everY
ทดลองอ่าน พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ เล่ม 3 บทที่ 94-95 #นิยายวาย
บทที่ 95
คืนวุ่นวาย
ช่างเป็นข้อเสนอที่เปี่ยมล้นไปด้วยความคิดสร้างสรรค์จริงๆ ทำเอาดีมอสตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากปล่อยให้ความคิดอ่านของชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาชักจูงอยู่สองสามวินาที ในใจเผลอใคร่ครวญถึงเรื่องที่อีกฝ่ายสามารถอาศัยช่องโหว่มุดผ่านเข้ามายังด่านสุดท้ายทั้งๆ ที่ไม่มีความสามารถอะไรแม้แต่น้อย ไม่แน่ว่าด้วยฐานะของผู้คุมด่านเขาอาจจัดการแก้ไขข้อผิดพลาด เตะอีกฝ่ายไป ‘แดนน่าสะพรึงสุดขีด’ ได้จริง
ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขากะพริบตากลมโตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกวาดหวังปริบๆ พลางเอ่ยปากถาม “คุณคิดว่าไง”
ความคิดอ่านที่เกือบถูกอีกฝ่ายชักจูงสำเร็จของดีมอสถูกลากกลับขึ้นมาอยู่บนหนทางที่ถูกต้องใหม่อีกครั้ง
แก้ไขความผิดพลาด?
ขอโทษด้วย นั่นไม่ใช่งานของผู้คุมด่าน
ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าตัวไม่เอาไหนจำพวกนี้ไม่มีค่าให้เขาต้องเปลืองแรงถีบเลยแม้แต่น้อย “ต่อให้ไปถึง ‘แดนน่าสะพรึงสุดขีด’ นายก็มีแต่ตายเท่านั้น”
ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขากลัวพลาดโอกาสมีชีวิตรอดเพียงหนึ่งเดียว “ไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้ยังไง อย่างน้อยคุณก็น่าจะให้ผมได้ลองดูก่อน!”
ดีมอสเอียงหน้าน้อยๆ ยกนิ้วมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว ร่องรอยความเบื่อหน่ายปรากฏขึ้นมาในแววตา “การพยายามต่อสู้ด้วยเหตุผลเป็นคุณสมบัติที่ดี แต่สำหรับพวกไม่เอาไหนมันก็เป็นแค่เรื่องไม่รู้จักเจียมตัวเท่านั้น” เขาลดมือลง น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมชวนอึดอัดไม่ต่างอะไรกับเมฆครึ้มที่กระจายกันอยู่ทั่วฟ้า “ต่ำต้อย อ่อนแอ ไม่มีความสามารถในการแข่งขัน แถมยังไม่รู้จักเจียมตัว ทุกสิ่งที่ฉันเกลียดชังล้วนอยู่บนตัวนาย”
ริมฝีปากของชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาสั่นระริกอยู่สองที คิดจะเอ่ยปากอธิบาย แต่สายตาเย็นเยียบของดีมอสนั่นทำเขาพูดอะไรไม่ออก
จะว่าไปสิ่งที่ดีมอสพูดทั้งหมดล้วนเป็นความจริง
เขาอ่อนแอจริงๆ ร่างกายเล็กบางของเขานั้นไม่ว่าจะฝึกอย่างไรก็ไม่มีทางเป็นชายสักแขนรูปร่างกำยำเหมือนสมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่มได้ ต้นไอเทมหรือก็ไม่ได้เรื่องได้ราว เน้นป้องกันเป็นหลัก ความสามารถในการต่อสู้ก็ห่วยแตก
สามารถผ่านด่านมาถึงที่นี่ได้อย่างปลอดภัย ที่เขาทำมีก็แค่เพียงกอดขาคนในกลุ่ม กอดขาพรรคพวก กอดขาโชคชะตา บ้างก็อาศัยความคิดชั่วแล่น ความฉลาดเฉลียวเล็กๆ ทำให้ตัวเองไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าเอาดีไม่ได้สักอย่าง
ถูกลบหลู่ดูแคลนไม่ใช่สิ่งที่น่าอับอายที่สุด
ที่น่าอัปยศคือการไม่มีความมั่นใจที่จะตอบโต้กลับไป
ทุกคนต่างเห็นอารมณ์ความรู้สึกของชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาอยู่กับตา ก่อนหน้านี้ถึงเขาจะกลัวจนแทบจะร้อง แต่ก็ยังมีสติพอที่จะกล้าเอ่ยปากเสนอข้อต่อรองพิลึกพิลั่นกับดีมอส ทว่าตอนนี้เขากลับถูกอีกฝ่ายกดจนพูดอะไรไม่ออก
ยังไม่ทันที่ดีมอสจะได้ลงมือ ไม่แม้แต่จะได้สำรวจดูความหวาดกลัวที่อยู่ลึกลงไปในจิตใจของเขา แค่ใช้โอกาสที่ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาเป็นคนหยิบยื่นให้เปิดเผยเรื่องราวความรู้สึกหวาดหวั่นภายในจิตใจของอีกฝ่ายเอง เพียงเท่านี้สภาพจิตใจของชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาก็พังทลายหมดทุกด้านแล้ว
สำหรับคนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านแล้วพวกเขาไม่อยากเห็นใครถูกแสงสีม่วงห้อมล้อมอีก
ทว่าในเวลานี้ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขากลับยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้สู้ ทำเอาพวกเขาต่างนึกโมโหที่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะดิ้นรน
ไม่รู้ว่าแสงสีเหลืองอึมครึมในวิหารเทพเจ้าเริ่มเปลี่ยนองศาไปตั้งแต่เมื่อไหร่
เงาของเสาวิหาร รูปปั้นเทพเจ้า ผู้คุมด่าน รวมถึงคนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านล้วนถูกลากยาว
ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขายืนอยู่ภายใต้เงามืดของดีมอสพอดิบพอดี
ใบหน้างดงามถูกความมืดเข้าครอบงำ ดวงตาหรี่ลงคล้ายต้องการมองหาแสงสว่าง ทว่าสิ่งที่เขาพบเห็นกลับมีเพียงทักซิโดสีดำของผู้คุมด่านที่อยู่ตรงหน้ารายนั้น
“ไม่มีอะไรให้ต้องคุยกันอีกแล้ว” ดีมอสส่ายหน้า “นายอ่อนแอเสียจนแม้แต่ความหวาดกลัวของนายฉันก็ยังคร้านจะมองดู”
ความรู้สึกอยากปิดงานแต่โดยไวนั้นปิดบังไว้ไม่อยู่
สีหน้าของชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาเปลี่ยนเป็นสิ้นหวัง
ดีมอสไม่ใส่ใจ เขาหลับตาลงเล็กน้อย รวบรวมสมาธิก่อนจะเพ่งลึกเข้าไปในตาของชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขา
กำลังจะมีคนตายเพิ่มอีกคนแล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกับฉากที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้า แต่ก็ไม่มีใครสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ดังกล่าวได้ ทุกชีวิตที่ถูกพรากไปโดยง่ายนั้นล้วนแต่พร่ำเตือนคนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านทุกคนว่าต่อหน้าผู้คุมด่านพวกเขาล้วนเป็นแค่มดปลวก
“ฮือๆๆๆ”
เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังขึ้นกะทันหัน ก้องอยู่กลางวิหารเทพเจ้าไม่ต่างอะไรกับฟ้าผ่าหน้าแล้ง ทำเอาทุกคนต่างพากันตกอกตกใจ โดยเฉพาะพวกที่ไม่มีตราประทับซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด พวกเขาแต่ละคนแทบหัวใจหยุดเต้น
ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขายกแขนทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้า ร้องไห้คร่ำครวญปานจะขาดใจแสดงจุดยืนของตัวเอง “ผมไม่อยากตาย ฮือๆๆ ผมไม่มองตาคุณเด็ดขาด”
ดีมอส “…”
คนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่าน “…”
แค่ถูกจ้องก็ตาย งั้นพวกเราไม่สบตาก็ได้แล้ว การป้องกันทางกายภาพแบบนี้วิทยาศาสตร์เกินไปหรือเปล่า!
คุมด่านมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่ดีมอสรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนเหยียดหยาม
เพราะโดนดูถูกกันง่ายๆ เขาถึงได้คุมท่าทีสงบนิ่งไม่ใส่ใจของตนไว้ไม่อยู่ ดีมอสยื่นแขนไปหมายกระชากแขนที่เกะกะรำคาญตาทั้งสองข้างของชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาออก
ถึงชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาจะมองไม่เห็น แต่ประสาทสัมผัสของเขากลับฉับไว ทันทีที่มือของดีมอสแตะถูกเขาก็สะบัดมันออก ลนลานปิดหน้าวิ่งพรวดพราดออกจากกลุ่มคนที่ไม่มีตราประทับไป ไม่สนใจทิศทาง ไม่สนใจว่าจะวิ่งชนผนังอะไรหรือเปล่า เขาวิ่งพลางร้องอุทธรณ์ให้กับตัวเอง “ผมอายุยังน้อย ยังมีเวลาเติบใหญ่! ฆ่าผมตอนนี้คุณเท่ากับทำลายต้นอ่อน ทำลายความหวัง ทำลายอาทิตย์ที่เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้า! เอาเป็นว่าผมไม่อยากตายอยู่ที่นี่ ฮือๆๆ”
โครม!
ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาวิ่งไปถึงเสาที่ตั้งอยู่ปลายสุดของวิหาร สะดุดเข้ากับร่างของชุยจั้นที่นอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่ที่โคนเสาแบบพอดิบพอดี
ชายหนุ่มล้มตีลังกาหัวคะมำ โชคดีที่มีชุยจั้นเป็นเบาะเลยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็พบว่าด้านหน้าเป็นผนังไม่มีที่ให้หลบหนีอีก ดังนั้นจึงได้แต่ลุกขึ้น ฝืนหันหน้ากลับมา มองดูทุกคนลอดผ่านช่องว่างเล็กๆ ระหว่างนิ้ว
คนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านทั้งหมด “…”
พวกเขานึกอยากขอโทษชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขา
ถูกอำนาจบารมีของดีมอสกดทับไว้? ไม่คิดจะต่อสู้ดิ้นรนขัดขืน? น่าโมโหที่ทำตัวไม่เอาไหน?
ความต้องการมีชีวิตรอดสูงลิ่วของนายทำวิหารเทพเจ้าแทบระเบิดแล้วรู้หรือเปล่า!
ไม่ว่าใครก็ไม่อยากตายทั้งนั้น แต่ต่อหน้าคนที่มีความสามารถที่แตกต่างกันเกินกว่าจะเทียบเคียงได้นั้น ใช่ว่าทุกคนจะสามารถใช้ความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดเอาชนะความหวาดกลัวได้ ถ้าเอาชนะไม่ได้ก็มีแต่ต้องยอมรับชะตากรรม มีเพียงต้องเอาชนะให้ได้เท่านั้นถึงจะสามารถเปลี่ยนเสียงโอดครวญให้ฟังดูฮึกเหิมห้าวหาญ
น่าเสียดายที่ดีมอสไม่เล่นด้วย
“เลิกดิ้นรนได้แล้ว” เขาเดินตรงไปหาชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาช้าๆ สีหน้าการเคลื่อนไหวทั้งหมดกลับมาสุขุมเยือกเย็นเหมือนเก่า “ผลลัพธ์ของนายถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ทำไมถึงไม่ทำตัวเหมือนคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ ทำตัวว่านอนสอนง่ายสบายๆ ยอมรับมันแต่โดยดี”
ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขา “ผม…ไม่…ยอม…รับ!”
ถ้าไม่พิจารณาถึงท่าทางที่เขายกมือขึ้นปิดตานั่นแล้วล่ะก็ เสียงนี้เรียกได้ว่าดังกังวานเปี่ยมพลัง
ดีมอสยิ้มคล้ายกำลังมองดูแมลงน่าสมเพชตัวหนึ่ง “นายคิดว่าแค่ไม่มองตาฉัน ฉันก็ฆ่านายไม่ได้แล้วงั้นเหรอ”
ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาเนื้อตัวแข็งทื่อ
ดีมอสยังคงขยับเข้าไปใกล้ “ฉันก็แค่อยากให้นายไปสบายๆ หน่อยก็เท่านั้น แต่นายกลับไม่ต้องการ งั้นก็คงต้องเปลี่ยนมาใช้วิธีที่เจ็บปวดทรมานแล้ว”
ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาค่อยๆ ลดมือลง แววตาเหม่อลอยสับสนอยู่เล็กๆ
เขาไม่อยากเชื่อคำพูดของดีมอส
แต่สัญชาตญาณกลับบอกกับเขาว่านั่นเป็นเรื่องจริง
ดีมอสขยับมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขา
ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาชักเท้าถอยหลังอย่างไม่อาจควบคุม ดีมอสเดินขึ้นหน้าต่อ จนกระทั่งแผ่นหลังของชายหนุ่มแนบติดอยู่กับผนังดีมอสถึงได้หยุดเท้า พิงกายเข้ากับเสาที่อยู่ข้างๆ ห่างจากชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาเพียงก้าวเดียว
ที่ควรพูดก็พูดแล้ว ที่ควรทำก็ทำไปแล้ว ดีมอสมองดูชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาด้วยท่าทีแน่วแน่ “ตอนนี้อารมณ์ฉันยังไม่นับว่าแย่ ฉันจะให้เวลาสุดท้ายกับนายอีกห้าวินาที”
ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาไม่พูดไม่จา
เขาเม้มริมฝีปากบางๆ แน่น นิ่งเงียบอยู่เช่นนั้นจนหมดเวลา
ดีมอสเลิกคิ้ว เดิมเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะพูดเหลวไหลอะไรเสียอีก แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน คิดตกแล้วทุกคนจะได้ไม่ต้องยุ่งยากเสียเวลา
ท่ามกลางความเงียบงัน ประกายแสงคมกริบวับวาวปรากฏลึกอยู่ในดวงตาของเขา หนึ่งวินาทีต่อมา จู่ๆ เขาก็ขยับมือตรงเข้าหาลำคอของชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขารวดเร็วยากจะมองเห็นได้ชัด
ลมหายใจของทุกคนต่างหยุดชะงัก
ถ้าศักยภาพที่แท้จริงของดีมอสพอๆ กับผู้คุมด่าน 1/10 หรือแข็งแกร่งยิ่งกว่า ทันทีที่ลงมือลำคอบอบบางของชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขามีหวังได้ขาดแน่
นี่คงเป็นความตายแบบเจ็บปวดทรมานที่ดีมอสพูดถึง เป็นการมอบความตายแก่อีกฝ่ายที่ดีมอสรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถใดๆ!
มือของดีมอสบีบอยู่บนลำคอของชายหนุ่ม เหลือก็แค่จัดการขั้นสุดท้ายชะตาของอีกฝ่ายก็พร้อมจะถึงฆาต
แต่ทันใดนั้นจู่ๆ ร่างของดีมอสก็หันไปทางซ้าย มือที่เกาะกุมอยู่บนลำคอของชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาถูกเหวี่ยงออก คนทั้งคนหันไปกอดเสาวิหารเทพเจ้าไว้
กอดแน่น แนบสนิท
ชายหน้าตางดงามในชุดทักซิโดกอดเสาวิหารไว้เต็มกำลัง ภาพนี้แลดูงดงามเหลือกำลังรับ คนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านต่างไม่กล้ามอง
ทว่าเพราะยับยั้งความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นไม่สำเร็จ พวกเขาต่างพิจารณาดูเงาร่างท่วงท่างดงามของดีมอสในเวลานี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า จากเท้าจรดหัว หลังจากนั้นก็จากหัวจรดเท้าซ้ำอีกรอบ
ดีมอสหน้าคล้ำเขียวพยายามออกแรงดึงร่างตัวเองออกจากเสา หากพิจารณาดูดีๆ จะพบว่าท่าทางของเขาในเวลานี้ไม่คล้ายกำลังกอดเสาอยู่ แต่กลับเหมือนมีคนใช้กาวทาเขาติดกับเสา
ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาฉวยโอกาสวิ่งห่างออกไปแปดร้อยเมตร ซ่อนอยู่หลังเสาอีกต้น เหลือแต่หัวเท่านั้นที่โผล่ออกมามองดู
ดีมอสปลดกระดุมทักซิโดที่มีอยู่เพียงเม็ดเดียวออก หากยังไม่ปลดออกอีกเขาเกรงว่าคงหายใจไม่ออกแน่ “นายใช้ต้นไอเทมกับฉัน?”
“มันไม่ใช่ไอเทมโจมตี!” ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขารีบเอ่ยปากอธิบาย “ผมก็แค่ให้คุณกับวัตถุที่สัมผัสแนบติดอยู่ด้วยกัน ชื่อของมันคือ ‘เหมือนกาวคล้ายแล็กเกอร์’ ” เขาพยายามฉีกยิ้มจอมปลอม “ชื่อของมันฟังดูน่ารักใช่หรือเปล่า”
ดีมอส “…”
คนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านเข้าใจได้ทันที เมื่อครู่ดีมอสพิงอยู่กับเสาต้นที่อยู่ข้างๆ ตอนเขาคิดจะบีบคอชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาให้ตาย ร่างกายถึงจะขยับพ้นออกไปแล้ว แต่ไหล่ซ้ายกับเสานั่นยังคงสัมผัสกันอยู่เล็กๆ ดังนั้นชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาเลยใช้ต้นไอเทมทากาวลงบนไหล่ของดีมอส ให้ไหล่ซ้ายของเขาเป็นแกน ทันทีที่ดีมอสขยับตัวแรงๆ ร่างของเขาก็ดีดกลับไปทางซ้ายอย่างรวดเร็ว แนบติดอยู่กับเสา
“ผมยังไม่ได้ปลดต้นไอเทม” ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาเพิ่งตระหนัก “แต่คุณกลับพาตัวเองออกมาได้ ผู้คุมด่านอย่างพวกคุณแข็งแกร่งจริงๆ!”
ดีมอสจ้องมองอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งก่อนสายตาจะทอดมองไปยังกลุ่มคนที่ไม่มีตราประทับ “คนต่อไป”
กลุ่มคนที่ไม่มีตราประทับต่างตั้งตัวไม่ทัน สมาชิกกลุ่มข่งหมิงเติงรายหนึ่งหลุดปากถาม “ทำไม”
ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึงว่าคนที่สามารถทำลายคำสาปตายแหงแก๋ร้อยเปอร์เซ็นต์ของกลุ่มคนที่ไม่มีตราประทับได้สำเร็จจะเป็นชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขา!
ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขายิ่งตะลึง “ผมผ่านแล้ว?”
ดีมอสไม่สนใจชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขา เขาเลิกคิ้วมองไปทางสมาชิกกลุ่มข่งหมิงเติงที่เอ่ยปากนึกสงสัยรายนั้น “ไม่มีอะไร ฉันก็แค่อารมณ์ดีเท่านั้น”
คนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านกลุ่มที่ไม่มีตราประทับ “…”
ถูกต้นไอเทมเล่นงานหน่อยเดียวก็อารมณ์ดีแล้ว นายมันเป็นพวกมาโซคิสต์หรือไง!
คนที่อยู่ในกลุ่มที่มีตราประทับมีมุมมองความคิดต่อปัญหาที่กว้างกว่า เหตุผลที่ทำให้ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาผ่านด่านได้แน่นอนว่าไม่เพียงใช้ต้นไอเทมเท่านั้น หากแต่ยังมีความต้องการมีชีวิตรอดเต็มเปี่ยม ปิดตาแอ๊บแบ๊ว ใช้ต้นไอเทมลอบเล่นงานอีกฝ่าย ยกย่องความสามารถของอีกฝ่าย การกระทำทั้งหมดล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยกลอุบาย
“เจ้าอ้วนคนนั้น” ดีมอสเลือกคนจากกลุ่มคนที่ไม่มีตราประทับออกมาอย่างรวดเร็ว
สายตาของทุกคนกวาดมองไปยังร่างของฉงเยวี่ย
ฉงเยวี่ยยังคงมองซ้ายมองขวา
สมาชิกกลุ่มเถี่ยเซวี่ยอิ๋งที่อยู่ข้างๆ ตบไหล่เขา “ไม่ต้องมองแล้ว นายนั่นแหละ”
ฉงเยวี่ยปฏิเสธที่จะยอมรับความจริง
“คิดในแง่ดีเข้าไว้” สมาชิกกลุ่มสือเซ่ออีกรายเอ่ยปากกระซิบ ทั้งปลอบใจชาวบ้านทั้งปลอบใจตัวเอง “ฝั่งพวกเราผ่านได้คนหนึ่งแล้ว ไม่แน่ว่าหลังจากนี้ดีมอสอาจยังคงอารมณ์ดีเหมือนเดิม เปิดไฟเขียวให้พวกเราได้ตลอดทาง”
ฉงเยวี่ยรู้ว่าพวกเขาหวังดี
ทว่าเส้นประสาทที่ขึงเกร็งขึ้นมาอย่างรวดเร็วนั้นกลับไม่เปิดโอกาสให้เขาได้มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ เหล่านั้น
ดีมอสเดินเข้ามาแล้ว ขยับใกล้เข้ามาทุกขณะ
ฉงเยวี่ยรวบรวมพลังจิตเปิด ‘กล่องไอเทม’ ในหัว เลือกไอเทมที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว ‘[ป้องกัน] น้ำเย็นหนึ่งกะละมังใจร่มเย็น’ อย่างไม่ลังเล!
ดีมอสเดินไปได้เพียงครึ่ง ขณะที่กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องจู่ๆ บนหัวก็ปรากฏกะละมังพลาสติกสีสันสดใสที่บรรจุน้ำไว้จนเต็มใบหนึ่ง กะละมังนั่นเอียงกระเท่เร่ เทน้ำลงใส่ร่างของเขาเต็มๆ
ตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่มีส่วนไหนที่ไม่เปียก
ดีมอสยืนตะลึงอยู่กับที่ เส้นผมแนบติดอยู่กับหัว ท่วงท่าสูงส่งงดงามที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้ลับหายไป เหลือเพียงท่าทางกระเซอะกระเซิง งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น
กะละมังพลาสติกมากะทันหันและจากไปอย่างสง่างาม
ทิ้งไว้ก็แต่วิหารเทพเจ้าที่บรรยากาศจู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเงียบงัน
“เหตุผล?” ในที่สุดดีมอสก็เอ่ยปาก เขาควานหาตัวการพบได้ไม่ยาก แต่เพราะประหลาดใจสุดๆ ดังนั้นนอกจากความรู้สึกงุนงงแล้วใบหน้าของเขาก็ไม่มีอารมณ์อื่นใดปรากฏให้เห็นอีก “ทำไมถึงทำแบบนี้”
ฉงเยวี่ยกลืนน้ำลายติดๆ เรื่องราวเหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด “ไม่ใช่ว่าโจมตีคุณแล้วจะผ่านด่านได้หรอกเหรอ”
ดีมอสสะกดกลั้นความรู้สึกบุ่มบ่ามนึกอยากฆ่าอีกฝ่ายให้ตายด้วยการมองเพียงปราดเดียวอย่างสุดกำลัง “ใครบอกนาย”
“ไม่ต้องมีใครบอก ทุกคนล้วนเห็นชัดกับตา ชุยจั้นลงมือกับคุณ คุณอัดเขาจนสลบหลังจากนั้นก็ปล่อยให้ผ่าน ชายหนุ่มเจ้าของรอยสักลายเสือลงเขาคุณเองก็ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา บีบบังคับเขาไม่หยุด แต่สุดท้ายแค่เขาใช้ต้นไอเทม คุณก็…” ภายใต้ใบหน้าที่อึมครึมมากขึ้นทุกทีของดีมอส ความมั่นอกมั่นใจของฉงเยวี่ยค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเสียงงึมงำแผ่วเบา “…ก็ปล่อยให้เขาผ่านด่านแล้ว”
ดีมอสมองไปทางคนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านทั้งหมด
พวกเขาบางคนก็พยักหน้า บางคนก็ใช้สายตาบ่งบอกถึงความรู้สึกออกมาอย่างพร้อมเพรียง ใช่แล้ว ความชอบของนายพวกเราล้วนเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว
ดีมอส “…”
น้ำบนร่างหยดติ๋งๆ ลงกับพื้น เสื้อผ้าเปียกโชกทั้งหนักทั้งเย็น
ดีมอสสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาช้าๆ ถอดทักซิโดสีดำออก เหลือแต่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่อยู่ด้านใน ขณะที่กำลังพับแขนเสื้อสายตาของเขาก็บังเอิญกวาดมองไปทางกลุ่มคนที่มีตราประทับ เห็นไป๋ลู่เสียที่กำลังนั่งเกียจคร้านอยู่บนพื้น
เสื้อเชิ้ตสีขาวแบบเดียวกัน
ดวงตาของพวกเขาสบประสานกัน
ไป๋ลู่เสียชูมือขึ้นอย่างเป็นมิตร “ไม่เป็นไร ฉันไม่รังเกียจที่จะใส่เสื้อเหมือนกัน”
ดีมอส “…”
นี่คือคืนที่วุ่นวายที่สุดตั้งแต่เขาเคยคุมด่านมา ไม่มีอะไรเทียบได้
แสงสว่างภายในวิหารเทพเจ้าเคลื่อนไปอีกเล็กน้อย เอียงเฉียงมืดครึ้มมากขึ้นกว่าเดิม
พวกมันเหมือนจะใช้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ นี้บอกให้รู้ถึงการไหลเลื่อนของกาลเวลา
บางทีคืนค่ำของการผ่านด่านนี้กำลังจะผ่านพ้น
หรือบางทีอาจยังคงเนิ่นนานเหมือนเก่า
เรื่องที่คนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านรู้มีแค่เรื่องเดียวคือตัวเลขโหดร้ายพวกนั้น คนที่เข้ามายังวิหารเทพเจ้าได้มีทั้งหมดยี่สิบสี่คน ตายไปแล้วห้าคน ผ่านสามคน คนหนึ่งกำลังพูดคุย อีกสิบห้าคนกำลังเข้าคิวรอ
สุดท้ายดีมอสก็สวมทักซิโดกลับลงบนตัวใหม่อีกครั้ง
เขานึกรังเกียจที่จะใส่เสื้อเหมือนกับไป๋ลู่เสีย ดังนั้นจึงใช้ความสามารถปลดผลลัพธ์อันเกิดจากไอเทมของฉงเยวี่ยออก เปลี่ยนเสื้อผ้าให้แห้งสนิททั้งในและนอก
คนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ ในเมื่อเขาทำตัวเองให้แห้งได้แบบนั้น แล้วทำไมถึงไม่ใช้ความสามารถนั่นเสียแต่แรก แต่กลับแสร้งทำเป็นถอดเสื้อ
มีเพียงคนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านไม่กี่คนที่เข้าใจรวมไปถึงถังหลิ่น
เห็นได้ชัดว่าดีมอสจงใจเลี่ยงที่จะใช้ความสามารถของตน เว้นเสียแต่ตอนปลิดชีวิตของคนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่าน
ถังหลิ่นไม่รู้ความคิดอ่านที่แท้จริงของดีมอส แต่ถ้าเขาเป็นอีกฝ่าย บทสรุปย่อมหนีไม่พ้นคำว่าคนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้เห็นความสามารถที่มากกว่านี้ของเขา
ตอนอยู่ที่ด่าน 1/10 เทียร์เคยเผยให้เห็นถึงท่าทีเลิศล้ำสูงส่ง เมินเฉยต่อชีวิตของคนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่าน
ส่วนที่นี่ท่าทีพวกนั้นยิ่งชั่วร้าย
“ในที่สุดก็ได้เวลาพูดคุยกันต่อแล้ว”
หลังจากช่วงพักผ่านพ้นไปท่าทางของดีมอสก็ดีขึ้นมาก ถึงจะไม่กระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาเหมือนตอนเพิ่งเข้ามาในวิหารเทพเจ้าใหม่ๆ แต่ก็จัดได้ว่าสงบนิ่งเป็นสุข
เขาเดินมาหยุดอยู่หน้าฉงเยวี่ย พูดคุยเหตุผลกับอีกฝ่ายด้วยความอดทน “ประการแรกนายเข้าใจเรื่องมาตรฐานความหวาดกลัวของฉันผิด การที่ฉันให้เจ้าคนที่ถูกเล่นงานจนสลบนั่นผ่านด่าน ไม่ใช่เพราะเขาลงมือกับฉัน แต่เพราะฉันอารมณ์ดี ส่วนเรื่องที่เจ้าเด็กสักแขนผ่านด่านได้ก็ไม่ใช่เพราะเขาใช้ต้นไอเทม แต่เป็นเพราะฉันอารมณ์ดี ประการที่สองฉันไม่ชอบถูกคนโจมตี ตอนอารมณ์ดี ฉันอาจอดทนได้สักครั้งสองครั้ง แต่ถ้ายังมีครั้งที่สาม ฉันต้องโกรธแน่
ประการที่สามและสำคัญที่สุด” ดีมอสหยุดชะงักไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะยิ้ม “จากน้ำเย็นเมื่อกี้จนถึงตอนนี้ นายไม่ได้โง่ถึงขนาดลงมือเล่นงานฉันเป็นครั้งที่สอง ดีมาก”
เหงื่อเย็นไหลจากข้างแก้มของฉงเยวี่ยมาแขวนค้างอยู่บนคาง จะหยดก็ไม่หยด
ฉงเยวี่ยไม่ชอบตาของดีมอส
มันคล้ายตาของงูพิษที่เห็นแล้วชวนหนาวสะท้านไปทั้งแผ่นหลัง
“ตอนนี้นายเลยอยากเห็นความหวาดกลัวของฉัน?” เขากัดฟันเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก
ผู้คุมด่านยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว นอกจากสิ่งนี้ฉงเยวี่ยก็นึกอะไรอื่นไม่ออก
“แน่นอน” ดีมอสมองเข้าไปในตาของเขาด้วยความสนอกสนใจ “ฉันมีลางสังหรณ์ เหมือนว่าความหวาดกลัวของนายจะน่าสนใจไม่น้อย”
ฉงเยวี่ยกัดฟันแน่น ไม่พูดอะไรอีก
ความหวาดกลัวแบบไหนถึงจะทำให้ดีมอสสนใจได้ หรือว่าเป็นเรื่องจำพวกนึกถึงก็แต่เรื่องแต่งงานอะไรนั่น? ไม่ ไม่ใช่แน่
สิ่งที่ผู้คุมด่านที่อยู่ตรงหน้ารายนี้หมกมุ่นอยากขุดคุ้ยที่สุดก็คือความลับชวนสะพรึงที่สามารถทำให้คนอึดอัดย่ำแย่จิตใจพังทลายได้ง่ายที่สุด
“ที่แท้นายก็กังวลใจเรื่องนี้” การค้นหาสิ้นสุด รอยยิ้มของดีมอสขยายกว้าง “ยอดเยี่ยมจริงๆ นายกลัวหัวหน้ากลุ่มจะรู้ว่านายเป็นหนอนบ่อนไส้ กลัวว่าเขาจะรู้ว่านายเอาเรื่องที่เขาคิดเล่นงานกลุ่ม VIP ไปบอกให้กลุ่ม VIP รู้ กลัวพี่น้องในกลุ่มจะด่าว่านายเป็นคนทรยศ กลัวจะถูกส่งให้เข้าไปสัมผัสกับการขาดอากาศหายใจใน ‘ประสบการณ์ใต้ทะเลลึก 30 วินาที’ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
ภาพตรงหน้าของฉงเยวี่ยมืดดับ ทุกอย่างบิดเบี้ยว
เขาไม่กล้ามองกลุ่มหวนเซียงถวนและไม่อาจมองเห็นดีมอสได้ชัดแจ้ง จู่ๆ โลกทั้งใบก็คล้ายผสมปนเปเข้าด้วยกัน เหลือเพียงเสียงของดีมอสที่ยังลอยละล่องอยู่ที่ข้างหู ชัดเจนแจ่มแจ้งราวกับเสียงละเมอที่ดังลอดมาจากขุมนรก…
“ถ้าเรื่องราวพวกนี้เกิดขึ้น นายขอยอมตาย”
โปรดติดตามตอนต่อไป…