everY
ทดลองอ่าน ยุทธจักรเริงรมย์ ตอน สำนักภูษานิล เล่ม 2 บทที่ 1 #นิยายวาย
หัวคิ้วอวิ๋นชิงขมวดมุ่น รู้สึกคลื่นเหียน เสี่ยวชุนเห็นดังนั้นก็รู้สึกหดหู่จนทนไม่ไหว จึงตบหลังปลอบโยนอวิ๋นชิงเบาๆ แล้วว่า “เลิกคิดเถอะ เลิกคิดได้แล้ว ลืมเรื่องพวกนั้นซะให้หมด ปล่อยให้มันผ่านไป”
“จะไม่ให้คิดได้หรือ จะให้ลืมได้อย่างไร!” อวิ๋นชิงเอามือปิดปาก สีหน้าทุกข์ทน “หลังจากเราบุกยึดคุกได้สำเร็จ ข้าก็สั่งให้คนไปตัดนิ้วของเจ้าสารเลวพวกนั้นซะ”
เสี่ยวชุนจึงว่า “มิน่าเล่า เมื่อก่อนตอนที่ข้าเรียกเจ้าว่าคนงาม เจ้าถึงได้โกรธนักโกรธหนา”
อวิ๋นชิงจึงว่า “ถ้าเจ้าไม่ใช่มนุษย์ยาที่ร้อยพิษไม่กล้ำกราย คงตายไปหลายสิบรอบแล้ว”
“แต่สุดท้ายก็ไม่ตายนี่นา ฟ้ากำหนดให้เจ้าต้องทนข้าต่อไป” เสี่ยวชุนหัวเราะคิกคัก ท่าทางไม่แยแสสักนิด
“ข้าเถียงสู้เจ้าไม่ได้หรอก!” อวิ๋นชิงเบือนหน้าหนี
“เช่นนั้นต่อไปข้าจะไม่เรียกเจ้าว่าคนงามอีกแล้ว” เสี่ยวชุนว่า “เจ้าจะได้ไม่คิดถึงเรื่องพวกนั้นอีก” ไม่เอาคำว่าคนงามมาใช้ก็เก็บไว้ชื่นชมในใจ ต่อไปเขาไม่พูดออกมา แต่จะร่ำร้องเรียกอยู่แค่ในใจก็แล้วกัน
“หึ!” อวิ๋นชิงทำเสียงเยาะ “ก็แล้วแต่เจ้า” ที่จริงเขาไม่ถือสาอะไรหากเสี่ยวชุนจะเรียกเขาว่าคนงาม เวลาเสี่ยวชุนเรียกเขาว่าคนงาม หางตาที่ประดับรอยยิ้มก็จะได้มองแต่เขา ไม่ไปมองใคร เขาชอบให้เป็นอย่างนั้น
เสี่ยวชุนคอยปลอบประโลมด้วยถ้อยคำอบอุ่นอ่อนหวานหลายรอบจนอวิ๋นชิงคลายโทสะลงได้มาก แต่พอเห็นเสี่ยวชุนทั้งเจ้าเล่ห์ลื่นไหลทั้งชอบทำให้เขาต้องปวดหัวอย่างนี้ อวิ๋นชิงก็อยากจะเค้นคออีกฝ่ายให้ตายคามือ
เจ้าคนนี้ บางครั้งเขาก็อยากจะปล่อยให้ตายๆ ไปซะ จะได้ไม่ต้องคอยเป็นห่วงจนหัวใจกระสับกระส่ายไม่เป็นสุขตลอดเวลา แต่เมื่อหวนนึกถึงตอนที่ตนเองเคยสูญเสียอีกฝ่ายไป รสชาติความเจ็บปวดทุกข์ระทมใจเช่นนั้นช่างเกินจะทานทนไหว
เมื่อฉุกคิดถึงช่วงสองปีกว่าที่ต้องพรากจากกันขึ้นมาอวิ๋นชิงก็ตระหนก คว้าตัวเสี่ยวชุนมากอดไว้ในอ้อมอก ให้แน่ใจว่าเขายังอยู่จริงๆ ไม่ใช่เพียงภาพซึ่งปรากฏชั่วครู่แล้วหายวับอย่างไร้ร่องรอยไปในชั่วพริบตา
“เป็นอะไรไป” เสี่ยวชุนจู่ๆ ถูกอวิ๋นชิงดึงตัวมากอดก็ตกใจเล็กน้อย จึงถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไร” อวิ๋นชิงตอบเบาๆ “เจ้าอย่าเถียงกับข้าเรื่องคนอื่นอีกเลย ข้าไม่อยากทะเลาะกับเจ้า” อวิ๋นชิงเกยคางบนศีรษะเสี่ยวชุน ความรู้สึกปั่นป่วนที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นนั้นทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
“ไม่เถียงก็ไม่เถียง เจ้าบอกไม่อยากทะเลาะกัน ข้าก็จะไม่ทะเลาะ” เสี่ยวชุนซบนิ่งอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ในอ้อมกอดของอวิ๋นชิง
พวกเขาทั้งสองต้องพรากจากกันราวกับอยู่คนละโลกมาหลายครั้งหลายครา ความรักซึ่งยากจะได้มานี้จึงล้ำค่า เสี่ยวชุนไม่อยากให้อวิ๋นชิงทุกข์ใจเลย
อวิ๋นชิงโอบกอดเสี่ยวชุนไว้แน่น ไม่สนใจสิ่งใดอีก เดิมทีอยากจะกอดไว้อย่างนี้ไปตราบนานเท่านาน ทว่ากลับรู้สึกผิดปกติ พอสังเกตดูดีๆ จึงค่อยพบว่าเนื้อตัวเสี่ยวชุนเย็นเฉียบลงทุกที เย็นราวกับสายฝนที่ตกอยู่ด้านนอกเลยทีเดียว
อวิ๋นชิงแอบโคจรลมปราณ ขณะเดียวกันก็นวดฝ่ามือเสี่ยวชุนไปด้วยเพื่อส่งผ่านกระแสพลังปราณอ่อนโยนเข้าไปในฝ่ามือ พลังปราณนั้นแล่นจากชีพจรไปตามกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น โคจรวนเวียนอยู่ในร่างกายของเสี่ยวชุน
“ทำไมร่างกายของเจ้าจึงเย็นเฉียบอย่างนี้ โรคขี้หนาวยังไม่หายอีกหรือ เจ้าเป็นถึงยอดแห่งผู้มีวิชาแพทย์กลับไม่รู้จักดูแลตัวเอง!” อวิ๋นชิงขมวดคิ้วพลางพูดอย่างเคืองๆ
เสี่ยวชุนได้แต่ตอบว่า “ถ้าเจ้าถูกแช่แข็งอยู่ในน้ำแข็งพันปีนานนับเดือนเหมือนคนตายแล้วถูกช่วยออกมาจากโลงศพก็คงเป็นเหมือนข้านี่แหละ อีกอย่างมนุษย์ยาก็ตัวเย็นอยู่แล้ว ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย พละกำลังก็จะถดถอย ตัวก็จะยิ่งเย็นลงอีก ที่จริงเรื่องนี้ก็ไม่ได้สำคัญหรือน่าเป็นห่วงอะไรนักหรอก”
“เอาแต่บอกว่าไม่สำคัญอยู่นั่นแหละ ถ้าเกิดอะไรคอขาดบาดตายขึ้นมาจะทำอย่างไร!” อวิ๋นชิงเป็นห่วง รีบพูดว่า “ไม่ได้การ ที่นี่อยู่ไม่ห่างจากเมืองหลวง ข้าจะรีบตามหมอหลวงมารักษาเจ้า”
“ข้าเองก็เป็นหมอ จะตามหมอมาทำไมอีกเล่า! ข้าว่าวิชาแพทย์ของพวกเขาไม่ถึงครึ่งของข้าด้วยซ้ำ”
เสี่ยวชุนได้ยินว่าอวิ๋นชิงจะตามหมอมาก็ทำหน้าเครียดทันที
เสี่ยวชุนพูดขึ้นอีก “เจ็บป่วยเล็กน้อยแค่นี้ข้าไม่เป็นอะไรมากนักหรอก สภาพชีพจรของพวกมนุษย์ยาอย่างข้าไม่เหมือนคนทั่วไป พวกตาแก่ในเมืองหลวงที่วันๆ เอาแต่มุดหัวอยู่กับหนังสือ เขียนใบสั่งยาตามตำราแพทย์ จะมาตรวจชีพจรได้แม่นยำหรือ อีกอย่างข้าเป็นหมอเทวดา หมอเทวดายังต้องหาหมอหลวงมารักษา เกิดเรื่องนี้แพร่ออกไปข้าจะพบหน้าผู้คนได้หรือ”
“รักษาตัวเองไม่ได้ ความเป็นหมอเทวดาของเจ้าจะไปมีประโยชน์อะไร เสียเปล่าแท้ๆ” อวิ๋นชิงบีบมือแรงขึ้นจนเสี่ยวชุนร้องโอ๊ย
“ก็ได้ๆ ข้าจะต้มยากระตุ้นเลือดขจัดความเย็นมากินสักหลายๆ หม้อ! กินให้มันร้อนทั้งวันจนเจ้าเอาข้าไปกอดรับไออุ่นแทนเตามือได้เลย ดีหรือไม่” เสี่ยวชุนรีบบอก เขากลัวจริงๆ ว่าอวิ๋นชิงจะเรียกหมอมาตรวจร่างกาย แค่อาการเจ็บป่วยเล็กน้อยก็ยังรักษาไม่ได้ คงถูกผู้คนหัวเราะเยาะเข้าให้
อวิ๋นชิงยังอยากอ้าปากโต้กลับไป เสี่ยวชุนจึงแกล้งกระแอมกระไอเบาๆ ทำท่าทางเหมือนหนาว จงใจหันไปซบอ้อมกอดอวิ๋นชิง โบกมือไปมาต่อหน้าพลางร้องโอดครวญ “เฮ้อ วันนี้ทำไมหนาวนักนะ ช่วยนวดมือให้หน่อยสิ”
เสี่ยวชุนไม่อยากจะทะเลาะกับอวิ๋นชิงอีก เขารู้ดีว่าตัวเองกับอวิ๋นชิงโกรธกันง่าย หากไม่ยั้งไว้บ้างคงต้องโกรธจนทะเลาะกัน แล้วอวิ๋นชิงก็จะไม่มีความสุข
อวิ๋นชิงถูกเสี่ยวชุนเอาศีรษะมาซุกกับอกอย่างแรงจนเจ็บ กลับได้แต่ทำเสียงหึพลางกอดเสี่ยวชุนไว้แน่น ในใจรู้สึกทั้งรักทั้งสงสารเขาเหลือเกิน อวิ๋นชิงจึงจับมือเสี่ยวชุนไว้แล้วนวดให้อุ่นร้อน
เสี่ยวชุนรู้สึกสบายจนต้องถอนหายใจออกมา ทิ้งตัวแอบอิงอวิ๋นชิงอย่างเกียจคร้านแล้วบอกว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว” จากนั้นก็ไม่ขยับตัวอีก
อวิ๋นชิงเห็นเช่นนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก เขารู้ว่าเสี่ยวชุนอยากจะพักผ่อนจริงๆ
เสี่ยวชุนอมยิ้มแล้วหลับตาลง อันที่จริงในใจเสี่ยวชุนก็ไม่ยินยอมที่จะให้อวิ๋นชิงสิ้นเปลืองพลังปราณเพื่ออุ่นมือให้ เมื่อก่อนมีหลายครั้งที่เขาไม่อยากจะให้อวิ๋นชิงทำอย่างนี้จึงหาเตามือมาใช้ แต่ครั้งก่อนหน้านี้สาวใช้ในวังอ๋องไม่ทันระวังทำเตามือร้อนมากเกินไป ทำให้ลวกมือเขาจนเป็นแผลพุพองปื้นใหญ่ อวิ๋นชิงโกรธจัดจนเกือบจะชักกระบี่ออกมาฆ่าคนเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้เสี่ยวชุนจึงต้องโยนเตามือพวกนั้นทิ้งไปแล้วยอมซุกในอ้อมกอดของอวิ๋นชิงแทน
พอร่างกายอุ่นก็เริ่มจะเคลิ้มหลับ เสี่ยวชุนถูกอวิ๋นชิงพยุงไปที่เตียงในสภาพงัวเงีย เสื้อผ้าถูกคลายออกส่งเสียงดังสวบสาบ เขาคิดว่าพออวิ๋นชิงช่วยเปลื้องผ้าออกแล้วก็จะปล่อยให้เขาหลับดีๆ จึงทำเสียงหึ พึมพำสองสามคำแต่ก็ไม่ได้ดิ้นหนี ปล่อยให้อีกฝ่ายจับตัวพลิกไปพลิกมาตามอำเภอใจ