ในที่สุดคนชุดดำผู้หนึ่งต่อสู้ฟาดฟันจนเข้ามาใกล้เสี่ยวชุนมากเกินไป สององครักษ์ที่อยู่ข้างๆ รีบเข้ามากันอีกฝ่ายไว้ ทันใดนั้นสถานการณ์ก็เหมือนถูกทำให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ทุกคนล้วนถูกลากเข้าไปในการวิวาทโดยไม่แบ่งแยกแล้วว่าใครเป็นใคร
เสี่ยวชุนฉวยโอกาสล้วงเข้าไปในแขนเสื้อหยิบอาวุธลับออกมา แต่ยังไม่ได้ขว้างก้อนเงินที่กำไว้ในมือออกไปก็มีร่างเล็กร่างหนึ่งทะยานมาหา กระแทกกับโต๊ะที่อยู่ด้านหน้า ชาร้อนทั้งกาถูกชนกระเด็น ฝากาเปิดอ้าออก น้ำชาร้อนกระฉอกออกมาสาดใส่ร่างเสี่ยวชุน
เสี่ยวชุนถูกน้ำชาร้อนลวกจนสะดุ้ง ร้องเอะอะรีบพัดลมใส่ตัว แต่หางตากลับมองเห็นว่ายังมีคนชุดดำบุกเข้ามาอีก จึงไม่สนใจความเจ็บปวดบนตัวแล้วรีบโอบร่างสาวน้อยไว้เพื่อคุ้มกัน ช่วยปัดป้องกระบี่ยาวหลายเล่มที่ฟาดฟันลงมาใส่นาง
“เป็นอะไรหรือไม่!” เสี่ยวชุนถามอย่างร้อนใจ หากสาวน้อยเกิดบาดเจ็บขึ้นมาคงไม่ดีแน่ ยังไม่ต้องพูดถึงว่านางเป็นแค่หญิงสาว บอบบางออกอย่างนี้จะปล่อยให้ใครมาข่มเหงรังแกได้อย่างไร
แต่เพราะประโยคที่เสี่ยวชุนพูดขึ้นมานั้นเองทำให้คนที่อยู่ในอ้อมอกถึงกับเงยหน้าขึ้นแล้วบอก
“พี่ชายน้อย! พี่ชายน้อยช่วยข้าด้วย!”
หญิงสาวชุดดำในอ้อมอกเสี่ยวชุนต่อสู้จนผมเผ้ายุ่งเหยิง ถูกกระบี่ฟันตามตัวไปหลายแผล เลือดสดๆ หยาดหยดลงพื้น
ใบหน้าขาวซีดของนางไม่เหลือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว มีก็แต่เพียงความน่าเห็นใจ ริมฝีปากที่สั่นระริกร้องขอความช่วยเหลือจากเสี่ยวชุนอย่างน่าสงสาร พูดจบยังกระอักเลือดสดๆ ออกมาเปรอะร่างเสี่ยวชุนอีกด้วย ชั่วขณะนั้นเองเสี่ยวชุนก็รู้สึกว่าพวกสำนักภูษานิลนี่เป็นพวกสารเลวไร้หัวใจ ถึงกับลงมือโหดเหี้ยมกับหญิงสาวที่น่าสงสารได้ถึงเพียงนี้
เสี่ยวชุนทนไม่ไหวอีกแล้ว ลืมกระทั่งอาการบาดเจ็บของตัวเองว่าไม่อาจเดินลมปราณได้ ชักกระบี่มังกรครวญที่เหน็บเอวไว้ออกมาฟาดฟันจนสาวกสำนักภูษานิลที่เข้าใกล้กระเจิงไป แต่พอเดินลมปราณกลับต้องเหนื่อยจนหอบแฮกๆ
สภาพการณ์ในโรงเตี๊ยมวุ่นวายสับสน มีคนบุกเข้ามาโจมตีเขาไม่ขาดสาย คมกระบี่ของเสี่ยวชุนแต่ไหนแต่ไรมาไม่กระหายโลหิตและไม่ได้ชอบฆ่าคน เมื่อหมดหนทางจึงโอบเอวสาวน้อยดีดตัวขึ้นด้วยวิชาตัวเบา พาทะยานออกไปยังที่โล่งข้างนอก จากนั้นก็เตลิดหนีอย่างเร่งร้อนจนกระทั่งออกไปถึงนอกเมืองที่เริ่มร้างผู้คน ร่างกายเริ่มหมดแรง มีสายลมสองสายพัดวูบผ่านตัวเขา ในที่สุดอีกฝ่ายก็ตามมาทัน
ทันใดนั้นหญิงสาวก็กรีดร้องขึ้นมา “พี่ชายน้อย! ระวัง ช่วยปกป้องข้าด้วย!”
คมกระบี่บางเฉียบราวกับใบไม้พุ่งมาพร้อมเงาร่างสีดำที่ปราดเข้ามาจู่โจม พอเสี่ยวชุนวาดกระบี่ขึ้นต้าน เลือดในอกก็ปั่นป่วนขึ้นมา พลังกระบี่จึงถดถอย ตกที่นั่งลำบากจวนจะเพลี่ยงพล้ำอยู่รอมร่อ
เสี่ยวชุนส่ายศีรษะ สาวน้อยนางนี้ช่างกรีดร้องเก่งจริงๆ กรี๊ดกร๊าดจนเขาเวียนหัวไปหมดแล้ว “โธ่! หูข้า เจ้าเบาๆ หน่อยได้หรือไม่ หูข้าจะแตกอยู่แล้ว”
“กระบี่พุ่งมาแล้ว! พุ่งมาแล้ว ปกป้องข้าที!” สาวน้อยกรีดร้องอย่างร้อนใจ
เสี่ยวชุนแทบจะหมดเรี่ยวแรงแล้ว หากเป็นคนทั่วไปเกรงว่าคงทิ้งกระบี่ยอมแพ้ มอบศีรษะให้ผู้ตามล่าเอากลับไปขอรับรางวัลแล้ว แต่ต่อให้เขาไม่มีกำลังต่อสู้ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่เอามาใช้ประโยชน์ได้ เจ้าพวกนี้ก็แค่ลูกจ๊อก แปดเซียนชุดดำอะไรกัน ไม่เคยได้ยิน ไม่เห็นจะน่าตกใจกลัวตรงไหน
เสี่ยวชุนค่อยๆ แสยะยิ้มให้คนเหล่านั้น เป็นรอยยิ้มที่ดูแสนจะชั่วร้าย คนชุดดำที่อยู่ใกล้เขามากที่สุดเริ่มรับรู้ได้ถึงอันตรายก็ตกตะลึงจนยืนนิ่งขึงอยู่กับที่ไปทันใด
เสี่ยวชุนสะบัดชายแขนเสื้อ ผงไร้สีไร้กลิ่นก็ฟุ้งกระจายไปตามลม คนพวกนั้นแตกฮือทันใด บางคนยังทำทียิ้มเยาะ บ้างมองดูเสี่ยวชุนอย่างเย้ยหยันราวกับเห็นลูกไม้นี้มาบ่อยแล้ว
“อ้อ สำนักภูษานิลช่างแตกต่างจริงๆ” ต้องเป็นเพราะศิษย์พี่ใหญ่สั่งสอนเรื่องการใช้พิษเอาไว้แน่ คนพวกนี้จึงได้เชี่ยวชาญ แม้แต่วิธีหลบยาสลบทำอย่างไรก็ยังรู้
“เข้ามา!” เสี่ยวชุนขว้างยาออกไปอีก
คนเหล่านั้นยังกระโดดไปมา ไม่ยอมให้ผงยามาโดนตัว
“คอยดูไม้ตายของข้า!” เสี่ยวชุนยังคงทำท่าขว้าง แต่คราวนี้กลับกลายเป็นท่าลวงอันว่างเปล่า
รอจนคนพวกนี้หมุนตัวหลบไปมาจนมึนหัว เสี่ยวชุนก็ฉวยโอกาสขว้างกระสุนหมอกอำพรางตัวที่ทำจากพริกใส่ศัตรู เป็นกระสุนอันร้ายกาจที่ทำมาโดยเฉพาะ ใครถูกกระสุนนี้เข้าเป็นต้องแสบร้อนทรมาน
ทันใดนั้นก็เห็นแสงไฟสว่างวาบขึ้นรอบด้าน ควันสีขาวลอยคลุ้ง กลุ่มคนที่อยู่ตรงนั้นทั้งไอทั้งสำลักจนน้ำตาคลอตาพร่าไปหมด
เสี่ยวชุนก็ไออย่างแรง แต่ก็รีบฉวยโอกาสนี้โอบเอวสาวน้อยแล้วอำพรางร่างหลบหนีไปท่ามกลางหมอกควันหนาทึบ หนีรอดจากพวกสำนักภูษานิลที่น้ำหูน้ำตาไหลพราก ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันร้องก่นด่าออกไปได้
โปรดติดตามตอนต่อไป…