everY
ทดลองอ่าน ยุทธจักรเริงรมย์ ตอน สำนักภูษานิล เล่ม 2 บทที่ 1 #นิยายวาย
พอเนื้อหนังสัมผัสกันอวิ๋นชิงก็สั่นสะท้านน้อยๆ ความเย็นจัดนี้ออกจะไม่ปกตินัก มนุษย์ยาจัดเป็นพวกธาตุเย็น มีแต่ต้องอาศัยเลือดวิเศษจึงจะต้านทานความหนาวเหน็บนั้นได้ ตอนนั้นเสี่ยวชุนไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น ถึงกับยอมตายเพื่อจะมอบเลือดวิเศษในหัวใจให้แก่เขา วันนี้ร่างกายจึงเสียหายถึงเพียงนี้
อวิ๋นชิงสัมผัสคนที่หรี่ตาสะลึมสะลือนอนหลับสบาย ในโลกนี้ไม่มีใครอีกแล้วที่จะสำคัญยิ่งไปกว่าคนผู้นี้ สิ่งดีงามที่เสี่ยวชุนทำให้ เขาจะจดจำไว้ชั่วชีวิต และจะคอยโอบกอดถ่ายทอดพลังปราณให้เช่นนี้ตลอดไป จะไม่ยอมปล่อยให้เสี่ยวชุนต้องหนาวเหน็บจนตาย
ร่างกายอบอุ่นช่างน่าดึงดูด เสี่ยวชุนเกี่ยวขาก่ายร่างอวิ๋นชิง เบียดร่างเข้าชิดใกล้สนิทแนบแน่น ไม่เหลือช่องว่างระหว่างกันอีกต่อไป
อวิ๋นชิงไม่คิดว่าจู่ๆ เสี่ยวชุนจะมากอดก่ายเช่นนี้ ส่วนหนึ่งในกายที่แต่เดิมสงบนิ่งอยู่ก็เหมือนถูกกระตุ้นจนร้อนผ่าว แต่เสี่ยวชุนเพียงแค่ถอนหายใจอย่างพึงพอใจ ไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป
อวิ๋นชิงก้มลงจุมพิตดวงตาของเสี่ยวชุน แต่เสี่ยวชุนหลับสนิทไปแล้ว ไม่ได้รับรู้การกระทำของอวิ๋นชิงเลย
เพราะสัมผัสที่อบอุ่นเช่นนี้ ไม่ช้าเนื้อหนังที่ใกล้ชิดกันก็ไม่เพียงพอเสียแล้ว ลมหายใจของอวิ๋นชิงถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ อวิ๋นชิงจูบสัมผัสผิวกายทุกส่วนของเสี่ยวชุนด้วยลมหายใจที่อุ่นชื้น
“อวิ๋นชิง ข้าจะนอน” เสี่ยวชุนขยี้ตา เส้นผมของอวิ๋นชิงปัดไปมาบนใบหน้าและลำคอเขาอย่างอ่อนโยน ทำให้รู้สึกจั๊กจี้จนต้องหดคอ
“จะนอนก็นอนไปสิ ข้าก็ไม่ได้ห้ามเจ้าเสียหน่อย” อวิ๋นชิงขบเม้มริมฝีปากเสี่ยวชุนแผ่วเบา ยิ่งทำให้รู้สึกหวามไหว
เสี่ยวชุนทนไม่ไหวจนต้องหัวเราะออกมา “จั๊กจี้น่า”
เมื่อเสี่ยวชุนเผยอปาก อวิ๋นชิงก็ถือโอกาสสอดลิ้นเข้าไป หยอกเย้าด้วยปลายลิ้น สัมผัสอันสากหยาบชวนให้สั่นสะท้าน เสี่ยวชุนทนไม่ไหวจนต้องร้องครางออกมา
เพียงแค่เสียงครางแหบต่ำที่แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินก็ทำให้ความเร่าร้อนลุกโพลงขึ้นในร่างอวิ๋นชิง ความรุ่มร้อนบริเวณท้องน้อยของอวิ๋นชิงพลุ่งพล่าน เขากดเสี่ยวชุนลง
เสี่ยวชุนไขว่คว้าสติสัมปชัญญะที่เตลิดไปไกล ต้องพยายามแทบแย่กว่าจะเรียกสติกลับมาได้ ออกแรงจะผลักอวิ๋นชิงออกไปแต่จนปัญญาที่ถูกจับตัวไว้แน่น หนำซ้ำตัวเองก็กำลังง่วงงุนไร้เรี่ยวแรง พอขยับส่วนล่างเพื่อจะหนีก็กลับกลายเป็นยิ่งบดเบียด นี่ยิ่งเหมือนน้ำมันราดลงบนกองไฟ อวิ๋นชิงทนไม่ไหวอีกต่อไป คว้ามือเสี่ยวชุนไปแตะร่างกายใต้ท้องน้อยของตนเพื่อให้เสี่ยวชุนช่วยคลายกำหนัด
เมื่อแตะถูกส่วนที่แข็งขึงในกางเกงตัวในของอวิ๋นชิง เสี่ยวชุนที่กำลังล่องลอยก็ถึงกับหน้าร้อนผ่าว
“อวิ๋น…อวิ๋นชิง…ยังไม่ได้อาบน้ำเลย…สกปรกอย่างนี้เจ้าไม่รังเกียจรึ” เสี่ยวชุนกระแอม ถูกยั่วอย่างนี้ไหนเลยจะหลับลง หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
“บอกแล้วนี่ว่าเจ้าไม่สกปรก” อวิ๋นชิงตอบเรียบๆ ล้วงมือเข้าไปใต้กางเกงตัวในของเสี่ยวชุน
“อืม…” เสี่ยวชุนแอ่นเอวขึ้น เสียงที่พูดถึงกับสะดุดไป อวิ๋นชิงเคลื่อนขยับเดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบาจนเขาหัวหมุน มือที่สั่นเทาของตนลูบจับให้อวิ๋นชิงได้ไม่กี่ครั้งก็ทนความร้อนผ่าวนั้นไม่ไหวจนต้องชักมือออกมา
อันที่จริงเสี่ยวชุนชอบที่จะลูบไล้เอวของอวิ๋นชิง คนผู้นี้สวมชุดผ้าไหมสีขาวได้น่ามองเหลือเกิน เอวที่ดูเหมือนจะบอบบางอ้อนแอ้น แต่อันที่จริงแล้วกลับยืดหยุ่นเพรียวงามสมส่วน ผิวที่นุ่มละมุนยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เพียงลูบไล้ไม่กี่ครั้งก็หลงใหลจนยากจะรามือ
หากไม่กลัวว่าอวิ๋นชิงจะโกรธ เสี่ยวชุนก็อยากจะบอกให้ฟังว่าเขาเป็นคนที่ ‘งดงามชวนตะลึงตั้งแต่เกิด’ แต่ก็รู้ว่าหากพูดไปตนจะต้องตกที่นั่งลำบากแน่ อวิ๋นชิงไม่ชอบให้ใครมาจุกจิกจู้จี้เกี่ยวกับหน้าตาของเขา โดยเฉพาะการพูดจาประจบเอาใจ
ชั่วขณะที่จิตใจกำลังล่องลอย เสี่ยวชุนรู้สึกเหมือนถูกยกขาขึ้นสูง จึงพยายามดิ้นแล้วเตะถีบไปสองที แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งนิ้วขาวเรียวยาวของอีกฝ่ายที่กำลังปาดป้ายยาขี้ผึ้งเย็นๆ เข้าไป
“เมื่อเช้าเราทำกันบนรถม้าแล้วไม่ใช่หรือ” เสี่ยวชุนบ่นเบาๆ น้ำเสียงแหบพร่า “ทำวันละหลายครั้งอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน พรุ่งนี้เจ้าต้องตื่นแต่เช้า วันนี้ละเว้นข้าไม่ได้หรือ”
“ไม่ได้” อวิ๋นชิงสะกดลมหายใจ ตอบด้วยเสียงลมหายใจสะดุดเบาๆ เขาต้องการเสี่ยวชุน ต้องการอยู่ทุกเวลา อยากจะแน่ใจว่าคนผู้นี้ยังอยู่ข้างกาย อยากแน่ใจว่าเป็นเสี่ยวชุนจริงๆ
“วิปริตนี่นา…ทำคนเขาจนเหนื่อยแล้วยังไม่ยอมให้หลับให้นอน…” เสี่ยวชุนบ่นพึมพำ เนื่องจากฝนตกต่อเนื่องมาหลายวันจึงรู้สึกปวดในกระดูกไปหมด จะขัดขืนก็ไม่มีเรี่ยวแรง
“อยู่ข้างล่างจะไปเหนื่อยได้อย่างไร เจ้าไม่อยากก็บอกมา!”
นอกหน้าต่างมีลมพัดจนแสงเทียนบนโต๊ะวูบไหว แสงสลัวส่องลอดม่านกั้นรอบเตียงเข้ามาจางๆ อวิ๋นชิงค่อยๆ แทรกกายเข้าไปในตัวเสี่ยวชุน และเพราะได้ทำไปเมื่อเช้าแล้ว คราวนี้จึงสอดเข้าไปได้อย่างง่ายดาย แทรกกายเข้าไปลึกสุดโดยไม่มีอะไรกั้นขวางแล้วค่อยเคลื่อนขยับเบาๆ
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอันอ่อนโยนดุจสายน้ำฤดูวสันต์ของเสี่ยวชุนเบิกกว้างเล็กน้อย ใบหน้างดงามที่ดูดื้อรั้นแฝงด้วยความรู้สึกรัญจวนใจอย่างยากจะควบคุมตัวเอง เส้นผมของเขาแผ่สยายยุ่งเหยิงอยู่บนผ้าปูที่นอน จังหวะกระแทกกระทั้นก่อเกิดความเสียวซ่านจนร่างเขาสั่นสะท้านน้อยๆ สองแก้มแดงระเรื่อ เสียงครางต่ำอย่างแหบแห้งดังลอดออกมา
“ก็…อืม…ร้องจนเหนื่อย…ร้องอยู่ตลอด…จนปากคอแห้งแล้วก็ยังไม่ได้พักดื่มชานี่นา…” เสี่ยวชุนบ่นกระปอดกระแปดไม่หยุด “อา…อย่าดันตรงนั้น…เบาหน่อย…”
ในสายตาอวิ๋นชิง เสียงบ่นกล่าวโทษของเสี่ยวชุนนั้นถูกมองเป็นอย่างอื่น เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงยิ่งทำอย่างว่องไวและเร่าร้อนขึ้นเสียจนเสี่ยวชุนต้องจิกผ้าปูที่นอนไว้แน่น หอบหายใจไม่หยุด
“ค่อย…ค่อยๆ…ค่อยๆ หน่อยสิ…” ในดวงตาเสี่ยวชุนมีน้ำตาเอ่อคลอ ความรุนแรงที่ทั้งยากจะรับไหวและสุขสมเข้าจู่โจมอย่างบ้าคลั่งจนต้านทานไม่ไหว
“เจ็บมากรึ” เสียงที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของอวิ๋นชิงถามขึ้น
“อืม” เสี่ยวชุนถอนใจตอบเบาๆ
อวิ๋นชิงกระแทกกระทั้นรุนแรงอีกสองสามครั้ง ทำเอาเสี่ยวชุนต้องกัดฟันหลับตาปี๋ จากนั้นอีกฝ่ายจึงค่อยผ่อนให้เนิบช้า แทรกเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่าจนเสี่ยวชุนผ่อนคลาย
อวิ๋นชิงดึงท่อนขาเสี่ยวชุนขึ้นชิดอก ค่อยๆ แทรกกายเข้าไปจนสุดแล้วถอนออกอีกครั้งอย่างช้าๆ จนเกือบจะออกมา จากนั้นก็สอดเข้าไปลึกสุด วนเวียนอย่างไม่ยอมละวางถึงจุดที่เสี่ยวชุนต้องร้องคราง เสียดสีรุนแรงภายในนั้นจนถึงส่วนที่อ่อนไหวที่สุด
ทุกครั้งที่สัมผัสถูกถึงตรงนั้น เสี่ยวชุนทนไม่ไหวอีกต่อไป ต้องแหงนหน้าขึ้นเปล่งเสียงร้อง “อ๊า!”
อวิ๋นชิงก้มหน้าลงขบลำคอเรียวงามของเสี่ยวชุน โลมเลียเดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบา ส่วนล่างยังเคลื่อนขยับไม่หยุดราวกับจะแหวกร่างเสี่ยวชุนออกมาลิ้มชิมรสให้ทั่ว เขาปรารถนาให้ลมหายใจของตนประพรมไปทั่วร่าง ทั่วแขนขา แทรกเข้าไปในเลือดเนื้อและกระดูก ประทับไว้ชั่วชีวิตไม่เลือนหาย