังคิดว่าคือกลิ่นอะไรกันแน่ ในโลกมนุษย์จะมีกลิ่นหอมอย่างนี้ด้วยหรือ” เสี่ยวชุนกล่าวยกย่อง ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายกะพริบวิบวับไร้ที่เปรียบ ทำให้คนรู้สึกว่าเขาพูดออกมาจากหัวใจ
ชายชราหนวดขาวหัวเราะอย่างมีเมตตาและเป็นมิตร ยกถ้วยชาที่ชงแล้วถ้วยหนึ่งให้เสี่ยวชุน
เสี่ยวชุนยื่นมือจะไปรับ ชายชราก็เหาะเหินพร้อมเอาชาไปด้วย เสี่ยวชุนเห็นดังนั้นก็ตามไป เห็นเพียงคนสองคนสองมือประมือกัน ผสมผสานแรงและลม พลิกถ้วยหยกสีขาวที่บรรจุชาหอมไปๆ มาๆ อยู่อย่างนั้น ทว่าระหว่างที่ประมือกันก็สงบนิ่งเป็นพิเศษ น้ำในถ้วยไม่กระฉอกออกมาสักหยด
บนเวทีประลองกันไปแล้วหนึ่งยก ข้างล่างเวทีในศาลารั้งสดับสถานการณ์ศึกก็กำลังดุเดือด
ชายชราถอยเพื่อรุก สลายสองมือของเสี่ยวชุนที่ตามมาถึงหน้าอก หากเสี่ยวชุนหมายใจจะเอาชนะด้วยการฉวยโอกาสซัดพลังฝ่ามือไปที่หน้าอกของเขา จะต้องทำให้กำลังภายในของตนสะเทือนจนบาดเจ็บแน่นอน
คาดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้พอเห็นว่าใกล้จะซัดถูกคนแล้วก็ฝืนดึงพลังฝ่ามือกลับ จึงถูกกำลังภายในของตนเองสะเทือนจนศีรษะโงนเงน ส่งเสียงร้องโอ๊ย
ชายชรายิ้มพร้อมส่งชามาวางตรงหน้าเสี่ยวชุนแล้วบอก “เชิญน้องชายดื่มชา”
“ไม่เล่นแล้วหรือ” เสี่ยวชุนส่ายหัวที่กำลังวิงเวียน พอกลับเป็นปกติแล้วจึงหัวเราะถามไปแบบนั้น
“น้องชายอายุยังน้อยแต่กลับมีกำลังภายในยอดเยี่ยมนัก ถ้าหากหมั่นเพียรศึกษาประสานวิทยายุทธ์ทั้งนอกและใน ในวันหน้าจะเป็นดาราพร่างพรายดวงหนึ่งในยุทธภพแน่ ทั้งยังมีอนาคตไกลไร้ขีดจำกัดด้วย” ชายชราบอก
เสี่ยวชุนยกถ้วยชาใบนั้น พอสูดดมดูแล้วรู้สึกถึงกลิ่นหอมอวลปะทะจมูก จากนั้นดื่มไปอึกหนึ่งก็รู้สึกหอมหวานคล่องคอ มุมปากและดวงตาหยักโค้งอย่างอดไม่ไหว หัวเราะบอกอีกฝ่าย “ท่านผู้เฒ่า ชาของท่านรสดีจริงๆ ผู้น้อยแม้จะไม่เข้าใจหลักการจิบชา แต่ดื่มแล้วก็รู้ว่าไม่เหมือนชาทั่วไป เป็นของชั้นยอดในชั้นยอด!”
เสี่ยวชุนชะงักแล้วว่าต่อ “แต่ว่าท่านผู้เฒ่า ศิษย์ของอาจารย์ข้าฝึกฝนเรื่องยากันมาหลายชั่วคน วิชาติดตัวนี่เป็นเพียงวิชาที่อาจารย์สอนข้าเอาไว้ป้องกันตัว ดังนั้นจึงไม่ได้ร้ายกาจเท่าใดนัก ตอนที่เจอยอดฝีมือ หากไม่ถึงตายก็ต้องหนีให้รอดก็เพียงพอแล้ว ท่านกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว ก็เหมือนกับชานี้ที่แม้จะเป็นชาดี แต่กลับไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาและแรงกายแรงใจเท่าไรจึงจะได้มา ข้าคนนี้ข้อหนึ่งนั้นขี้เกียจ ข้อสองคือกลัวเหนื่อย ปกติชอบเพียงศึกษาค้นคว้ายาสมุนไพรบนเขา ดวงดาราพร่างพรายนั้นให้คนอื่นเป็นก็พอแล้ว ข้าไม่มีความสามารถนั้น ทำไม่ได้หรอก!”
“ไม่ปรารถนาไม่ร้องขอก็ดีเหมือนกัน”
ชายชราหนวดขาวและเสี่ยวชุนมองกันและกันครู่หนึ่ง สบตากันแล้วยิ้มให้กัน ทั้งสองคนเริ่มดื่มชาอีก มองบนเวทีที่ไม่รู้ต่อสู้กันไปกี่ยกแล้ว
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นซือถูอู๋หยาเพิ่งมาถึงศาลารั้งสดับ พอเขาเห็นเสี่ยวชุนกำลังพูดคุยกับผู้อาวุโสหานไจกระบี่มังกรครวญที่ปราสาทเขาหลิวเขียวเชิญมารับรองการคัดเลือกเจ้ายุทธภพในครั้งนี้อย่างสนุกสนานก็ค่อนข้างประหลาดใจ
“เป็นเจ้า!” ซือถูอู๋หยาร้องลั่น
พอเสี่ยวชุนเงยหน้าขึ้นปุ๊บเห็นซือถูก็หัวเราะถาม “ประมุขใหญ่ซือถูผู้สูงส่งเป็นถึงเจ้าบ้านในการคัดเลือกเจ้ายุทธภพในครั้งนี้ แต่ล่าช้าไปตั้งนานกว่าจะมา หรือว่าไปเจอแม่นางเลี่ยวเชี่ยวมาล่ะ ไม่ทราบว่าตอนนี้แม่นางเลี่ยวเชี่ยวสบายดีหรือไม่ ท่านประมุขได้โปรด ‘ปล่อย’ นางออกมาให้ข้าเจอหน่อยได้หรือไม่” ทั้งๆ ที่เมื่อครู่รู้มาจากพ่อบ้านแล้วว่าเลี่ยวเชี่ยวสบายดี แต่พอเห็นซือถูคนนี้แล้วเสี่ยวชุนก็ยังอดพูดถึงนางขึ้นมาอีกหนไม่ได้
“เลี่ยวเชี่ยวสบายดี เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล” ซือถูหน้าง้ำแล้วถามขึ้นอีก “เจ้าแอบเข้ามาในปราสาทเขาหลิวเขียวได้อย่างไร”
เลี่ยวเชี่ยวเคยบอกว่าคนผู้นี้ชื่อจ้าวเสี่ยวชุน แค่ได้ยินชื่อก็เดาได้ว่าไม่ได้มาจากสำนักใหญ่ชื่อดัง แม้คนผู้นี้จะมีวิชาแพทย์ที่ตรงกันข้ามกับบุคลิกมอซอ แค่ยาไม่กี่เทียบก็ทำให้อาการป่วยหนักของเลี่ยวเชี่ยวดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา แต่พอซือถูเห็นเด็กหนุ่มคนนี้แล้วกลับรู้สึกว่ายิ่งมองก็ยิ่งขัดลูกตา
“ย่อมเข้ามาทางประตูใหญ่อยู่แล้ว” เสี่ยวชุนบอก “ประมุขใหญ่ซือถู การต่อสู้บนเวทีกำลังดุเดือด เทียบกับถามคนไร้ชื่อชั้นอย่างข้าว่าแอบเข้ามาได้อย่างไร สู้ดูบนเวทีว่าใครจะชิงตำแหน่งเจ้ายุทธภพไปได้จะสำคัญกว่านะ”
พ่อบ้านก้มลงกระซิบบอกข้างหูซือถูสองสามประโยค ซือถูได้ยินแล้วก็ตะลึงงันไปพักหนึ่ง
“เจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับคุณชายเจ็ด” ซือถูระมัดระวังตัว เขารู้สึกว่าคนตรงหน้านี้ไม่ได้ใสซื่อ จ้าวเสี่ยวชุนไม่ได้เป็นแค่หมอที่มีวิชาแพทย์สูงส่งผู้หนึ่งเหมือนอย่างที่เลี่ยวเชี่ยวบอกอย่างแน่นอน
“ทำไมเจ้าไม่ขึ้นไปสู้บนเวทีล่ะ ประมุขใหญ่แห่งปราสาทเขาหลิวเขียวกับเจ้ายุทธภพใครใหญ่กว่ากัน เขาฟังเจ้าหรือเจ้าฟังเขา หรือว่าเจ้าจะรอให้ยกสุดท้ายเหนื่อยล้ากันไปก่อนแล้วค่อยกระโดดขึ้นไปเตะฝ่ายตรงข้ามให้กระเด็นเพื่อตักตวงผลประโยชน์เอาทีหลัง” เสี่ยวชุนเบี่ยงประเด็น ใครจะไปรู้ล่ะว่าคุณชายเจ็ดคือใคร!
“เจ้า!” ซือถูแน่นหน้าอก เจ้าเด็กนี่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยจริงๆ
พ่อบ้านก้มหัวพูดอะไรบางอย่างอีก โทสะของซือถูที่จะระเบิดในตอนแรกจึงได้ถูกฝืนข่มไว้
จ้าวเสี่ยวชุนคนนี้…ซือถูคิดถึงคนคนนั้นที่มักจะพูดชื่อจ้าวเสี่ยวชุนสามคำนี้ บอกว่ายาได้ผลดี ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะสูตรยา สีหน้านั้นของอีกฝ่ายทำให้เขาเดือดดาลจริงๆ
ต้องมีสักวัน เขาจะต้องให้จ้าวเสี่ยวชุนคนนี้ได้รู้ซึ้ง วันนั้นแค่ฝ่ามือเดียวเป็นการดูเบาเจ้าเด็กนี่เกินไปจริงๆ
เสี่ยวชุนไม่ใส่ใจซือถู เพียงแค่ดื่มชากับชายชราที่อยู่ข้างๆ ชมการต่อสู้เท่านั้น
ไม่รู้ว่าบนเวทีสู้กันไปกี่ยกแล้ว ผู้ชนะยืนอยู่ได้ไม่นาน ประเดี๋ยวเดียวก็ถูกเด็กหนุ่มที่ความสามารถโดดเด่นเหนือใครคนต่อไปเปลี่ยนตัวลงมา ชายชราเอ่ยเรียบๆ “คลื่นลูกใหม่มาแทนที่คลื่นลูกเก่าอยู่เป็นนิจ” หมายความถึงคนที่ยืนอยู่บนเวทีที่ยิ่งเยาว์วัยลงทุกที
เสี่ยวชุนบอก “ท่านผู้เฒ่า ท่านก็ขึ้นไปด้วยสิ ข้าอยากดูซิว่าใครจะผลักท่านให้ขยับได้บ้าง!” แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะลั่นอีกครั้ง
เสี่ยวชุนดื่มชาไปเรื่อยๆ อยู่ๆ ก็จาม เขาผงะ วางถ้วยลงแล้วสูดจมูก อยากหาสิ่งที่ทำให้เขาคันจมูกเมื่อครู่นี้ ครู่หนึ่งหลังจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยมองซือถูที่อยู่ข้างๆ
ซือถูไม่สนใจเขาเลยสักนิด
“ประมุขใหญ่” เสี่ยวชุนร้องเรียก
ซือถูเห็นเสี่ยวชุนทำหน้าประหลาดก็เอ่ยด้วยความรำคาญ “มีอะไร”
ตอนนี้บนเวทีก็เกิดเหตุไม่คาดคิดอย่างกะทันหัน
ชายฉกรรจ์ร่างกำยำที่มีฉายาสู้ตะลุยทั่วหน้าไร้ศัตรูดาบเก้าห่วงหวงซานถูกสะเทือนกระเด็นตกเวทีเสียงดังโครม กระอักเลือดกระดูกแตกละเอียดหมดลมหายใจไปตรงนั้น ทว่าคนคนนั้นที่ขึ้นไปท้าสู้ลงมือตอนที่ขึ้นบันไดโดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งถ้วยชาเลยด้วยซ้ำ
สหายชาวยุทธ์ทุกคนตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้ถึงขีดสุด
“แค่ประลองเท่านั้น เหตุใดจอมยุทธ์น้อยต้องเอาชีวิตกันด้วย” คนที่ชมอยู่ข้างล่างตะโกนบอก รู้สึกฉุนเฉียวกับสภาพการตายของดาบเก้าห่วงหวงซานอย่างสุดแสน
“เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นแล้ว…” เสี่ยวชุนบอกเสียงเบา “มีคนวางยาพิษ”
“อะไรนะ” ซือถูรีบโคจรพลัง แต่กลับพบว่าจุดชี่ไห่* ว่างเปล่า พลังปราณสูญสลายไปทั้งหมด จากนั้นความเจ็บปวดสาหัสก็แล่นปราดมาจากอวัยวะภายใน รู้สึกคาวหวานที่ลำคอและกระอักเลือดออกมาคำใหญ่
ซือถูร่างโงนเงนแล้วล้มลงนั่งบนเก้าอี้หิน พลังทั่วร่างสูญสลาย ความเจ็บปวดอันยากจะทานทนที่เกิดจากพิษออกฤทธิ์ทำให้เขาทรมานไม่รู้วาย
เสี่ยวชุนเห็นดังนั้นก็รีบหันไปบอกชายชรา “ท่านผู้เฒ่าอย่าได้โคจรพลังเด็ดขาด การโคจรพลังจะทำให้พิษแทรกซึมเข้าสู่อวัยวะภายในทำให้ตายเร็วยิ่งกว่าเดิม เมื่อครู่ข้าเห็นเขาโคจรพลังแล้วกระอักเลือดจึงนึกขึ้นได้!”
“เจ้า!” ซือถูได้ยินดังนั้นก็โมโหจนกระอักเลือดอีกคำ เห็นชัดว่าจ้าวเสี่ยวชุนคนนี้จงใจ มิฉะนั้นทำไมไม่บอกให้ชัดแต่เนิ่นๆ
หานไจมีสีหน้าสุขุม จากนั้นก็เอ่ยขอบคุณ
* จุดชี่ไห่ อยู่บริเวณกึ่งกลางท้อง ต่ำจากสะดือ 1.5 ชุ่น