X
    Categories: everYPsychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 4 บทที่ 141 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 4

ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)

แปลโดย : ปราณหยก

ผลงานเรื่อง : 灵媒 (Ling Mei)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง ปัญหาในครอบครัว

มีการกล่าวถึงอาการป่วยทางจิต การทำร้ายเด็ก การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ การข่มขืน

การฆ่าตัวตาย และการใคร่เด็ก ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

บทที่ 141 คำพยากรณ์ของฟั่นจยาหลัวสัมฤทธิผล

เช้าวันต่อมาเวลาหกโมงครึ่ง ฟั่นจยาหลัวถูกนาฬิกาชีวิตปลุกให้ตื่นตรงตามเวลา ทว่าสวี่อี้หยางกลับตื่นเช้ากว่าเขา ตอนนี้เด็กชายกำลังเกาะขอบอ่างเพื่อมองไหล่ข้างที่ได้รับบาดเจ็บของฟั่นจยาหลัวด้วยสายตาวิตกกังวล

“พี่ชายดีขึ้นหรือยังครับ” เขาเก็บงำประโยคนี้ไว้ทั้งคืน ตอนที่พูดออกมาเลยไม่มีอาการติดอ่างเลยแม้แต่น้อย

“หายดีแล้ว ดูสิ” ฟั่นจยาหลัวหมุนไหล่ตัวเองอย่างคล่องแคล่วทำให้เด็กชายคลี่ยิ้มออกมาอย่างสบายใจ

ฟั่นจยาหลัวถูกรอยยิ้มนี้ทำให้อารมณ์ดี เขาประคองแก้มเด็กชายแล้วจุมพิตหัวคิ้วของอีกฝ่าย อาจเพราะชายหนุ่มทำตัวใกล้ชิดกับคนอื่นน้อยมาก ท่าทางเลยขัดแข็งไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ แต่ตอนที่เขาถูกสวี่อี้หยางจูบหัวคิ้วเช่นกัน ความตั้งใจที่จะปกป้องเขาของอีกฝ่ายมันทำให้หัวใจสุดแกร่งของเขาหลอมละลายกลายเป็นน้ำพุอันอบอุ่น

“พี่ชายจะอยู่กับเธอไปจนโต” เขาลูบศีรษะสวี่อี้หยางให้คำมั่นเสียงหนักแน่น

“ผมจะปกป้องพี่ชายอย่างดี!” สวี่อี้หยางชูกำปั้นน้อยๆ ประกาศเสียงก้อง

ครึ่งชั่วโมงต่อจากนั้น หนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กก็แต่งตัวเรียบร้อย พวกเขาเอาลูกตาไปตากลมที่ระเบียงและให้แมลงกบเขียว จากนั้นจึงเตรียมตัวไปโรงเรียน

ซ่งรุ่ยโทรมาอย่างได้จังหวะบอกว่าตัวเองขับรถมาถึงชั้นล่างแล้ว ให้พวกเขารีบลงมา

“โรงเรียนอยู่ไกลหน่อย ผมกลัวว่าคุณจะหาไม่เจอแล้วจะเสียเวลาอยู่กลางทาง วันนี้เพิ่งจะวันที่สอง จะให้สวี่อี้หยางไปสายไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นครูประจำชั้นจะว่าเขา ผมจะพาคุณไปหนึ่งรอบ ต่อไปคุณค่อยขับรถไปส่งเขาเอง” เหตุผลที่ซ่งรุ่ยให้มีน้ำหนักดีมาก ฟั่นจยาหลัวย่อมไม่มีทางปฏิเสธ

“ขอบคุณครับด็อกเตอร์ซ่ง” นอกจากขอบคุณ เขาก็ทำได้เพียงยิ้มอย่างซึ้งใจ

“สวี่อี้หยาง เมื่อวานฉันดูใบเกรดของเธอแล้ว ดูเหมือนเธอจะเน้นแค่บางวิชามากเกินไป จะเอาแต่เรียนคณิตศาสตร์กับภาษาอังกฤษไม่ได้ ต้องดูวิชาอื่นๆ ด้วย นี่เป็นตารางเรียนที่ฉันทำไว้ให้เธอ เธอเอาไปอ่านดูดีๆ” เมื่อได้ใจผู้ใหญ่แล้วซ่งรุ่ยจึงเริ่มเอาใจเด็ก

สวี่อี้หยางรีบยื่นมือสั้นๆ สองข้างออกไปรับตารางเรียนมาอย่างนอบน้อม เนื่องจากพี่ชายให้ความสำคัญเรื่องการศึกษามากเขาเลยไม่กล้าเกียจคร้าน แต่การทำเกรดออกมาให้ดีเป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้นการที่ ดร. ซ่งให้คำแนะนำที่ใช้งานได้จริงจึงเป็นเรื่องยอดเยี่ยมมาก!

“ขอฉันดูหน่อย จัดสรรเวลาสมเหตุสมผลและหาเรื่องสนุกทำระหว่างเรียน สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าเรียนแล้วได้อะไร แต่เป็นการรู้จักคิดวิเคราะห์…” ฟั่นจยาหลัวอ่านหัวข้อย่อยในตารางเรียนพลางผงกศีรษะ “ถูกครับ ใช่เลย ด็อกเตอร์ซ่งวิเคราะห์ได้ถูกต้อง หยางหยาง พี่ชายจะทำตามตารางเรียนนี้กับเธอ แล้วพอหมดเทอมเรามาดูกันว่าใครเรียนได้ดีกว่า โอเคมั้ย”

“โอเค!” สวี่อี้หยางรับคำอย่างตื่นเต้นดีใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเรียนร่วมกับพี่ชายคือสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขที่สุด เด็กชายเกาะหลังเบาะของซ่งรุ่ย พูดเสียงหวาน “ขอบคุณครับด็อกเตอร์ซ่ง”

“ไม่เป็นไร ถ้ามีปัญหาเรื่องเรียนเธอถามพี่ชายหรือส่งข้อความมาถามฉันก็ได้ อย่าทำเป็นรู้ทั้งที่ไม่รู้นะ โอเคมั้ย” ซ่งรุ่ยเซ็ตตัวเองเป็นผู้ปกครองของสวี่อี้หยางเรียบร้อย ความรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งทำให้เขากลมกลืนกับครอบครัวนี้ได้อย่างรวดเร็ว

สวี่อี้หยางสนิทกับเขามากขึ้นจริงๆ ศีรษะเล็กๆ ผงกแรงๆ “อืมๆ ผมจะตั้งใจเรียน ถ้าพี่ชายมีปัญหาเรื่องเรียนก็ถามคุณได้ใช่มั้ยครับ”

“แน่นอน ฉันจะดูแลเรื่องการเรียนของพวกเธอทั้งสองคน” ซ่งรุ่ยบังคับพวงมาลัยพลางหัวเราะเบาๆ ในความรู้สึกของเขา วันนี้เป็นวันหนึ่งที่มีความสุขมาก ส่วนเรื่องที่เมิ่งจ้งวานเขามา ที่จริงก็ไม่ค่อยรีบเท่าไร ค่อยบอกทีหลังก็ได้ เพราะถึงอย่างไรเขาก็สามารถใช้ข้ออ้างว่าเป็น ‘เพื่อนสนิทที่รู้ใจ’ ไปเยี่ยมอีกฝ่ายได้อย่างเปิดเผยแล้ว

 

หลังส่งสวี่อี้หยาง ฟั่นจยาหลัวสอบถามเรื่องการเรียนการสอนจากซ่งรุ่ยอีกหลายอย่างก่อนนำกลับไปขบคิดที่คอนโดฯ มูนไลต์เบย์การ์เด้น วันนี้เป็นวันว่างเขาจึงย้ายโซฟาบีนแบ็กไปที่ระเบียง ประคองลูกตาที่กลิ้งไปมาอยู่ในมือเพื่ออาบแดดอย่างเกียจคร้าน กบเขียวมองเขาผ่านตู้ปลา คอยส่งเสียงเรียกเป็นระยะ เสียงร้องแต่ละครั้งล้วนมีชีวิตชีวาทำให้ฟั่นจยาหลัวยกมุมปากขึ้นตามสัญชาตญาณ

ทันใดนั้นมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะกลมก็ส่งเสียงดัง ฟั่นจยาหลัวจึงหยิบมาดู แต่กลับพบว่าเป็นข้อความแจ้งการโอนเงินที่ฉวี่เสียนเฟินส่งมา สำหรับคนธรรมดาเงินหนึ่งหมื่นถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่มาก หญิงสาวเพิ่งหย่า ไม่มีเงินเก็บ แล้วเธอไปเอาเงินมาจากไหน

ฟั่นจยาหลัวมองข้อความนี้อยู่นานมากแต่ไม่ได้กดรับ

ดูเหมือนทางนั้นจะร้อนใจเลยโทรมาถามตรงๆ “คุณฟั่นคะ คุณเห็นเงินที่ฉันโอนไปให้แล้วหรือยังคะ”

“เห็นแล้วครับ คุณฉวี่ ช่วงนี้คุณเป็นยังไงบ้างครับ” ฟั่นจยาหลัวพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ของหญิงสาว

ฉวี่เสียนเฟินหัวเราะเสียงใส “คุณฟั่นคะ ฉันกำลังจะเล่าให้คุณฟังอยู่พอดี ตอนนี้ฉันสบายดีมาก ฉันเป็นผู้ดูแลพิเศษอยู่ที่อพาร์ตเมนต์สำหรับผู้สูงอายุไท่คัง คุณรู้จักผู้ดูแลพิเศษหรือเปล่าคะ เราจะดูแลผู้สูงอายุที่ร่างกายอ่อนแอ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้โดยเฉพาะ จะว่าไปฉันก็ดวงดีมากเลย เพิ่งจะออกจากคอนโดฯ มาก็เห็นประกาศรับสมัครงานบนเสาไฟฟ้าข้างทางบอกว่าบ้านพักคนชรากำลังรับสมัครแม่บ้านแบบกินอยู่เสร็จ ตอนนั้นฉันกำลังเครียดว่าไม่มีที่ไป พอเห็นคำว่า ‘กินอยู่เสร็จ’ สามคำเลยสนใจรีบเรียกรถไป เจอกับพวกเขาที่กำลังสัมภาษณ์พอดี”

น้ำเสียงของฉวี่เสียนเฟินแจ่มใสดีมาก เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น “คุณรู้มั้ยคะว่าฉันเข้าใจผิด ที่สัมภาษณ์วันนั้นคือตำแหน่งผู้ดูแลพิเศษ ไม่ใช่แม่บ้าน แต่ฉันไม่รู้เลยเดินเข้าไปทื่อๆ พวกเขาไม่ถามเรื่องวุฒิการศึกษาอะไรจากฉันเลย แค่ให้ฉันไปทำความสะอาดร่างกายให้คุณนายผู้เฒ่าที่เป็นอัมพาตนอนติดเตียงคนหนึ่ง ฉันเห็นแล้วก็สบายใจ เพราะนี่มันเป็นงานที่ฉันทำอยู่ที่บ้านสกุลพานทุกวัน ฉันโปรมาก! ฉันอาบน้ำให้คุณนายผู้เฒ่าจนสะอาดหมดจด คุณนายผู้เฒ่าอารมณ์ไม่ดี ด่าว่าฉันต่างๆ นานา แต่ฉันทำเป็นหูทวนลม ไม่เถียง เอาแต่ยิ้ม อารมณ์ร้ายของเธอมีหรือจะสู้พ่อแม่สามีฉันได้ ต่อมาฉันเห็นเล็บมือเล็บเท้าเธอยาวมากเลยใช้กรรไกรตัดเล็บกับตะไบตัดแต่งให้นิดหน่อย

พอดูแลคุณนายผู้เฒ่าเสร็จ ฉันรู้สึกว่าบ้านสกปรกมากเลยถือโอกาสปัดกวาดและถูพื้น เสร็จแล้วก็ไปยืนคอยการสัมภาษณ์จากเจ้าหน้าที่ที่หน้าประตู ตอนนั้นบรรดาหัวหน้าบ้านพักคนชราเริ่มปรบมือให้ฉันเกรียวกราวแสดงความยินดีที่ฉันได้งาน ฉันดีลกับพวกเขาอยู่ตั้งนานกว่าจะรู้ว่าตำแหน่งที่ฉันได้ไม่ใช่แม่บ้านแต่เป็นผู้ดูแลพิเศษ ได้เงินเดือนหนึ่งหมื่นไคว่ คุณฟั่นคะ โชคชะตาช่างมหัศจรรย์จริงๆ งานแบบเดียวกัน แต่สิ่งที่ฉันได้รับจากบ้านสกุลพานมีแต่การด่าทอและทำร้าย แต่ที่นี่ฉันได้รับการยกย่องและขอบคุณ คุณพูดถูกแล้ว ต้องเดินออกจากวังวนออกไปดูข้างนอก ฉันถึงจะรู้ว่าโลกกว้างใหญ่และมีอะไรอีกมากมาย”

เล่ามาถึงตรงนี้ฉวี่เสียนเฟินก็สะอื้น เธอหยุดนิ่งไปพักใหญ่ก่อนเอ่ย “คุณฟั่นคะ ถึงฉันจะเคยเรียนมหาวิทยาลัยดัง ได้รับการศึกษาชั้นสูง แต่ตอนนี้กลับมาทำงานที่ทั้งสกปรก ทั้งเหนื่อย แต่ฉันกลับไม่รู้สึกว่ามันน่าอาย เพราะฉันรู้ว่าฉันมีประโยชน์แล้วยังทำเงินได้ พอนึกถึงเรื่องในอดีต ฉันกลับไม่รู้สึกคับแค้นใจอีกแล้ว เพราะสิ่งที่อดีตมอบให้ฉันมันไม่ได้มีแค่ความเจ็บปวด แต่ยังมีความกระตือรือร้นและเข้มแข็งที่ช่วยให้ไม่กลัวความลำบาก ไม่กลัวเหนื่อย วัยสาวของฉันไม่ได้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ขอบคุณนะคะคุณฟั่น ฉันพบที่ของฉันแล้ว และหาชีวิตของตัวเองเจอแล้วด้วย เวลานี้ฉันมีความสุขมาก”

ฟั่นจยาหลัวรับฟังสิ่งที่เธอเล่าอย่างตั้งใจจนจบ แล้วเอ่ยเสียงนุ่ม “เพราะฉะนั้นเงินหนึ่งหมื่นไคว่นี้ผมไม่ขอรับไว้แล้วกันครับ สำหรับผมการที่คุณมีความสุขคือสิ่งตอบแทนที่มีค่าที่สุด”

“คุณฟั่น ขอบคุณค่ะ ฮึก ขอบคุณจริงๆ” ฉวี่เสียนเฟินฝืนข่มความรู้สึกอยากจะร้องไห้เอาไว้ ต้องโชคดีแค่ไหนเธอถึงได้เจอคนดีแบบนี้ในช่วงที่กำลังสิ้นหวัง หญิงสาวกัดลิ้นเพื่อให้เสียงของตัวเองฟังดูจริงจังมากขึ้น “คุณฟั่นคะ ฉันไม่รบกวนคุณแล้ว ฉันต้องไปดูแลคุณนายเฉียนแล้ว ตอนนี้เธอเป็นนายจ้างของฉัน ถึงอารมณ์จะร้อนแต่เป็นคนใจดีมาก เป็นแบบฉบับของพวกปากมีดใจเต้าหู้ เงินหมื่นไคว่นี้เธอก็เป็นคนให้ฉันยืม อา จริงสิ คุณฟั่นคะ ฉันจะคอยแก้ข่าวให้คุณตลอดไป คุณอย่าไปสนใจเสียงนกเสียงกาข้างนอกเลยนะคะ!”

“ขอบคุณครับ คุณก็สู้ๆ นะครับ” ฟั่นจยาหลัวตอบยิ้มๆ คอยจนปลายสายวางไปแล้วถึงค่อยเปิดไป่ตู้เพื่อสืบค้น

“ช่างรบกวนจริงๆ” พอรู้ว่าอะไรคือการแก้ข่าว สีหน้าของชายหนุ่มก็ฉายแววอ่อนใจ ทว่าในดวงตากลับเปล่งประกายระยิบระยับ

ข่าวแย่ๆ ที่เกี่ยวกับเขาในอินเตอร์เน็ตหายไปหมดแล้ว หลายคนต่างพากันขอโทษเขาผ่านทางสื่อโซเชียล และหลายคนสงสัยว่ามันเป็นเพราะอะไร คลิปทั้งหมดถูกลบทิ้ง กลุ่มที่เกี่ยวข้องถูกระงับ ไม่ให้มีการแชร์ ชาวเน็ตจำนวนมากที่ไม่ทันได้ดูไลฟ์ต่างไม่เข้าใจว่าเมื่อวานเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมชื่อเสียงในอินเตอร์เน็ตของฟั่นจยาหลัวถึงได้พลิกกลับแบบหนึ่งร้อยแปดสิบองศาแบบนี้ มีคนที่ไม่รู้เรื่องจริงมาขอข้อมูลในเวยป๋อกันอย่างไม่ขาดสาย แต่ไม่มีใครสามารถเล่าเรื่อง ‘เด็กนรก’ ออกมาได้ทั้งหมด

นี่คือโลกของข้อมูลข่าวสาร การสร้างโหมกระพือข่าวเป็นเรื่องง่ายมาก และการยุติข่าวก็เป็นเรื่องง่ายมากเช่นกัน

สำนักย่อยเขตตะวันตกลบแถลงการณ์ออกไปสองฉบับ แล้วแทนที่ด้วยประกาศขออภัยอย่างตรงไปตรงมา โดยบอกว่าทางสำนักย่อยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบทำให้พลเมืองดีถูกเข้าใจผิด เรื่องการทารุณเด็กเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นทั้งหมด ขอให้คุณฟั่นจยาหลัวให้อภัย เป็นต้น แม้แต่สื่อของรัฐยังออกมาขอโทษ พวกเกรียนที่บอกว่าทีมของฟั่นจยาหลัวสร้างภาพเก่งเลยพูดอะไรไม่ได้

ชาวเน็ตคนหนึ่งแชร์ข่าวข่าวหนึ่งพร้อมแนบคำว่า ‘ฮ่าๆๆ’ หลายคนก็คอมเมนต์ ‘ฮ่าๆๆ’ ตาม ทำเหมือนกับว่าตัวเองได้ดูรายการ Approaching Science ในรูปแบบเรียลลิตี้ ฟั่นจยาหลัวอ่านข่าวนี้อย่างเอาจริงเอาจัง ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นอธิบายยาก

ภาพเซ็นเซอร์ของครูหลัวที่ไหล่โดนใบพัดของพัดลมปักคาปรากฏอยู่บนหน้าข่าว พาดหัวว่า

 

‘พัดลมเสีย ตกลงมาโดนครูกับนักเรียนหลายคน ทางโรงเรียนได้มีการตรวจสอบเรื่องคุณภาพหรือไม่’

 

เอาเถอะ ครั้งนี้โรงงานผลิตพัดลมไฟฟ้าคงต้องแบกหม้อดำแทนเซียวเหยียนหลิง ดูเหมือนการที่ในห้องเรียนเกิดมีลมพัดมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยตอนไลฟ์จะหาต้นสายปลายเหตุได้แล้ว และเพื่อไม่ให้ประชาชนแตกตื่นรวมทั้งเพื่อเก็บงำความจริง ต้องลำบากสื่อให้ช่วยหาเหตุผลที่พอจะ ‘ถูๆ ไถๆ’ แบบนี้ให้

ฟั่นจยาหลัวหัวเราะออกมาเสียงหนึ่ง ทว่าสายตากลับเหลือบไปเห็นข่าวที่ดูเหมือนจะเป็นข่าวธรรมดาๆ มีคนแจ้งความว่านักเรียนจำนวนหลายร้อยคนในโรงเรียนมัธยมสิบกว่าแห่งเตรียมนัดกันฆ่าตัวตาย ขอให้ทางตำรวจเดินทางไปช่วยทันที แต่พอตำรวจไปถึงโรงเรียนกลับพบว่านักเรียนกลุ่มนี้ไม่ได้เตรียมจะฆ่าตัวตาย แค่กำลังฝึกซ้อมกิจกรรมร้องเพลงประสานเสียงเพื่อฉลองวันชาติ ซึ่งข่าวนี้ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่งหน่วยสวาตจำนวนกว่าร้อยคนออกไป เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างที่สุด เวลานี้ทางตำรวจกำลังค้นหาคนที่แจ้งความเท็จเพื่อจับอีกฝ่ายมาปรับทัศนคติ หวังว่าทุกคนจะยุติการเผยแพร่ข่าวนี้ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อสังคม…

ไม่ว่าจะดูแบบไหนข่าวนี้ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เรื่องไร้สาระแบบนี้ไม่มีทางสร้างผลกระทบทางสังคมที่เลวร้ายได้อยู่แล้ว ทว่าฟั่นจยาหลัวกลับจดจ้องตัวอักษรเป็นพืดราวกับตกอยู่ในภวังค์ ความดำมืดในดวงตาค่อยๆ เคลื่อนไหว รวมตัวแล้วแตกกระจาย สว่างแล้วดับ สุดท้ายก็กลายเป็นเนบิวลาลึกลับ ยากแก่การคาดเดา ไม่มีใครเข้าใจกฎการรวมตัวแล้วแตกกระจายของเนบิวลาลึกลับพวกนี้ แต่ฟั่นจยาหลัวกลับหยิบยืมเอาความมหัศจรรย์ของพวกมันมามองดูเบาะแสที่ดวงชะตาทิ้งไว้

เขารีบปิดข่าวเพื่อโทรหาจ้าวเหวินเยี่ยนทันที ฟั่นจยาหลัวเอ่ยเสียงหนักแน่น “ซูเฟิงซีจะกลับมา”

“…ใช่” จ้าวเหวินเยี่ยนเงียบไปนานก่อนเค้นเสียงออกมาด้วยความยากลำบาก เขาถามเสียงเร็ว “ฉันควรทำยังไง”

“ตอนนี้ผมก็ไม่รู้ ต้องเดินหนึ่งก้าวดูหนึ่งก้าว” ฟั่นจยาหลัวนวดหัวคิ้ว น้ำเสียงจริงจัง “ทุกครั้งที่เธอกลับมาพลังจะแข็งแกร่งขึ้น คุณเตรียมใจไว้ให้ดี”

“แกร่งขึ้นอีกเหรอ แกร่งแค่ไหน แบบที่คุมคนทั้งโลกได้ในคราวเดียวหรือเปล่า ถ้าเธอเก่งขนาดนั้นแล้วยังจะเป็นดาราไปทำไม ไปเป็นประธานาธิบดีเลยไม่ดีกว่าเหรอ” เสียงของจ้าวเหวินเยี่ยนสั่นก่อนนิ่งได้อย่างรวดเร็วและเริ่มดุดัน เหมือนเขาตัดสินใจแล้วว่าจะตายพร้อมซูเฟิงซี

“ผมแค่เดา ตราบใดที่ยังไม่เจอเธอก็ยังบอกอะไรไม่ได้ หลังกลับมาครั้งนี้เธอจะทำอะไรบ้าง”

“ออกผลงานใหม่ เปิดคอนเสิร์ต ครั้งนี้แย่แน่ เพราะที่ยืนอยู่หลังเธอคือกลุ่มข้าราชการ ใครก็แตะเธอไม่ได้! แม่งเอ๊ย ผู้หญิงคนนี้เป็นแมลงสาบที่ฆ่าไม่ตายจริงๆ!”

“ไม่ต้องกลัว มันต้องมีวิธีสิ” ฟั่นจยาหลัวปลอบหนึ่งประโยคง่ายๆ แล้ววางสาย ทว่าดวงตากลับฉายแววคิดหนัก เมื่อมองเข้าไปในเนบิวลาขมุกขมัว ฟั่นจยาหลัวเหมือนจะเห็นเงาดำขนาดใหญ่ยืนอยู่ด้านหลังของซูเฟิงซี เขารู้สึกคุ้นกับเงาดำนั้นมาก บางทีอีกไม่นานเขาอาจได้เจอกับคนรู้จัก

 

ข่าวเรื่องซูเฟิงซีจะกลับมาเปิดคอนเสิร์ตแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ผลงานเก่าที่ถูกสั่งห้ามจำหน่ายของเธอกลับมาให้ขายตามปกติอีกครั้ง ส่วนผลงานใหม่ติดชาร์ตรายการเพลงดังทุกแห่ง ช่วงเวลาที่หญิงสาวหายไปไม่ได้กระทบต่อความนิยมของเธอ ตรงข้ามมันกลับทำให้เธอได้เก็บเล็กผสมน้อยเพื่อมีอิทธิพลมากกว่าเดิม แฟนคลับของซูเฟิงซีดีใจแทบบ้า ด้านหนึ่งสรรเสริญเยินยอไอดอลของตัวเอง อีกด้านเล่นงานศัตรูของเธอ

 

‘ตอนนี้ชาวเน็ตหลายคนบอกว่าฟั่นจยาหลัวคือร่างทรงวิญญาณตัวจริง ฉันเห็นแล้วได้แต่คิดว่าหึๆ! เขาบอกว่าซีซีของเราเป็นสัตว์ประหลาดเน่าเฟะไม่ใช่เหรอ พวกเธอดูให้ดีๆ สิว่าซีซีของเราออกงานใหม่มาอีกแล้ว! ยอดคลิกเป็นร้อยล้าน! ถ้าเธอเป็นสัตว์ประหลาดจริงเธอก็เป็นสัตว์ประหลาดที่มีชีวิตอยู่ด้วยเสียงเพลง! ไร้ผู้ต้าน!’

‘ถ้าฟั่นจยาหลัวเป็นร่างทรงวิญญาณจริง งั้นตอนนี้ฟั่นข่ายเสวียนน่าจะตายแล้วมั้ง’

‘เธอจะด่าฟั่นจยาหลัวก็ด่าแค่ฟั่นจยาหลัวสิ ทำไมต้องไปโจมตีฟั่นข่ายเสวียนด้วย เขาเป็นถึงผู้บริหารทรงอำนาจ บริษัทลูกกำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์อีกหนึ่งแห่งแล้วนะ!’

‘พูดได้ว่าคนบางจำพวกไร้ยารักษาแล้วจริงๆ! อาการอิจฉาตาร้อนก็เป็นโรค ต้องหาหมอ!’

‘ปากเปล่าฟันขาว แต่กลับอยากได้บ้านเก่ามูลค่าหลายร้อยล้านของคนอื่น ฟั่นจยาหลัวช่างกล้าคิด!’

‘……’

 

การกลับมาอย่างทรงพลังของซูเฟิงซีทำให้ผู้คนในอินเตอร์เน็ตเริ่มมีดิสเครดิตฟั่นจยาหลัวกันเป็นจำนวนมาก แต่ว่าตอนนี้ฟั่นจยาหลัวมีรอยัลแฟนจำนวนมาก ศักยภาพในการรบจึงแตกต่างจากเมื่อก่อน ทั้งสองฝ่ายฟาดฟันได้อย่างสูสีคู่คี่

ข่งจิ้งนั่งอ่านคอมเมนต์อยู่ในห้องรับแขก พอเห็นข้อความชื่นชมฟั่นจยาหลัว เธอจะชักสีหน้า แต่พอเห็นข้อความด่าว่าฟั่นจยาหลัว เธอจะอารมณ์ดี อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ แต่สิ่งที่ทำให้เธอลังเลใจมากที่สุดคือเอกสารซึ่งซ่อนอยู่ในกระเป๋า

สิบห้านาทีต่อมา ฟั่นข่ายเสวียนที่เพิ่งประชุมเสร็จจ้องมองมารดาอย่างตกใจ “พินัยกรรม?”

“ใช่ ทำพินัยกรรม ลูกก็รู้ว่าฟั่นลั่วซานเป็นคนยังไง ถึงแม่จะแต่งงานกับเขา แต่เขายังเลี้ยงเมียน้อยกับลูกนอกสมรสเอาไว้ข้างนอกอีกเป็นโขยง เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ลูกทำพินัยกรรมไว้สักฉบับดีกว่า เกิดลูกเป็นอะไรไปจริงๆ อย่างน้อยแม่กับน้องชายลูกจะได้มีข้าวกิน” ข่งจิ้งเม้มริมฝีปากแห้งผาก หัวใจเหมือนรัวกลอง

ฟั่นข่ายเสวียนเข้าใจความรู้สึกของมารดาในเวลานี้ การที่เธอเสนอเรื่องที่ดูเหมือนไร้สาระ หนึ่ง เป็นเพราะคำแช่งของฟั่นจยาหลัวทำให้เธอไม่สบายใจ สอง เมื่อก่อนเธอเคยมีชีวิตที่ยากลำบากเลยไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม และสาม ฟั่นลั่วซานไม่ใช่คนที่จะพึ่งพาได้จริงๆ ต้องระวังเอาไว้ ถ้าฟั่นข่ายเสวียนตาย ฟั่นลั่วซานไม่มีทางเสียใจ ตรงกันข้ามเขาจะดีใจจนออกนอกหน้า เนื่องจากสามารถเอาสมบัติทั้งหมดที่เป็นชื่อของลูกชายไปได้อย่างเปิดเผย ข่งจิ้งไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่มีทางสู้เขาได้ น้องชายก็ยังเล็ก ดูแลตัวเองไม่ได้ แล้วจะจัดการเรื่องทรัพย์สินได้อย่างไร สุดท้ายธุรกิจที่ฟั่นข่ายเสวียนสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากก็กลายเป็นกำไรของพ่อที่ไร้ความรับผิดชอบคนนั้น

แม้ฟั่นข่ายเสวียนจะไม่คิดว่าตัวเองจะตายเร็ว แต่เพื่อความสบายใจของแม่ และเพื่อหลักประกันของน้องชายที่ยังเล็ก เขาจึงเซ็นชื่อลงในพินัยกรรมอย่างรวดเร็ว และมอบหมายให้ทนายไปดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย

“แม่ครับ แบบนี้แม่สบายใจแล้วใช่มั้ย ผมยกทุกอย่างให้แม่กับน้อง ฟั่นลั่วซานอย่าได้คิดว่าจะได้อะไรจากผมแม้แต่เหมาเดียว” ฟั่นข่ายเสวียนเดินอ้อมโต๊ะทำงานมากอดมารดาไว้เบาๆ ตั้งแต่โตเป็นผู้ใหญ่ สองแม่ลูกทำตัวใกล้ชิดกันแบบนี้น้อยมาก

“ที่แม่กลัวเพราะเมื่อก่อนเราลำบากกันมามาก” ข่งจิ้งตบไหล่กว้างของลูกชาย น้ำตาค่อยๆ เอ่อคลอขอบตา

นึกถึงช่วงปีที่เคยใช้ชีวิตอย่างลุ่มๆ ดอนๆ สองแม่ลูกก็พูดคุยกันด้วยความรู้สึกสะเทือนใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะแยกย้ายกันไป ฟั่นข่ายเสวียนต้องไปร่วมงานแถลงข่าว ส่วนข่งจิ้งต้องไปดูแลลูกชายคนเล็ก

นักข่าวจากสำนักต่างๆ มาคอยที่งานแถลงข่าวกันนานแล้ว ผู้บริหารระดับสูงของข่ายเสวียนกรุ๊ปต่างนั่งคุยกันอย่างอารมณ์ดีอยู่ที่โต๊ะประธาน การทำให้บริษัทเล็กๆ กลายมาเป็นยักษ์ใหญ่ในแวดวงการเงินได้ในระยะเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่ปีทำให้ความสามารถในการเป็นผู้นำของฟั่นข่ายเสวียนไม่เป็นที่กังขา เขาเป็นอัจฉริยะหนุ่มเบอร์ต้นของประเทศ อายุยังน้อยก็ประสบความสำเร็จล้ำหน้าบิดา เป็นดาวเจิดจรัสดวงใหม่ เวลานี้ทรัพย์สินที่เขาถือครองมีมากกว่าฟั่นลั่วซานกว่าสองเท่า

ตอนที่ฟั่นข่ายเสวียนปรากฏตัว นักข่าวรีบกดชัตเตอร์เพื่อแย่งกันบันทึกภาพความงามสง่าโดดเด่นของชายหนุ่ม แสงสปอตไลต์ที่สว่างวาบขึ้นมาแบบกะทันหันเกือบทำให้ตาของผู้บริหารระดับสูงบอด ทุกคนต่างรีบลุกขึ้นปรบมือ ใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความยินดีระคนตื่นเต้น

นักข่าวคนหนึ่งชูไมค์ขึ้น ถามเสียงดัง “คุณฟั่นคะ วันนี้คุณไปตรวจสุขภาพมาแล้วใช่หรือเปล่าคะ คุณคิดยังไงกับคำทำนายของฟั่นจยาหลัวคะ”

ฟั่นข่ายเสวียนที่กำลังปลื้มปริ่มในความสำเร็จนิ่งเงียบ “…”

ผู้บริหารระดับสูง “…”

คำพูดประโยคนี้ทำให้บรรยากาศคึกคัก ณ ที่นั้นแข็งค้าง ติงอวี่ซึ่งเป็นรองประธานบริษัทโกรธจนผมตั้ง เตรียมจะให้การ์ดตะเพิดนักข่าวไร้การอบรมที่ไม่รู้จักกาลเทศะคนนี้ออกไป ทว่าฟั่นข่ายเสวียนกลับตัวโงนเงน หมดสติไปทันที

ภาพนี้สร้างความหวาดผวาให้ทุกคน เมื่อคำทำนายของฟั่นจยาหลัวเกิดเป็นจริงขึ้นมาแบบปุบปับ เสียงที่ดังก้องอยู่ในสมองของทุกคนคือสุขภาพของคุณอาจมีปัญหาอย่างหนัก ร้ายแรงถึงแก่ชีวิต

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 12 .. 65

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: