X
    Categories: LOVEทดลองอ่านฝันดีว่ามีเธอ ชุด Home sweet home

ทดลองอ่าน ฝันดีว่ามีเธอ ตอนที่ 2

หน้าที่แล้ว1 of 5

บทที่ 2

ความเยอะในระดับพอดีสำหรับซุป’ตาร์

หลังจากพาเด็กๆ ไปเที่ยวชมสวนสัตว์เปิดกันเสร็จเรียบร้อย ณชาก็เลือกพาทุกคนไปทานข้าวกลางวันที่ร้านโปรดของเธอต่อ

“อย่าบอกว่าเลือกมาร้านนี้ก็เพื่อจะตามรอยเจสกับเชอรีล วันก่อนเห็นในข่าวเขาควงกันมากินที่นี่” พสินเอ่ยขึ้นขณะที่มาร์กี้กับลีโอพากันเริ่มรับประทานอาหารด้วยความหิวโหยอย่างเอร็ดอร่อย

“พี่คะ อย่ามโน!” ณชาขึ้นเสียงอย่างเอาเรื่อง “ไม่เกี่ยวเลย นี่มันร้านโปรดที่ณชามาประจำได้สองสามปีแล้ว!”

“อ้าว…เหรอ” พสินแกล้งทำทีเหมือนไม่เชื่อเพื่อจงใจกวนอารมณ์เธอ “ขอโทษนะที่พี่เข้าใจผิด”

“แล้วจะพูดขึ้นมาให้คนอื่นเขาหงุดหงิดทำไมก็ไม่รู้ อุตส่าห์ไม่นึกถึงแล้วแท้ๆ รู้ไหมคะว่าณชานี่แหละที่เป็นคนพาเจสมาแนะนำให้รู้จักกับร้านนี้ แล้วเขาก็ชอบมาก ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายแล้วเขาจะหยามหน้ากันด้วยการพาผู้หญิงคนอื่นมาทานข้าวที่นี่จนเป็นข่าวไปทั่ว!”

“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะณชา เจสไม่ได้คิดอะไรกับณชา ซึ่งเขาก็แสดงออกชัดเจนอยู่แล้วตั้งแต่ต้น ที่บางครั้งเขาไม่ได้พูดตรงๆ ก็เพื่อถนอมน้ำใจในฐานะที่ณชาเป็นเพื่อนสนิทของลูกสาวเขา แล้วยังมีส่วนช่วยให้ลูกๆ เขาเข้ากันได้ดีขึ้นด้วย”

ณชาเบ้ปาก แล้วหวนนึกถึงความพยายามทุ่มเทของตัวเองที่ผ่านมา ในความเจ้ากี้เจ้าการให้เจมี่กับมาร์กี้และลีโอ ลูกๆ ของเจสที่เป็นลูกคนละแม่ สามารถเข้ากันได้ อีกทั้งยังยอมรับในตัวกันและกันได้เป็นอย่างดี รวมถึงพวกเขายังยอมเปิดใจและยอมรับในตัวพ่ออย่างเจสได้มากขึ้นด้วย

“แล้วที่เขาดีกับณชา อาจเพราะเห็นว่าณชาเป็นเพื่อนที่ดีของลูกเขา ซึ่งก็คงเป็นเหมือนลูกสาวคนหนึ่งของเขาด้วย ดังนั้น มันก็ไม่ผิดที่เขาจะพาแฟนมากินข้าวร้านที่ลูกสาวช่วยแนะนำ…”

ณชามองพสินเหมือนอยากจะกรีดร้องออกมา โกรธที่เขาเข้าข้างเจสเต็มปากเต็มคำอย่างไม่เห็นแก่เธอ อีกทั้งยังมาตอกย้ำให้เธอช้ำใจอีกต่างหาก แต่หญิงสาวพยายามข่มใจและสงบเสงี่ยมเอาไว้ เพราะรู้ตัวดีว่าแค่มานั่งอยู่ตรงนี้เธอก็เป็นเป้าสายตาให้คนที่อยู่โดยรอบสะกิดกันมองและเม้าท์กันมากพออยู่แล้ว ถึงแม้ภาพลักษณ์เธอตอนนี้จะดูเละเทะในสายตาชาวบ้านอยู่บ้างบางส่วน และเธอเองก็ทำทีเป็นแสดงออกเสมือนไม่แคร์อะไร แต่ลึกๆ แล้วก็ไม่ได้อยากให้มันดูย่ำแย่ลงไปมากกว่านี้

“พี่ว่านะ ณชาตื๊อไปก็เสียแรงเปล่า ยิ่งออกตัวแรงแล้วมโนเป็นตุเป็นตะแบบนี้ผู้ชายเขายิ่งกลัวแล้วถอย แล้วอย่างเจสน่ะไม่มีทางใจอ่อนแน่ เพราะเขาไม่เคยมีประวัติพัวพันกับผู้หญิงที่เด็กกว่าขนาดนี้เลยไม่ใช่เหรอ สเป็กเขาแต่ละคนรูปร่างหน้าตาบุคลิกต้องระดับท็อปโมเดลทั้งนั้น แม้แต่คุณแม่ของเจ้าสองเสือนี่…” พสินบุ้ยปากพยักพเยิดไปทางเด็กๆ ที่ทานข้าวอยู่ “ก็เป็นผู้หญิงหุ่นนางแบบโซนยุโรปผิวเข้มหน้าตาคม…ความสวยยูนีคระดับอินเตอร์ เขาคงเห็นณชาเป็นลูกสาวตัวกระเปี๊ยกมากกว่า นี่ถ้าไม่รักไม่ห่วงพี่คงไม่เตือนเธอตรงๆ แบบนี้หรอก”

“พี่พีทไม่รู้อะไรอย่ามาพูดเลยดีกว่า ถ้าเจสไม่มีใจให้สักนิด…เขาคงไม่มองณชาอย่างอ่อนโยนเสมอ ไม่รับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงละมุนละไมแบบนั้น แล้วก็คงไม่ใจดีให้ของขวัญวันเกิดเป็นสิ่งที่ณชากำลังอยากได้อยู่พอดีหรอก เขาใส่ใจณชามากเลยรู้ไว้ด้วย”

“ก็บอกแล้วว่าเขาคงเอ็นดูณชาเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง”

“พอๆๆ เลิกพูดเถอะค่ะ ขี้เกียจเถียงแล้ว”

“งั้นก็เลิกมโนด้วยสิ หรือไม่ก็เพลาๆ ลงหน่อย ตัวเองเป็นผู้หญิงแท้ๆ หัดรักษาภาพลักษณ์หน่อย”

“แล้วใครเป็นคนกำหนดมิทราบคะ ว่าผู้หญิงไม่มีสิทธิ์รุกหรือตื๊อผู้ชายก่อน”

“ก็ไม่มีใครกำหนดหรอก พี่แค่เตือนเพราะเป็นห่วง”

“พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ น้องดูแลตัวเองได้!” ณชากระแทกเสียงตอบกลับอย่างประชดประชัน “ถ้าไม่มั่นใจว่าเจสมีใจให้นิดๆ ณชาก็คงไม่เสียเวลาฝันหวานขนาดนี้ แต่นี่มั่นใจมากจริงๆ เพราะพอจะอ่านสายตาลึกซึ้งของเจสออก ว่าลึกๆ แล้วเขามีใจให้แน่นอน ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจนะคะ สายตาเขาโกหกณชาไม่ได้หรอกค่ะ!”

พสินฟังแล้วได้แต่มองคนขี้มโนแถมยังมั่นใจเกินร้อยด้วยอาการกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย “ยิ่งเห็นแบบนี้พี่ยิ่งต้องช่วยดึงสติ”

“แต่คำพูดแต่ละคำของพี่พีทไม่เรียกดึงนะคะ เรียกกระทืบสติเลยต่างหาก ไหนบอกว่าชอบเราไง แล้วทำไมใจร้ายกับเราขนาดนี้!”

“ก็บอกแล้วว่าทำไปเพราะเป็นห่วง เจสไม่มีทางมองณชาหรอก ลืมตาดูความจริงซะทีเถอะ”

“ใช่แล้วล่ะ แด๊ดดี้ของเลาไม่ชอบเธอหรอก แด๊ดดี้มีแฟนฉวยมาก ไม่อยากเป็นแฟนเธอชะหน่อย”

“เธอไม่รู้อะไรก็อย่าพูดมากอีกคนเลยลีโอ จริงๆ แล้วแด๊ดดี้เธอน่ะชอบพี่ที่สุด รู้ไว้ด้วย!”

“ณชา…อ่อนโยนกับเด็กหน่อย” พสินปราม แต่ไม่ทันขาดคำก็โดนคนไม่อ่อนโยนหันมาค้อนแรงจนตาคว่ำ

“ไม่จริง…แด๊ดดี้ของเลาไม่ได้ชอบเธอ เธอไม่เห็นฉวยเลย”

“ฉันไม่สวยตรงไหนยะ!”

“อือออ…เธอฉวยนิดนึงก็ด้ะ แต่มามี้ของเลาฉวยกว่าาา แฟนแด๊ดดี้ก็ฉวยกว่าเยอะมากกก”

“แต่ฉันน่ารักกว่าตั้งเยอะเลยนะ!”

“มามี้กับแฟนแด๊ดดี้น่ารักกว่าต่างหาก ใช่มะชับบบ…แด๊ดดี้ แด๊ดดี้ไม่ได้ชอบพี่ชาชาซะหน่อยเนอะ!”

ทุกคนหันมองตามสายตาและการพยักพเยิดของลีโอทันที ทำให้พบว่าเจสกำลังเดินตรงมาทางนี้พร้อมกับเชอรีล…นางแบบสาวสูงยาวเข่าดีที่มีผมสีทองตาสีฟ้าเปล่งประกายสดใส…ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันทุกกระเบียดนิ้วราวกับหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่นระดับโลก

“มาทานข้าวกันเหรอ” เจสทักหลังจากรับไหว้จากทุกคน เขาเป็นผู้ชายที่ไหว้สวยและดูนุ่มนวลกว่าฝรั่งทั่วไป พอเห็นณชามองเขาอย่างตกตะลึงจึงส่งยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนตามปกติ เธออาจตกใจที่คิดว่าตอนนี้เขาอยู่ภูเก็ต แต่อยู่ๆ กลับมาโผล่ตรงนี้ได้ “ผมเพิ่งกลับจากภูเก็ต หิวมาก…พอออกจากสนามบินเลยมาแวะทานข้าวที่นี่ก่อน”

ณชาพยายามยิ้มตอบและพยักหน้ารับฟังเหมือนรู้ว่าเขาบอกออกมาแบบนั้นเพื่อไขข้อสงสัยของเธอโดยเฉพาะ

“แด๊ดดี้ชับบบ เลาไปดูจีราฟมาด้วยล่ะ แต่พี่ชาชาใจร้ายมากเลย ไม่ยอมให้เลาลงไปเล่นกับจีราฟ!” เด็กชายรีบฟ้องผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าดื้อดึง ลีโอชอบเรียกณชาว่า ‘ชาชา’

“ณชาไม่ได้ใจร้าย แต่สวนสัตว์ไม่ให้เราลงจากรถ นายอ่านหนังสือไม่ออกล่ะสิลีโอ ถึงไม่รู้ว่าเขาเขียนป้ายติดไว้ว่าห้ามลงจากรถ ไม่รู้เรื่องเลย!” มาร์กี้เถียงแทนณชาที่โดนกล่าวหา

“แต่เลาอยากเล่นกับจีราฟ!”

“แต่นายจะโทษว่าณชาใจร้ายไม่ได้ เพราะเขาห้ามลงจากรถ”

ณชามองมาร์กี้ด้วยสายตาอ่อนโยนอย่างซาบซึ้งใจยิ่งนัก นานๆ ทีจะรู้สึกว่าตัวเองมีพรรคพวกคอยเข้าข้างแบบนี้สักครั้ง จนอยากจะวิ่งแจ้นไปซื้อของเล่นที่แพงที่สุดในห้างให้มาร์กี้คนดีที่หนึ่งสิบชิ้นไปเลย!

“แล้วจะไปไหนกันต่อรึเปล่า ทานข้าวเสร็จอยากไปเที่ยวกับแด๊ดดี้ต่อไหม” เจสเสนอขึ้น

“ไปๆๆ!” เด็กๆ พากันตอบรับอย่างกระตือรือร้นพร้อมกับกระโดดลงจากเก้าอี้

“ลูกทานข้าวกันให้เสร็จก่อน เดี๋ยวแด๊ดดี้ทานเสร็จจะมารับไปด้วยกัน”

พอคล้อยหลังเจสกับเชอรีลที่ขอแยกตัวไปด้านในของร้าน พสินก็ได้ทีซ้ำเติมณชาอีกระลอก

“เป็นไงล่ะ เห็นเขาควงกันมาสวีตตำตาแล้วเมินเหมือนเราเป็นแค่อากาศแบบนี้…รู้สึกยังไงบ้างณชา”

“ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย!” ณชาเชิดหน้าอย่างดื้อดึง

“คนปากแข็ง”

“แล้วพี่พีทจะมาย้ำเพื่ออะไรเนี่ย ก็รู้อยู่ว่าณชาเจ็บ!”

พสินฟังแล้วเผลอยิ้มอย่างเอ็นดูคนเจ็บ “เจ็บทีเดียวแล้วจบก็ยังดีกว่าปล่อยยืดเยื้อจนเจ็บไม่จบไม่สิ้นนะณชา”

“รู้แล้ววว…แต่ตอนนี้มันยังจบไม่ลงนี่นา จะให้ณชาทำไงเล่า ต่อให้พี่พีทพูดจาทำร้ายจนณชาชักตายไปตรงนี้ ณชาก็ยังตัดใจไม่ได้อยู่ดี…”

“พี่ขอโทษ…อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนี้สิ”

“แต่ว่าเขาไม่แคร์เลยจริงๆ ด้วยเนอะ เสียใจชะมัด…”

“นี่เพิ่งรู้เหรอ พี่ก็เห็นว่าเขาไม่เคยแคร์แบบนี้มาตั้งนานแล้ว ที่ผ่านมาเขาดีด้วยก็เพราะเหตุผลอื่น ไม่ใช่เพราะเขามีใจอย่างที่เธอมโนเลย แต่มันไม่ใช่ความผิดของเขานะ อย่าไปโทษเขา เจสเจ้าชู้ แต่ค่อนข้างเป็นสุภาพบุรุษ”

“…”

“คนบางคนน่ะ ถึงเขาจะรู้ตัวว่าเราแอบรักหรือรู้สึกยังไงด้วย แล้วเขาไม่เคยปฏิเสธหรือห้ามปรามเราตรงๆ หรือทำอะไรให้เห็นว่าเขารู้ตัวทุกอย่าง ก็อาจเป็นเพราะเขาอยากถนอมน้ำใจเรา เพราะถือว่าเราเป็นคนสำคัญคนหนึ่งที่เขาไม่อยากสูญเสีย ถึงเขาจะไม่ได้รักเลยก็เถอะ อย่างณชา…เจสคงสำนึกบุญคุณไม่น้อยเกี่ยวกับเรื่องลูกๆ เขา แล้วก็คงเอ็นดูเหมือนณชาเป็นลูกสาวคนหนึ่งด้วย ครั้นจะตัดรอนตรงๆ ก็ใช่ที่ เพราะณชาเป็นเพื่อนสนิทของเจมี่”

การตอกย้ำทุกประเด็นอย่างชัดเจนของพสินทำให้ณชาพูดไม่ออก นาทีนี้อาการมั่นหน้าอย่างดื้อดึงไม่มีให้เห็นเลย…

“เดี๋ยวพอมาร์กี้ลีโอไปกับพ่อ พี่จะพาไปเที่ยวต่อนะ อยากไปไหนเป็นพิเศษไหม”

“พูดเหมือนพี่พีทมีรถพาไปงั้นแหละ”

“ถึงมีแต่ตัวพี่ก็พาไปได้”

ณชามองค้อนใบหน้าประดับยิ้มหวานๆ เอาอกเอาใจของอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้เต็มแก่ “แล้วชวนไปเที่ยวนี่มีเงินเลี้ยงณชาไหมถามหน่อย”

“จะเอาที่ไหนมามีล่ะครับบบ…พี่เพิ่งกลับจากไปปีนเขาที่ปากีสถาน ขอกู้ณชาก่อนละกัน นะ…”

“เกลียดดด!”

สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นว่าทริปนี้ณชาต้องเป็นคนขับรถไปถึงพัทยา และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์เองหมด โดยที่พสินหาได้มีอีโก้มากพอที่จะสำนึกผิดหรือละอายใจในเรื่องนี้ไม่ แต่ณชาเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะช่วยจ่ายแม้แต่บาทเดียวมาตั้งแต่แรก จึงไม่ได้รู้สึกอะไรใดๆ ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม เธอไม่ยอมนอนโรงแรมถูกๆ ตามที่พสินเสนอ ทั้งยังไม่ยอมกินข้าวข้างทางตามที่เขาพยายามจะช่วยประหยัด

“แบบนี้จะมาว่าพี่ก็ไม่ถูกนะ ในเมื่อเธอเลือกที่พักที่กินในระดับที่พี่ไม่มีปัญญาจ่ายเองนี่นา”

พสินออกตัวระหว่างพากันมานั่งจิบกาแฟในร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่งในช่วงสายของวันต่อมา เขากับณชาเพิ่งเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม แล้วจึงมาแวะหาอะไรทานที่ร้านนี้ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ

เมื่อวานเขากับณชามาถึงพัทยาในช่วงเย็น แล้วก็เลือกพักในโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง เมื่อคืนเขานั่งดื่มที่บาร์ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมเป็นเพื่อนณชาจนถึงตีสอง ฟังเธอเวิ่นเว้อเพ้อรำพันถึงเจสตลอดหลายชั่วโมง เธอเมาเล็กน้อยแบบยังพอจะมีสติอยู่ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเธอไว้ใจเขามากจึงมิได้ระวังตัวมากนัก ซึ่งพสินก็ไม่เคยมีความคิดอยากจะเอาเปรียบเธอแม้แต่นิดเดียว ถึงจะมีใจให้ณชาแต่ความรู้สึกของเขาบริสุทธิ์และอ่อนโยนเกินกว่าจะคิดเรื่องต่ำๆ กับเธอได้ แม้ว่าคำพูดคำจาของเขาแต่ละครั้งจะไม่ค่อยถนอมน้ำใจเธอสักเท่าไหร่นักก็ตาม…

“ถ้าเธอยอมนอนโรงแรมที่พี่เสนอ กินอาหารร้านที่พี่โอเค…พี่ก็คงเป็นคนเลี้ยงไปแล้วล่ะ”

“หุบปากไปเลยค่าาา”

“แต่จริงๆ แค่พี่มาเป็นเพื่อนตอนที่เรากำลังรู้สึกแย่มันก็น่าจะถือว่าดีสุดๆ แล้วนะ อะไรจะสำคัญไปกว่าการมีเพื่อนอยู่ข้างๆ ตอนกำลังจิตตก”

“ค่ะพี่ ขอบพระคุณมากค่ะ ช่างเป็นบุญของน้องจริงจริ๊งงง!” ณชาตอบกลับอย่างประชดประชัน “นี่ถ้าไม่ได้พี่พีทป่านนี้คงเสียใจโดดทะเลตายไปแล้วล่ะมั้ง!”

“เอาน่า…ไว้พี่รวยเมื่อไหร่จะเลี้ยงเราคืนบ้าง”

“อีกสิบปีคุณพี่จะรวยไหมคะ เงินเดือนนิดเดียวแถมยังเที่ยวเก่งซะขนาดนี้ รถก็ไม่มีขับ บ้านก็ยังต้องเช่าเขาอยู่”

“พูดจาโหดร้ายไม่ถนอมน้ำใจพี่เลย”

“แล้วคุณพี่เคยถนอมน้ำใจน้องไหมคะ”

“ก็บอกแล้วว่าทั้งหมดเป็นเพราะพี่ห่วง”

ณชาเบ้ปากใส่ก่อนจะยกถ้วยชาร้อนขึ้นจิบ

“พี่พูดตามตรงนะ ถ้าเราตกลงเป็นแฟนกันตอนนี้ อีกสัก…ห้าหกปีหรืออีกสิบปีเราค่อยแต่งกันก็ได้นี่นา ตอนนั้นพี่น่าจะมีพร้อมทุกอย่างแล้ว”

คนฟังชะงักมองอีกฝ่ายอย่างค้นคว้าแวบหนึ่ง พสินมีวิธีมองและพูดถึงเรื่องเหล่านี้ได้โดยที่ไม่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดหรือเกิดอาการขัดเขินใดๆ เลย เขาพูดขึ้นมาได้หน้าตาเฉยและฟังดูเรียบๆ เหมือนชวนคุยเรื่องปกติทั่วไปจนเธอไม่รู้สึกว่าโดนต้อนหรือกดดัน

จริงๆ แล้วพสินเป็นผู้ชายที่เรียกได้ว่าแทบไม่ได้มีอะไรเลยที่เธอไม่ชอบ ถ้าไม่นับเรื่องทรัพย์สินเงินทองของนอกกายที่เขามีค่อนข้างน้อย…ก็ถือได้ว่าเขาเป็นคนที่เข้ากับเธอได้ดีมากแบบที่ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำได้เลยด้วยซ้ำ แล้วเธอกับเขาก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังและธาตุแท้กันและกันเกือบทุกอย่าง แล้วสิ่งที่เธอชอบที่สุดในตัวเขาก็คือ พสินนับเป็นคนเดียวที่เวลาอยู่ด้วยกันแล้วเธอไม่เคยเห็นเขาหยิบมือถือขึ้นมาโดยไม่จำเป็นเลย ในโลกส่วนตัวแล้วเขาไม่มีความติดโซเชียลมีเดียเลยสักนิด ทั้งที่ตัวเองทำงานด้านไอทีและดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งแท้ๆ

“ขี้โม้…ห้าหกปีนี่มันแป๊บเดียวเองนะคะ พี่พีทจะทันมีอะไรได้ยังไง”

“ดูถูกชะมัด”

“จริงๆ แล้วคุณพริ้งบอกว่าณชาไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับผู้ชายที่มีพร้อมทุกอย่างทางด้านวัตถุ เพราะณชาเองมีทุกอย่างครบหมดแล้ว แค่เลือกคนดีๆ ที่รักเราแล้วก็พร้อมจะดูแลเราก็พอ…”

“นั่นมันพี่ในอีกห้าหกปีชัดๆ เลย ว่าไหม”

“แน่ใจเหรอว่าถึงตอนนั้นจะเลิกตะลอนๆ เที่ยวต่างประเทศแล้วคอยอยู่ดูแลใครสักคนได้อย่างเต็มที่จริงๆ”

“ก็…พี่คิดว่าพี่ทำได้นะ”

ณชาเบ้ปากด้วยสีหน้ายิ้มๆ อย่างหมั่นไส้แกมไม่เชื่อถือเลยสักนิด

“งั้นก็รอดูเอาละกัน อีกตั้งนาน แต่ก่อนอื่น…เราน่าจะลองมาเป็นแฟนกันดูก่อน”

“ขอผู้หญิงเป็นแฟนได้ไร้ความโรแมนติกมากเลย…” ณชาประชด “ไม่ผ่านค่ะ ไม่เอา!”

“ปฏิเสธได้ใจร้ายชะมัด”

“ก็ตัวเองไม่น่ารักเองนี่นา ถ้าอยากได้ณชาจริงๆ พี่พีทต้องน่ารักกว่านี้นะ ไม่งั้นใครจะไปยอมใจอ่อนง่ายๆ”

“ถ้าพี่น่ารักกว่านี้เธอจะฝันถึงพี่ทุกคืนไหมล่ะ”

“ไม่รู้สิคะ เพราะตอนนี้ฝันถึงแต่เจสทั้งวันทั้งคืน ไม่ว่าหลับหรือตื่นก็เห็นแต่หน้าเขา ขนาดเมื่อคืน…เมาพับหลับไปยังฝันเห็นเขามาจุ๊บแล้วจุ๊บอีก แต่ดันสะดุ้งตื่นเพราะกำลังฝันหวานอยู่ดีๆ ก็ฝันว่าเชอรีลมากรี๊ดใส่หูดังมาก”

“เธอนี่…มโนเก่งสมกับแฮชแท็กที่ได้เลยนะ มิน่า…คุณพริ้งกับคุณโบว์ถึงปวดหัวจะเป็นจะตาย”

“นี่คงแอบไปเม้าท์กับคุณโบว์คุณพริ้งเรื่องณชามาสินะ”

อีกฝ่ายเงียบไม่ยอมตอบ ณชาเลยมองค้อนขวับหนึ่งแล้วหันไปยกมือโบกเรียกพนักงานให้มาหาที่โต๊ะ

“ขอโทษนะคะ ช่วยเอาครัวซองต์ไปอุ่นให้อีกทีได้ไหม มันเย็นจนแข็งไปแล้วอ่ะค่ะ”

“อะไร…เขาเพิ่งเอาไปอุ่นมาให้เมื่อกี้นี้ จะให้ไปอุ่นอีกแล้ว?” พสินโวยเบาๆ

“ก็มันเย็นชืดแล้วนี่นา ณชาชอบทานอุ่นๆ ร้อนๆ”

“งั้นทำไมไม่รีบกิน อุ่นแล้วเอามาวางทิ้งไว้จนมันชืดทำไม”

“จะให้กินรีบๆ ยัดๆ มันจะไปได้อารมณ์ยังไงล่ะคะ ก็ต้องค่อยๆ ละเลียด…” ณชาเถียงแล้วหันไปยิ้มหวานกับพนักงานที่ยืนรออยู่ “ช่วยเอาไปอุ่นให้ใหม่ด้วยนะคะ”

พนักงานรับคำแล้วยกจานใส่ครัวซองต์อัลมอนด์ของเธอเดินเข้าครัวไปอุ่นมาให้ หลังจากถามพสินว่าของเขาจะให้เอาไปอุ่นด้วยไหมแล้วชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธและตอบว่าไม่เป็นไร…

“เรื่องมากขนาดนี้เดี๋ยวเขาก็หมั่นไส้เอาหรอก มีหวังโดนเอาไปนินทาลงอินเตอร์เน็ตแน่”

“ช่างปะไร”

“นิสัยยย” พสินดุ “แทนที่เป็นคนดังแล้วจะพยายามทำตัวน่ารักให้ใครๆ ชื่นชม ดันทำตัวเยอะให้เขาด่า”

“แค่อุ่นครัวซองต์เอง มันไม่ได้แย่ขนาดที่เขาจะด่าจนเสียหายได้หรอกค่ะ ก็ณชาชอบกินขนมปังอุ่นๆ ร้อนๆ นี่นา แข็งๆ ชืดๆ แบบนั้นใครจะไปกลืนลง”

“ไม่เห็นมันจะแข็งตรงไหนเลย ก็ยังนุ่มดีอยู่” พสินว่าแล้วบิของตัวเองทาน

“แต่อุ่นแล้วรสชาติมันดีขึ้นนี่คะ”

“นอกจากแฮชแท็กขี้มโนแล้ว เดี๋ยวเธอคงได้ ‘นางเอกครัวซองต์เรื่องเยอะ’ เพิ่มอีกอัน ระวังเถอะ”

“ไม่เห็นกลัวเลย รู้ไหมคะ บางทีการเป็นดาราก็ควรมีความเรื่องมากในระดับพอดีบ้าง อย่างน้อยก็ทำเพื่อให้เป็นที่จดจำของคนอื่น แล้วณชาก็ไม่ได้เหวี่ยงอะไรน่าเกลียดซะหน่อย ก็ออกปากขอร้องเขาดีๆ พูดจาเพราะๆ ยิ้มหวานๆ ให้เขา ยกมือไหว้ขอบคุณสวยๆ เพียงแต่ขอให้เขาอุ่นครัวซองต์หลายรอบหน่อยเท่านั้น แล้วณชาก็ตั้งใจจะให้ทิปเขาเยอะๆ เป็นค่าความเรื่องมากของตัวเองอยู่แล้วด้วย พี่พีทไม่ต้องห่วงหรอก”

พสินฟังแล้วกลอกตาใส่อย่างเอือมระอา

“ฟังนะคะ การที่ณชาเยอะใส่เขาแบบนี้ เขาจะได้จำแม่นไงว่าณชาเคยมาที่นี่ และขออุ่นครัวซองต์ไปสามรอบ”

อีกฝ่ายพยักพเยิดรับรู้อย่างหน่ายๆ โดยไม่พูดอะไรเลย

“พี่พีททำหน้าแบบนี้ใส่แปลว่าเบื่อณชาจนเลิกชอบแล้วล่ะสิ”

“ตอนนี้ยังหรอก แต่อีกไม่นานก็ไม่แน่”

“เฮอะ…เลิกชอบไปเลยก็ดี จะได้ไม่ต้องมาเป็นห่วงแล้วคอยย้ำเตือนเรื่องเจสอีก น่ารำคาญ” ณชากระแทกเสียงประชดแล้วเม้มปากอย่างขัดเคืองใจ

“ขอให้มันจริงเถอะ วันไหนพี่เลิกสนใจขึ้นมาจริงๆ เธอจะรู้สึก ตอนเจสทำให้เสียใจเธอจะได้เศร้าแล้วเหงาตายไปเลย”

หญิงสาวฟังแล้วทำเป็นเบ้ปากรัวๆ เสมือนไม่แคร์…แต่ลึกๆ ก็ยอมรับว่าฟังคำพูดดังกล่าวทำให้สะเทือนใจและรู้สึกกลัวอยู่นิดๆ เหมือนกัน พสินอาจจะเป็นแค่คนเดียวในโลกก็ได้ที่รักและต้องการเธอเพียงคนเดียวอย่างแท้จริง หากต้องสูญเสียเขาไปเธอคงอดใจหายไม่ได้ และคงรู้สึกว่างเปล่าเกินบรรยาย

แล้วถ้าวันไหนที่เธอยอมรับว่าตัวเองหมดหวังและอกหักจากเจสอย่างสิ้นเชิงแล้ว อาจจะไม่มีใครสนใจไยดีเธอเลยก็ได้ เพราะเวลานี้ทุกคนต่างพากันเอือมระอากับเรื่องนี้เต็มทนแล้ว

 

“พี่ชาชา!”

ณชาชะงักกึกแล้วหันขวับไปตามเสียงเรียกอันคุ้นเคยดังกล่าวทันที เธอแทบพ่นชาร้อนคำสุดท้ายที่เพิ่งจิบเข้าไปออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อเห็นมาร์กี้กับลีโอวิ่งถลาตรงเข้ามาหาด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ

“สองคนมาได้ไงเนี่ย!”

“มากับแด๊ดดี้กับเชอรีลครับ แด๊ดดี้นั่งอยู่ทางโน้นนน…” มาร์กี้ชี้ไปทางด้านหนึ่งของร้าน ณชามองตามจึงเห็นเจสกับเชอรีลนั่งอยู่ในมุมด้านนั้นจริงๆ

“เลาเห็นพี่ชาชาก่อนมาร์กี้อีก เลาเลยบอกแด๊ดดี้ว่าขอมาหาพี่ชาชาแป๊บนึง”

ตอนนั้นณชากับพสินเรียกเก็บเงินและกำลังจะออกจากร้านพอดี พอชำระเงินเรียบร้อยก็พากันเดินตามสองหนุ่มน้อยไปยังโต๊ะของเจสเพื่อกล่าวคำทักทายเขาตามมารยาท

“พอได้เจอเจสก็ดี๊ด๊าเก็บอาการไม่อยู่เลยนะ” พสินค่อนขอดอย่างอดไม่ได้

“แหงล่ะ ก็เค้ารักของเค้า”

คนฟังกลอกตาเบาๆ กับอาการลอยหน้าลอยตาด้วยความดื้อรั้นดันทุรังของอีกฝ่าย และยิ่งกลอกหนักกว่าเก่าเมื่อเผชิญหน้ากับเจสแล้วเห็นณชาหน้าบานจนหุบไม่ลง เสมือนลืมเลือนอารมณ์หม่นหมองตอนที่คร่ำครวญปรับทุกข์เรื่องเจสกับเขาเมื่อก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้นแล้วกระนั้น

“บังเอิญจังเลย ดีใจนะคะที่ได้เจอพวกคุณที่นี่ มาเที่ยวพัทยาเหมือนกัน…ใจตรงกัน” ณชาพูดพลางยิ้มหวานให้เจสอย่างไม่สงวนท่าที โดยไม่ลืมเผื่อแผ่รอยยิ้มดังกล่าวไปถึงเชอรีลที่ยิ้มให้เธออย่างสงวนท่าทีอยู่ตรงหน้า… “มิน่าล่ะ เมื่อคืนฉันฝันถึงคุณทั้งคืนเลยค่ะเจส แล้วก็ได้มาเจอกันที่นี่…”

เจสยิ้มให้เธออย่างสุภาพ “เรามากันตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะครับ พวกคุณคงเพิ่งมาถึง”

“เราก็มาตั้งแต่เมื่อวานเหมือนกันค่ะ นี่กำลังจะกลับแล้ว พอดีพี่พีทมีงานด่วนเข้ามา ตอนแรกว่าจะค้างกันอีกคืน เพราะพรุ่งนี้ณชาไม่มีงาน แต่จะออกเช้าๆ ไปให้ทันพี่พีทเข้างานเก้าโมง”

“ถ้ายังไม่อยากกลับอยู่ต่อกับเราก็ได้ ให้เพื่อนคุณกลับไปก่อน แล้วคุณค่อยกลับพร้อมผมพรุ่งนี้”

“…”

“จะได้อยู่เป็นเพื่อนเด็กๆ ด้วย”

ณชาหันไปมองหน้าพสิน แต่แววตาเขาว่างเปล่าอย่างไร้ความเห็น

“พอดีผมมีนัดมาคุยธุระที่นี่ อาจจะไม่มีเวลาดูแลเด็กๆ มากนัก ถ้าคุณไม่รังเกียจที่จะอยู่ต่อเป็นเพื่อนเด็กสองคนนี้…”

“ถ้าแด๊ดดี้ไม่มีเวลาพาเราไปว่ายน้ำ ณชาจะได้พาไปแทนใช่ไหมครับ” มาร์กี้สอบถามผู้เป็นพ่อด้วยท่าทางจริงจังอย่างมีความหวัง พอเจสพยักหน้ารับ เด็กชายจึงหันไปบอกณชา “ณชาจะพามาร์กี้กับลีโอไปว่ายน้ำได้ไหมครับ”

“เอ่อ…”

“อยากอยู่ต่อก็อยู่สิ เธอก็ไม่ได้รีบกลับไปทำงานไม่ใช่เหรอ” พสินช่วยยุ

“งั้น…”

“เย้!” มาร์กี้กับลีโอพากันส่งเสียงร้องดีอกดีใจทั้งที่ณชายังไม่ทันได้พูดอะไร

ตอนเดินไปเอากระเป๋าสัมภาระที่รถกับพสิน เธอเลยโดนเขาแขวะตลอดทาง แต่หญิงสาวก็หาได้นำพาไม่…

“ก็พี่พีทเห็นไหมล่ะ ถ้าเขาไม่มีใจสักนิด…เขาคงไม่ชวนณชาอยู่ต่อด้วยหรอก เขาต้องคิดอะไรกับณชาอยู่บ้างแน่ๆ”

“น้องครับ พี่ก็เห็นว่าเขาแค่ชวนตามมารยาทเท่านั้นนะ อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง”

“แต่การที่เขารู้ว่าณชาคิดยังไง… ถ้าเขาไม่ได้ชอบณชาเลย เขาต้องไม่อยากข้องเกี่ยวด้วยสิ แต่นี่เขากลับอยากให้ณชาใกล้ชิดกับลูกๆ เขา”

พสินกลอกตาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ

“แล้วเธอคิดได้ยังไงกัน จะอยู่เป็นเพื่อนลูกเขาทั้งที่เขาพาผู้หญิงคนอื่นมาด้วย มีหวังได้เป็นข่าวน่าอายให้ต้นสังกัดเวียนหัวอีกรอบแน่ ดูไม่มีศักดิ์ศรีเอาซะเลย”

“ถ้าจะพูดขนาดนี้แล้วทำไมเมื่อกี้ไม่เบรกกันเลยล่ะ ดันมายุส่งให้ณชาอยู่ต่อกับเขาซะอีก!”

“ก็พี่เห็นตาเธอเป็นประกายเพราะอยากอยู่ต่อจนตัวสั่น เลยไม่อยากห้ามให้เสียอารมณ์”

“เปล่าซะหน่อยนะ ไม่ได้อยากอยู่จนตัวสั่นขนาดนั้น ถ้าปกติอาจจะใช่ เพราะอยากอยู่กับเจส แต่นี่เขามีผู้หญิงคนอื่นอยู่ด้วย ณชาก็ไม่ได้เสียสติขนาดจะอยากอยู่ดูเขาสวีตกันให้ช้ำใจเล่นหรอก พี่พีทก็ดันมายุให้อยู่ต่อกับเขาไปอีก ณชาเลยสับสนไปหมดจนตอบตกลงไปแบบงงๆ!”

พสินถอนหายใจเฮือกกับการโดนโยนความผิดให้หน้าตาเฉย แล้วระหว่างนั้นก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาที่มือถือของเขา เป็นสายจากเจมี่ ณชายืนมองเขาคุยสายกับเจมี่อยู่ข้างรถด้วยสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย พอเขาวางสายเธอจึงรีบถามด้วยความหวาดระแวงแกมสงสัยจนลิ้นรัว

“เจมี่โทรมาทำไมคะ”

“คอมฯ เขามีปัญหา เลยวานให้พี่เข้าไปช่วยดูหน่อย”

“เจมี่คอมฯ มีปัญหา?”

“ก็เขาบอกว่างั้น”

“ท่าทางเหมือนเขากับพี่พีทคุ้นเคยกันดีจังนะคะ ไปสนิทกันตอนไหน”

“ก็ตั้งแต่ตอนเธอแนะนำให้พี่รู้จักแล้วไปนั่งกินข้าวด้วยกันไง”

“เคยเจอกันแค่สองสามครั้งเนี่ยนะ…ไม่เห็นรู้เลยว่าแอบติดต่อกันเป็นส่วนตัวแบบนี้ด้วย”

“จะเคยเจอกี่ครั้งก็ถือเป็นเรื่องปกติที่จะติดต่อกันแบบนี้ เพื่อนเธอก็เหมือนเพื่อนพี่นั่นแหละน่า หรือพี่กับเจมี่ต้องรายงานเธอทุกครั้งที่ติดต่อกัน?”

“เปล่าค่ะ!” ณชากระแทกเสียงใส่อย่างขุ่นเคือง “แล้วที่ว่าคืนนี้เจอกัน…นั่นแปลว่าพี่พีทจะไปดูคอมฯ ให้เขาที่ห้องเหรอคะ”

“อื้อ”

“คิดได้ไงเนี่ย!” ณชาอุทานอย่างตกใจ “ถ้าไปหาเจมี่ดึกๆ ดื่นๆ มีหวังเสร็จเขาแหงๆ”

“คิดไปเรื่อย”

“อย่าบอกนะว่าเคยไปมาบ่อยจนชินแล้ว”

“บ้า ยังไม่เคย…เธอคิดมากอะไรเนี่ย”

“ไม่ได้คิดมากนะคะ พี่พีทไม่รู้จักเจมี่รึไง เขาแอบชอบพี่พีทอยู่ด้วยนะรู้ไหม”

“เจมี่ชอบพี่?”

“ก็เวลาณชาเล่าเรื่องพี่พีทให้ฟัง เขาจะทำท่าสนใจยังไงไม่รู้ แล้วก็ถามนั่นถามนี่ตลอด สงสัยเพราะเห็นพี่พีทดูซื่อๆ แล้วก็ใจดีไม่เหมือนผู้ชายที่เขารู้จักส่วนใหญ่ล่ะมั้ง แต่พี่พีทก็รู้ว่าเจมี่เจ้าชู้มากขนาดไหน เขาก็มักจะปิ๊งแล้วหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายไปทั่วง่ายๆ แบบนี้แหละ”

“นิสัยไม่ดีเลยนะณชา พูดจาว่าร้ายเพื่อนตัวเองลับหลังแบบนี้”

“ณชาก็แค่เป็นห่วงพี่พีท เพราะรู้ว่าตอนนี้เจมี่เขาเห็นว่าพี่พีทเป็นของแปลกใหม่น่าสนใจ เป็นเหมือนของหวานน่าลิ้มลอง ถ้าไม่ระวังตัวล่ะก็…พี่พีทเสร็จเขาแน่ๆ!”

“ทำไม ณชาหึงพี่เหรอ”

“เปล่าค่ะ ก็บอกว่าเป็นห่วง!”

“พี่เป็นผู้ชาย จะต้องมาห่วงอะไร ถ้าไม่ได้หวงก็ไม่ต้องพูดมากหรอก”

ณชาทำหน้าง้ำ “ยังไงก็อย่าไปที่ห้องเจมี่ตอนกลางคืนดีกว่านะคะ มันไม่ปลอดภัย ณชาไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนเข้าห้องเจมี่แล้วกลับออกมาได้อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่องดังเดิมเลยสักคน”

“แล้วใครบอกว่าตอนนี้พี่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ดูถูกกันชะมัด”

ณชาถลึงตาแยกเขี้ยวใส่ “อย่าบังอาจเอาประสบการณ์พื้นๆ บ้านๆ กระจอกๆ ของพี่พีทมาเทียบกับสิ่งที่จะได้จากสาวฮอตอย่างเจมี่เด็ดขาด มันคนละชั้นกันเลย”

“รู้ได้ไงว่าพี่กระจอก แล้วรู้ได้ไงว่าประสบการณ์เจมี่ไม่ธรรมดา”

“…”

“อย่าบอกว่าเธอกับเจมี่เคย…อย่างที่คนเขาเม้าท์กัน”

“ไม่ใช่ย่ะ ณชากับเจมี่ไม่ใช่เลสเบี้ยน ณชาแค่เคยได้ยินตอน…”

“ได้ยินตอน…?”

“ก็ตอนที่เจมี่…” ณชาอึกอักหน้าแดง “โอ๊ยยย…จะตอนอะไรก็ช่างเถอะอย่าถามเลย สรุปพี่พีทไม่ควรไปที่ห้องเจมี่ตามลำพังตอนดึกๆ ดื่นๆ เข้าใจไหม”

“ยิ่งพูดแบบนี้ก็ยิ่งอยากลอง เห็นแบบนี้พี่เป็นคนชอบความท้าท้ายนะ” พสินจงใจแกล้งยั่วโมโหเธอ “แล้วยิ่งมาดูถูกว่าประสบการณ์ของพี่มันพื้นๆ บ้านๆ กระจอกๆ พี่ยิ่งอยากพิสูจน์ตัวเองเข้าไปใหญ่ จะดูซิว่าระหว่างพี่กับเจมี่ใครจะแน่กว่ากัน”

“เออ! งั้นก็ตามใจเลยค่า! เชิญไปลองให้เต็มที่เลย!” ณชาขึ้นเสียงอย่างโมโห “ในเมื่อเตือนแล้วไม่ฟัง มีอะไรเกิดขึ้นก็อย่ามาโอดครวญละกัน ถ้าเสร็จเจมี่แล้วหลงรักเขาหัวปักหัวปำจนโงหัวไม่ขึ้น แต่โดนเขาขยี้แล้วเขี่ยทิ้งแทบไม่ทันเหมือนดอกไม้ริมทางล่ะก็ ณชาจะหัวเราะเยาะให้ฟันร่วงคอยดู จะไม่ช่วยแล้วก็จะไม่สงสารสักนิดเลยด้วย!”

พสินมองคนขี้โมโหยิ้มๆ เขารับรู้ได้ว่าภายใต้ความหงุดหงิดนั้นมีความห่วงใยอยู่ด้วยเต็มเปี่ยม

 

(ตอนต่อไปพบกันวันที่ 17 มีนาคม)

หน้าที่แล้ว1 of 5

Comments

comments

Jamsai Editor: