ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ลูบคมองครักษ์สวมรอย เล่ม 1 บทที่ 3-4
สาวใช้ผู้นี้เป็นคนโปรดข้างกายเฉินซื่อ สามารถเลียนแบบท่าทีของเฉินซื่อได้เหมือนถึงสิบในสิบส่วน ยามอยู่ในเรือนวางท่าใหญ่โต ชักสีหน้าออกคำสั่งกับผู้อื่น ครั้นเห็นฟู่ถิงโจวกลับรีบปั้นยิ้มประจบ นางชำเลืองมองสีหน้าเขาอย่างระวัง “ท่านโหว เรื่องเมื่อวานทำเอาฮูหยินผู้เฒ่าตกใจแทบแย่ ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินว่าเรือนทางนี้ยังสว่างอยู่จึงหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืน ท่านโหว เมื่อวานเป็นผู้ใดกันแน่ที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าถึงกับกล้าโจมตีจวนเจิ้นหย่วนโหวเจ้าคะ”
โง่เง่าสิ้นดี ฟู่ถิงโจวเหลือบตาขึ้น เงยหน้ามองคนถามอย่างเหลืออด เมื่อวานจวนเจิ้นหย่วนโหวกับจวนหย่งผิงโหวถูกดักทำร้ายกลางทางระหว่างลงจากเขา คุณหนูสามสกุลหงเกือบจะพลัดตกจากหน้าผา สุดท้ายหงหว่านฉิงไม่เป็นไร หวังเหยียนชิงกลับตกหน้าผาแทน อย่างไรเสียสกุลฟู่ก็มิใช่พวกกินผัก ก่อนหน้านี้ถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อตั้งสติได้ก็รวบรวมกำลังโต้ตอบ อีกฝ่ายเห็นโอกาสอันดีผ่านพ้นไปแล้วจึงไม่อาลัยในการต่อสู้อีก สลายตัวไปทันที
ฟู่ถิงโจวห้ามเลือดอย่างหยาบๆ จะลงไปตามหาหวังเหยียนชิงด้วยตนเองทันที แต่หงหว่านฉิงกลับร้องไห้ไม่หยุด เฉินซื่อยื้อยุดเขาไว้ร้องว่ากลัว ฟู่ถิงโจวปลีกตัวมิได้ ได้แต่มอบหมายการตามหาคนให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้ใจ ส่วนตนเองคุ้มกันเหล่าสตรีกลับมาก่อน
รอจนกลับเข้าเมืองแล้ว หย่งผิงโหวก็ขอบคุณเขาเป็นการใหญ่ ยังบอกว่าวันหน้าจะพาหงหว่านฉิงมาขอบคุณถึงที่จวนด้วยตนเอง สองตระกูลล้วนผ่านการเคี่ยวกรำในวังวนการต่อสู้ของกลุ่มขุนนางมาก่อน รู้หนักเบาของเรื่องราวที่เกิดขึ้นดี หย่งผิงโหวกับฟู่ถิงโจวปิดปากเงียบเรื่องนี้อย่างใจตรงกัน บอกเพียงระหว่างที่เหล่าสตรีเดินทางไปไหว้พระได้รับความตระหนกตกใจเล็กน้อย มิได้ป่าวประกาศเรื่องถูกลอบทำร้ายออกไป
ฟู่ถิงโจวกลับจวนเจิ้นหย่วนโหวแล้วถึงได้ทำแผลให้ดี เขาเฝ้าดูความเคลื่อนไหวข้างนอกตลอดคืน ออกคำสั่งอย่างต่อเนื่อง แต่ข่าวที่ส่งกลับมาล้วนไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากได้ยิน
นางหายตัวไป…หายตัวไปโดยสิ้นเชิงเหมือนไม่เคยปรากฏตัวข้างกายเขามาก่อน
ฟู่ถิงโจวเป็นห่วงหวังเหยียนชิง ทั้งยังตระหนกกับฝีมืออันร้ายกาจไม่ธรรมดาของลู่เหิง ทว่าคนของจวนเจิ้นหย่วนโหวเหล่านี้มิอาจคลายความกังวลให้เขาได้ก็แล้วไปเถอะ ยังจะวิ่งโร่มาถามว่าเมื่อวานคนที่ลอบโจมตีพวกเขาเป็นใคร
ฟู่ถิงโจวโมโหจนแทบจะหัวเราะออกมา ยังจะเป็นใครได้อีกเล่า
เดิมทีสาวใช้มีคำพูดแสดงความห่วงใยอีกมากมาย แต่เห็นสายตาของท่านโหวแล้ว นางรู้สึกเหมือนถูกพยัคฆ์จับจ้อง จึงนิ่งเงียบไปทันใด ใบหน้าของฟู่ถิงโจวปราศจากอารมณ์ เอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวเย็นชา “ในเมื่อมารดาได้รับความตกใจ เช่นนั้นก็พักผ่อนให้ดี ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องภายนอก”
สาวใช้ตกใจ ตระหนักในทันทีว่าตนได้ล่วงเกินเข้าเสียแล้ว สตรีปกครองภายในบุรุษจัดการภายนอก เรื่องนอกเรือน สตรีมิอาจถามไถ่ ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็เลอะเลือนเสียแล้ว ถึงขั้นให้นางมาสืบเรื่องนี้กับท่านโหว
สาวใช้รีบก้มศีรษะ เอ่ยอย่างกล้าๆ กลัวๆ “บ่าวหาได้มีเจตนาจะล่วงเกินเจ้าค่ะ ขอท่านโหวโปรดอภัยด้วย”
ฟู่ถิงโจวไหนเลยจะมีเวลาโมโหสาวใช้ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แม้แต่มองเขายังคร้านจะชายตามองด้วยซ้ำ เอ่ยเพียง “ออกไปเถอะ”
สาวใช้ยอบกาย รีบค้อมศีรษะถอยออกไป ฝีเท้าที่ออกจะเร่งร้อนของสาวใช้กระทบพื้น ขับเน้นให้ภายในห้องดูเงียบสงัดยิ่งขึ้น พ่อบ้านคีบอาหารให้ฟู่ถิงโจวด้วยตนเองพลางโค้งกายถาม “ท่านโหว อีกไม่กี่วันก็เป็นวันเทศกาลล่าปา* แล้ว ของขวัญตามเทศกาลในปีนี้ยังคงส่งออกไปเหมือนปีที่แล้วหรือไม่ขอรับ”
ต้าหมิงเป็นกลุ่มคนที่ผูกพันกันด้วยมิตรไมตรี ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลและความสัมพันธ์ทางการเมือง การผูกมิตรและการไปมาหาสู่นับเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างหนึ่ง ของขวัญตามเทศกาลดูเหมือนเป็นการมอบของให้กันและกันของเหล่าสตรี แต่ความเกี่ยวโยงของเรื่องนี้กลับซับซ้อนลึกซึ้งยิ่ง ตามหลักแล้วนี่เป็นงานของนายหญิงของจวน แต่ด้วยความคิดอ่านของฟู่ชางและเฉินซื่อ ฟู่ถิงโจวไม่กล้ามอบหมายเรื่องนี้ให้พวกเขา ได้แต่ต้องจัดการด้วยตนเอง
ฟู่ถิงโจวกำลังจะเอ่ยอะไร หัวสมองพลันมีบางสิ่งวาบผ่าน รีบถาม “วันนี้เป็นวันที่เท่าไร”
พ่อบ้านถูกถามจนอึ้งตะลึงไป ตอบว่า “วันนี้วันที่สองเดือนสิบสองขอรับ”
“วันที่สอง…” ฟู่ถิงโจวยืนอยู่กับที่ หัวใจหดเกร็งระลอกหนึ่งจนเจ็บแปลบ
เมื่อวานคือวันที่หนึ่งเดือนสิบสอง…วันเกิดของนาง
เขาถึงกับบีบบังคับให้นางไปพบหงหว่านฉิงในวันเกิดของนาง ทั้งยังทำให้นางต้องตกหน้าผา มิน่าเล่าเมื่อวานนางถึงได้ซึมเศร้าไม่เบิกบาน เขาลอบตำหนินางที่เอาแต่ใจกลับไม่รู้เลยว่าคนที่ทำเกินไปคือเขาเองต่างหาก
ฟู่ถิงโจวยืนเหม่อหน้าโต๊ะกินข้าว ไอร้อนจากอาหารม้วนตัวขึ้นมา แต่ชายหนุ่มไม่มีความคิดที่จะขยับตะเกียบแม้แต่น้อย เสียงฝีเท้าถี่ยิบระลอกหนึ่งดังขึ้นนอกหน้าต่าง พ่อบ้านเห็นสีหน้าของฟู่ถิงโจวไม่ปกติจึงรีบออกไปขวางคนไร้ตา “ท่านโหวกำลังกินอาหาร จะไปประชุมขุนนางไม่ทันอยู่แล้ว มีเรื่องใดไว้วันหลังค่อยพูดคุย”
อีกฝ่ายถูกสกัดอยู่หน้าประตู นางร้อนใจอยู่บ้าง จึงตะโกนเสียงดังโดยไม่คำนึงถึงธรรมเนียมมารยาท ชะเง้อคอมองเข้าไปในห้อง “ท่านโหว บ่าวมีเรื่องจะรายงานเจ้าค่ะ!”
พ่อบ้านเห็นนางกล้าชะเง้อชะแง้คอมองเข้ามาข้างใน ใบหน้าก็บึ้งตึงทันที ทำท่าจะอาละวาด ฟู่ถิงโจวจดจำเสียงของสาวใช้ผู้นี้ได้ จึงเอ่ยอย่างเหนือความคาดหมาย “ให้นางเข้ามาเถอะ”
คิ้วของพ่อบ้านยังคงชี้ตั้ง เมื่อเป็นเช่นนี้จะบันดาลโทสะก็มิใช่ จะไม่บันดาลโทสะก็มิใช่อีก ได้แต่ออกแรงขึงตาใส่อีกฝ่าย
เฝ่ยชุ่ยค้อมศีรษะขออภัยพ่อบ้าน ซอยเท้าเข้าไปในห้อง พอเห็นท่านโหวก็ยกกระโปรงคุกเข่าลง “บ่าวบกพร่องต่อหน้าที่ ขอท่านโหวโปรดอภัยด้วย”
ฟู่ถิงโจวรู้ว่านางคือสาวใช้ประจำตัวของหวังเหยียนชิง ด้วยเห็นแก่หน้าของชิงชิง เขาจึงยอมอดทนกับการล่วงเกินของนาง ถามว่า “มีอะไร”
เฝ่ยชุ่ยไม่กล้าชักช้า กดศีรษะลงต่ำ สองมือประคองสิ่งของส่งออกไป “บ่าวพบของสิ่งนี้ในหีบเสื้อผ้าของแม่นางเจ้าค่ะ”
เดิมทีฟู่ถิงโจวแค่ถามไปอย่างนั้น แต่พอสายตาของเขากวาดดูสิ่งของในมือเฝ่ยชุ่ยก็พลันชะงัก เขามองดูครู่หนึ่งก่อนจะโน้มตัวไปรับของเหล่านั้นมา
เอกสารยืนยันตัวตน หนังสือผ่านทาง ยังมีทะเบียนครัวเรือน นี่เป็นของจำเป็นที่ต้องตระเตรียมหากจะออกเดินทาง ชิงชิงเตรียมของพวกนี้ไว้ด้วยเหตุใดกัน